สมาธิสั้น ทำงานไม่รอบคอบ ความจำสั้น อาการของคนวัยทำงานที่แก้ไขได้ ง่ายนิดเดียว!

สมาธิสั้น ทำงานไม่รอบคอบ ความจำสั้น อาการน่าหนักใจของคนวัยทำงานที่แก้ไขได้ ง่ายนิดเดียว!

สมาธิสั้น ทำงานไม่รอบคอบ ความจำสั้น อาการน่าหนักใจ ที่ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเราลดลง มาดูกันว่า อาการเบื้องต้นของคนเป็นสมาธิสั้นนั้น มีอาการเป็นอย่างไรบ้าง

อาการของโรคสมาธิสั้น

• ทำงานผิดพลาด เพราะความไม่รอบคอบอยุ๋บ่อยครั้ง
• รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีความกระตือรือร้น
• ความจำสั้น จดจำเรื่องต่างๆ ไม่ค่อยได้ เช่น จำวันส่งงานผิด ทำงานผิดไปจากที่คุยกันเอาไว้ อยุ่บ่อยครั้ง

หากเรากำลังมีอาการเช่นนี้ และอาการเหล่านี้เริ่มส่งผลเสียต่องานที่เรากำลังทำอยู่ นี่คืออาการเบื้องต้นของ โรคสมาธิสั้น

หากเราเป็นคนหนึ่งที่มีอาการสมาธิสั้น ทำงานไม่รอบคอบ ขี้หลง ขี้ลืม ทำงานผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง มาดูเทคนิคการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รอบคอบ และเป็นระบบมากขึ้นกันค่ะ

::: ทำงานให้เสร็จทีละชิ้น :::

คนบางคนสามารถจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญได้ทีละเรื่องเท่านั้น ดังนั้น เราจคงไม่ควรทำงานพร้อมกันหลายชิ้น เพราะนอกจากจะทำให้เราสับสน ต้องสลับความคิดไปมา ต้องเสียเวลากับการปรับความคิดให้เข้ากับงานแต่ละชิ้นแล้ว ยังทำให้ความคิดของเราไม่ต่อเนื่อง แทนที่จะทำงานชิ้นเดียวให้เสร็จอย่างลื่นไหลไปเลย ก็ต้องมาสะดุดไปมา เพราะการสลับไปทำงานอื่น

ดังนั้น เราจึงควรทำงานให้เสร็จทีละชิ้น เป็นชิ้นๆ ไป

::: ลำดับความสำคัญของงาน :::

เมื่อรู้ว่ามีงานที่ต้องทำจำนวนมาก จนเริ่มรับมือไม่ไหว รู้สึกร้อนรน กังวลใจ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปค่ะ ลองนั่งนิ่งๆ ตั้งสติ แล้วเขียนรายการงานที่ต้องทำทั้งหมดออกมา แล้วจึงลำดับความสำคัญของงานเหล่านั้น ว่างานไหนเร่งด่วน งานไหนรอได้ งานชิ้นไหนทำยาก ง่าย แต่ละชิ้นน่าจะใช้เวลาในการทำประมาณเท่าไหร่ จะได้จัดสรรเวลาในการทำงาน ให้เหมาะสมกับงานแต่ละชิ้น

::: ตั้งแจ้งเตือน เมื่อมีงานสำคัญ :::

ถ้ารู้ตัวว่า เราเป็นคนที่ขี้หลงขี้ลืมมากๆ อาการหนักมาก จนทำให้เสียงาน เสียการมาแล้วหลายครั้งแล้ว ขอแนะนำให้ตั้งแจ้งเตือนทุกวิถีทาง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเราต้องพลาดงานสำคัญไป เช่น ตั้งนาฬิกาปลุกแจ้งเตือนล่วงหน้า เตือนถี่ๆ ทุกครึ่งชั่วโมง เพื่อไม่ให้เราหลงลืมงานสำคัญ เขียนกระดาษโน้ตติดเอาไว้ทั่วบ้าน เพื่อเตือนตัวเองอยู่เสมอ ตั้งหน้าจอโทรศัพท์เป็นรูปตารางงานที่เราต้องทำ เป็นต้น

SOURCE : www.goodlifeupdate.com