นิยามของคนรวย คือ คนที่มีทรัพย์สิน มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 30 ล้านบาท
แล้วเราจะเป็นคนรวยได้อย่างไร?
จากงานวิจัยของคุณ Thomas C. Corley ที่สัมภาษณ์เศรษฐี 233 คน พบว่าเราสามารถสร้างฐานะให้เป็นเศรษฐีได้ 3 วิธีครับ
1. นักออม
โดยจากงานวิจัย เศรษฐีประมาณ 22% สร้างฐานะของตนเองจากการประหยัดอดออมและลงทุน โดยออมเงินไม่น้อยกว่า 20% ของรายได้ กลุ่มนี้ใช้เวลาออมและลงทุนจนเป็นเศรษฐีภายในเวลา 32 ปี โดยมีทรัพย์สิน 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 100 ล้านบาท
*2. ผู้เชี่ยวชาญ *
โดยจากกงานวิจัย มีเศรษฐีแบบนี้อยู่ 28% ครับ ซึ่งคนกลุ่มนี้คือคนที่พัฒนาตัวเองจนเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งเป็นอันดับต้นๆ ของวงการ และมักอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่ได้ผลตอบแทนสูงมาก หรือเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มุ่งมั่นและประสบความสำเร็จในธุรกิจ คนกลุ่มนี้ใช้เวลาสะสมความมั่งคั่ง 20 ปีโดยประมาณจนมีความมั่งคั่ง 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 120 ล้านบาท
3. นักล่าฝัน
มีสัดส่วนประมาณ 51% เป็นผู้มีความฝันที่อยากทำอะไรบางอย่างและสามารถเปลี่ยนความฝันหรือสิ่งที่ตัวเองรัก ให้กลายเป็นธุรกิจจริงๆ ได้ กลุ่มนี้ใช้เวลา 12 ปี ในการสะสมความมั่งคั่ง 7.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 220 ล้านบาท ซึ่งเดี๋ยวนี้อาจจะเป็นการสร้างบริษัท Startup แล้วขยายธุรกิจจนสามารถเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ หรือว่ามีบริษัทใหญ่มาซื้อกิจการต่อนั่นเอง
*จากงานวิจัยจะเห็นได้ว่าเราสามารถเป็นเศรษฐีได้จากหลายวิธี *
แต่ว่าอาจจะมีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเป็นเศรษฐีจากการเป็นนักล่าฝันหรือผู้เชี่ยวชาญเพราะว่าตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงมีอยู่อย่างจำกัด การสร้างกิจการ SME ก็ต้องทุ่มเทและใช้เวลาค่อนข้างนาน ส่วนการเป็นนักล่าฝันนั้นก็มีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยกว่า ถึงแม้ว่าถ้าทำสำเร็จจะเป็นคนกลุ่มที่รวยที่สุดก็ตาม
ดังนั้นในความเห็นของผม พวกเราในฐานะมนุษย์เงินเดือนหรือว่าคนทำงานทั่วไปสามารถเป็นเศรษฐีได้จากการเป็นนักออมครับ โดยตัวอย่างของคนกลุ่มนี้ในบ้านเราก็มีให้เห็นมากมาย เช่น ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ต้นแบบนักลงทุน VI เมืองไทย แต่ว่าการจะมั่งคั่งถึงขนาดระดับ 100 -1,000 ล้านอย่างนักลงทุน VI (ที่มีพอร์ตใหญ่ๆ) ก็จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ในเรื่องการเงินการลงทุน การตลาด กลยุทธ์ธุรกิจ สภาวะในอุตสาหกรรมที่ลงทุนอยู่และการประเมินมูลค่าหุ้น ซึ่งก็ค่อนข้างที่จะต้องใช้ความพยายามทุ่มเทในการแสวงหาและวิเคราะห์ข้อมูลจนรู้จักบริษัทเป็นอย่างดีไม่ต่างไปจากเจ้าของกิจการเลยทีเดียว การลงทุนแบบนี้อาจจะทำผลตอบแทนได้ 15-25% ต่อปีโดยประมาณ เส้นทางนี้จึงอาจจะเหมาะกับคนที่ตั้งใจจริงๆ มากกว่าครับ
แต่สำหรับใครที่ต้องการจะเก็บเงินเพื่อการเกษียณ โดยต้องการเงินประมาณ 10-20 ล้านบาทตอนเกษียณ เราอาจจะสามารถทำได้โดยไม่ยากจนเกินไปโดยการลงทุนผ่านกองทุนรวมและมีการบริหารพอร์ตอย่างเหมาะสม สมมติว่าเราออมเงินเดือนละ 8,000 บาท โดยมีระยะเวลาการออม 30 ปี และมีผลตอบแทนทบต้นโดยเฉลี่ยที่ 8% ต่อปี ในปีสุดท้ายเราจะมีทรัพย์สินขนาด 11 ล้านบาท ซึ่งถ้าเทียบกับเงินลงทุนประมาณ 2.8 ล้านบาทนับว่าการลงทุนสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าเงินออมของเราได้ถึงเกือบ4 เท่าทีเดียว (ถ้าอยากรู้ว่าลงทุนกี่ปีจะมีเงินเพิ่ม1 เท่า สามารถติดตามได้จากบทความ ลงทุนกี่ปีถึงจะมีเงินเพิ่มเท่าหนึ่ง? ค้นหาคำตอบด้วย “กฎแห่งเวลา”)
ถ้าเราทำงานไปเรื่อยๆ และได้เลื่อนตำแหน่งได้เงินเดือน ได้โบนัสเพิ่ม เราก็แบ่งเงินส่วนนี้มาเพื่อออมเพิ่ม เราอาจจะถึงเป้าหมายการเกษียณได้เร็วขึ้นอีกโดยอาจจะใช้เวลาลดลงถึง 5 ปีทีเดียวครับ นอกจากนี้การที่เราสนใจการลงทุนยังทำให้เรามีความรู้ในเรื่องเศรษฐกิจและธุรกิจของบริษัทต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งบางส่วนเราอาจจะนำมาใช้พัฒนาการทำงานของเราได้
สำหรับใครที่สนใจลงทุนแต่ไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลการลงทุนเองอาจจะสามารถลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งเดี๋ยวนี้มีบริษัทที่ให้ให้บริการการลงทุนผ่านกองทุนรวมมากมาย ทั้ง บลจ. และ บลน. ซึ่งเราสามารถใช้บริการ ในการวางแผนการลงทุนแบบต่างๆ ได้ ทาง FINNOMENA ซึ่งเป็น บลน. ก็มีบริการนี้ครับ สามารถสร้างแผนลงทุนด้วยแอป LINE ได้ง่ายๆ ผ่านมือถือ คลิกเลย! https://www.finnomena.com/line/intro
สุดท้ายนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นเศรษฐีแบบไหน หรือจะเป็นแค่มนุษย์เงินเดือน ในที่สุดคุณก็ต้องเกษียณจากการทำงานดังนั้นการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวัยเกษียณโดยเริ่มการออมตั้งแต่วันนี้จึงเป็นสิ่งที่ควรจะทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าสิ่งที่ทำให้เงินของคุณเพิ่มมูลค่าได้มากที่สุดคือ อัตราผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ และระยะเวลาที่ยาวนานครับ
ข้อมูลอ้างอิง
“คุณอยากจะเป็นคนรวยแบบไหน” Facebook Page ถามอีกกับอีกเรื่องการลงทุน https://www.facebook.com/Tam.eig/posts/1861117400651259/
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
Ake คนเขียนทำได้หรือเปล่า
21 ส.ค. 2562 เวลา 11.36 น.
เก็บได้เดือนละ 8000 นี้ก็ถือว่ารวยแล้วนะ ขอบคุณบทความ
22 ส.ค. 2562 เวลา 15.11 น.
khem บทความแบบนี้เรียกว่าเพ้อฝัน เพ้อเจ้อ
22 ส.ค. 2562 เวลา 15.56 น.
สุ้ๆ
22 ส.ค. 2562 เวลา 15.10 น.
Rawd.M 1.นักการเมืองคอรัปชั่น
2.พ่อค้าเห็นแก่ตัว
3.ค้ายาเสพติด
เป็นสามอย่างนี้รวยแน่
22 ส.ค. 2562 เวลา 15.41 น.
ดูทั้งหมด