วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ รัฐสภา น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการการสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า
คณะอนุกรรมาธิการเตรียมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทางการเมืองของนักเรียน นักศึกษา สัปดาห์หน้า ที่มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากที่มีนักเรียน นักศึกษา และเยาวชน ออกมาชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นต่างก็ตาม โดยผลการเปิดเวที ทางอนุกรรมาธิการจะรวบรวมเสนอต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อเสนอต่อที่ประชุมสภาต่อไป โดยการรับฟังความคิดเห็นเปิดกว้างทั้งทางออนไลน์ และการยื่นหนังสือโดยตรงต่อคณะอนุกรรมาธิการด้วย
"ส.ส. พลังประชารัฐ 10 คน จะรวบรวมรายชื่อเสนอญัตติด่วนเตรียมยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังเปิดสมัยประชุมสภาในเดือนพฤษภาคม เพื่อเสนอให้ที่ประชุมหาแนวทางการรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียน นักศึกษา และเยาวชน เสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรเป็นสถาบันการเมืองที่ต้องให้ความสำคัญกับเสียงประชาชน" น.ส.ธณิกานต์ ระบุ
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวนอกสภาหรือการเคลื่อนไหวของนักศึกษานั้น เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย ตราบใดที่ไม่ไปกระทบสิทธิคนอื่น แต่อยากจะขอวิงวอนผู้ไม่หวังดีให้หยุดการโพสต์ข้อความและภาพอันเป็นเท็จ ใส่ร้ายแกนนำพรรคพลังประชารัฐว่าพูดข้อความใส่ร้ายนักศึกษาที่ออกมาชุมนุม ยืนยันว่าตนและ ส.ส. พลังประชารัฐไม่เคยกล่าวหานักศึกษาเลย การกระทำดังกล่าวเพื่อหวังให้เกิดความวุ่นวาย สร้างความเกลียดชัง
"พวกผมเข้าใจนักศึกษาดีว่าเป็นพลังที่บริสุทธิ์ แต่อยากให้ระมัดระวังมือที่สามที่จะเข้าไปสร้างสถานการณ์ อีกทั้งวันนี้บ้านเมืองต้องการความสงบ ต้องการความร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อผ่านวิกฤติต่างๆ ของประเทศ จึงอยากขอร้องน้องๆ นักศึกษาว่าอย่าหลงเชื่อข้อมูลบางอย่าง ขอให้ไตร่ตรองให้ดี รัฐบาลพร้อมรับฟังทุกปัญหา เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน" นายธนกร กล่าว
ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกลุ่มนักเรียนนักศึกษาหลายสถาบันจัดกิจกรรมแฟลชม็อบต่อต้านรัฐบาลว่า เป็นสิทธิเสรีภาพที่สามารถทำได้ แต่การแสดงออกต้องไม่กระทบสิทธิคนอื่น การจัดกิจกรรมแต่ละสถานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบได้ทำตามหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มนักศึกษา เพราะตำรวจมีหน้าที่ป้องกันและปราบปราม สิ่งไหนที่ยังไม่เกิดทำได้ก่อนก็ทำ ตำรวจไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร อยากให้มีการแยกแยะ
"ขอเตือนโดยเฉพาะนักศึกษาว่าการแสดงความคิดเห็นให้ระมัดระวังห้ามจาบจ้วงหรือพาดพิงสถาบันเป็นเด็ดขาด ขอฝากไว้ว่ามันเป็นเรื่องการเมือง ความคิดเห็นส่วนตัว อย่าไปแตะ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับสถาบัน ส่วนจะมีกลุ่มไหนอยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง มีความชัดเจนมาตั้งแต่ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ มีการเชิญชวนจัดกิจกรรมตั้งแต่วิ่งไล่ลุงและหลังจากยุบพรรคมีการจัดกิจกรรมดาวกระจายไปตามสถาบันการศึกษาต่างๆ" พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวเตือน
สายวันเดียวกัน นักเรียนโรงเรียนศึกษานารี จำนวนหนึ่ง รวมตัวกันที่สวนหย่อมด้านข้างของโรงเรียน ทำกิจกรรมแฟลชม็อบภายใต้ชื่อ #กระดุมใหญ่จะไฝว้เผด็จการ เพื่อแสดงออกถึงการเรียกร้องประชาธิปไตยและเรียกร้องสิทธิเสรีภาพทางการเมือง ซึ่งนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมมีทั้งนักเรียนชั้นมัธยมต้นและมัธยมปลาย โดยมีการนำกระดาษมาเขียนข้อความแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านระบอบเผด็จการ เสียดสีรัฐบาล การเรียกร้องประชาธิปไตย รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์การใช้ภาษีของรัฐบาล
พร้อมกันนี้ยังมีการปราศรัยของตัวแทนนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรม มีเนื้อหาเน้นไปที่การบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และวิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษาที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการใช้งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ การใช้งบประมาณที่นำไปใช้จ่ายโดยไม่คำนึงถึงภาษีของประชาชน และได้ร่วมกันร้องเพลง Do you hear the people sing ซึ่งมีเนื้อหาที่สื่อถึงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้จะต่างอุดมการณ์และปลุกใจ และแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการตัดสินใจของรัฐบาล ก่อนยุติกิจกรรม
เวลา 15.00 น. ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ถนนอิสรภาพ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ มีการจัดกรรม "BSRU Flash Mob" โดยกลุ่มนักศึกษา มีการนำป้ายผ้าสีขาวมีข้อความเขียนด้วยลายมือสีดำขนาดใหญ่ อาทิ "ชงโคจะไม่บาน ถ้าเผด็จการยังครองเมือง" และ "อิสรภาพจะไม่ใช่แค่ชื่อถนนอีกต่อไป" มาจัดวางบริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)
นักศึกษาชาย ชั้นปีที่ 3 ไม่ประสงค์ออกนาม กล่าวว่า จัดกิจกรรมเพื่อแสดงออกว่าเราไม่ยอมรับกับสิ่งที่เป็นอยู่ อยากสะท้อนความคิดเห็นว่าภาครัฐปฏิบัติไม่เหมาะสม โดยเฉพาะประเด็นการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์เตือนว่าระวังหมดอนาคต ตนไม่กลัวเพราะตามกฎหมายแล้วการชุมนุมในสถานศึกษาสามารถทำได้ตราบที่ไม่มีความรุนแรง ขอยืนยันว่าเราทำอย่างสันติ ในส่วนของอาจารย์ไม่มีการห้ามจัดกิจกรรมและนักศึกษาก็รู้อยู่แล้วว่าความเหมาะสมอยู่ตรงไหน
ต่อมามีการกราบสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งนักศึกษาและคณาจารย์เรียกว่า "เจ้าพ่อ" จากนั้นนักศึกษาขึ้นปราศรัยระบุว่า เราลุกขึ้นมาทวงความจริงทวงบางสิ่งที่หายไป ก่อนที่ความมืดมนจะมาทำลายความสวยงามของประเทศ เรามาในวันนี้ไม่ใช่เพื่อความสะใจแต่เพื่อแสดงจุดยืน เราคือพลังบริสุทธิ์ ไม่มีการจ้างหรือปลุกปั่นให้มารวมตัวกัน นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาผลัดกันขึ้นปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล กระทั่งเวลา 17.00 น. นักศึกษารวมตัวชู 3 นิ้ว ตะโกน "เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ" อย่างกึกก้อง ก่อนจบกิจกรรมลงโดยไม่มีการจุดเทียนหรือเปิดไฟโทรศัพท์
ส่วนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมงานกฎหมาย เข้าแจ้งความหลังถูกผู้ไม่หวังดีนำภาพตนเองไปเผยแพร่พร้อมใส่ข้อความที่อาจสร้างความแตกแยกในสังคม
นายสุภรณ์ กล่าวว่า เมื่อเช้าพบว่ามีบุคคลรายหนึ่งนำภาพระหว่างที่ตนเคยให้สัมภาษณ์สื่อมาใส่ข้อความว่า "ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาหรือใครที่ออกมาไล่ลุงตู่ ถือเป็นการเนรคุณแผ่นดิน" แล้วเผยแพร่ผ่านไลน์กลุ่มที่มีสมาชิกจำนวนมาก จึงรีบแจ้งทีมงานและจัดแถลงข่าวต่อสื่อว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ตนทำงานการเมืองมากว่า 30 ปี มองว่าหากเป็นผู้ที่มีสติปัญญาคงไม่ทำแบบนี้
"ผมไม่ทราบจุดประสงค์ผู้กระทำว่ามีเป้าหมายอย่างใด แต่ที่ผ่านมายังมีขบวนการเฟคนิวส์แชร์ข่าวปลอมทำลายฝ่ายรัฐบาล ซึ่ง ส.ส.พรรคหลายคนถูกใส่ความในลักษณะเช่นนี้และคงทยอยมาแจ้งความภายหลัง ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าใครเป็นผู้กระทำ จึงมาแจ้งความที่ บก.ปอท.ให้ดำเนินคดีกับบุคคลรายนี้ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด"
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการ ปอท. กล่าวว่า จากนี้พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมตรวจสอบตัวผู้โพสต์ก่อนสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
aaw มันไมจบอย่างที่คิดหรอกรู้จักคำว่ากงกรรมกงเกวียนมัยละคนหนึ่งล้มคนหนึ่งขึ้นมาก้อจะมีล้มคนที่ขึ้นมาอีกมันคือไวรัสที่ไม่มีหมดจากประเทศไทยก้อแค่คำว่าประชาธิปไตยมาทุกยุคสมัยคือระบบที่มนษย์ตั้งขึ้นมาต่างฝายก้อต่างหาพวกตัวเอง
29 ก.พ. 2563 เวลา 10.30 น.
Chaiyanthorn S. เค้าทนกันไม่ไหวแล้วเจ๊ ถ้ามีความสามารถในการบริหารประเทศ จะไม่ว่าเลย สนับสนุนด้วยซ้ำ แต่นี่ รมต. แต่ละคน ดูก็รู้ว่าแดก ว่าไม่มีกึ๋น ให้คนอื่นดูแลดีกว่า
29 ก.พ. 2563 เวลา 05.48 น.
Rich ST จะตัดไฟแต่ต้นลม หรือจะโหมกระพือไฟ..ปีนี้ไฟป่าแรงนะ!
29 ก.พ. 2563 เวลา 05.42 น.
max คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก เด็กอะไรครับท่าน เค้ามีสิทธิ์มีเสียงเลือกตั้งตามชอบธรรม เค้าใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกของเค้ามา พวกเปรตก็ไปทำลายสิทธิ์และเสียงของเค้าแบบไม่เห็นหัวประชาชน ลุแก่อำนาจ ครอบคลุมเบ็จเสร็จ เอื้อประโยชน์พวกพ้อง วางกับดักไว้ทุกอย่าง ชี้ผิดเป็นถูกชี้ถูกเป็นผิด ปิดหูปิดตาประชาชน ตรวจสอบไม่เคยได้ ลาออกไปทั้งคณะเถอะ อย่าทำให้ประเทศย่อยยับไปกว่านี้อีกเลย
29 ก.พ. 2563 เวลา 04.57 น.
TheMc789 อย่ามาสาระแน..
29 ก.พ. 2563 เวลา 04.52 น.
ดูทั้งหมด