เด็ก พปชร.ซัด "สนธิรัตน์"พูดไม่เหมาะสม "การเมืองเก่าหิวโซถอนทุนจะกลับมา"

เด็ก พปชร.ซัด "สนธิรัตน์"พูดไม่เหมาะสมบอกการเมืองแบบเก่าหิวโซถอนทุนจะกลับมา 

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหาร พปชร.ว่า ตนเป็น ส.ส.หน้าใหม่ แต่กรณีที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน รักษาการเลขาธิการพรรค พูดว่าสงสาร ส.ส.หน้าใหม่ในพรรค ถือว่าไม่เหมาะสม และอยากเรียนว่าไม่ต้องมาสงสารหรอก เพราะว่าตนมาจากการเลือกตั้งมาจากเสียงของประชาชน สิ่งที่เกิดขึ้นตนคิดว่าถูกต้อง นายสนธิรัตน์ อย่าคิดว่าทั้งพรรคหรือทั้งประเทศไทย มีคนเก่งแค่คุณเท่านั้น คนที่เขาบริสุทธิ์ใจที่อาสาเข้ามาจากเสียงประชาชน เพื่อประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เข้ามาเป็น ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรทั้ง500 คน ส.ส.ทุกคนคิดเป็น สิ่งที่คุณพูดว่าการเมืองแบบเก่าหิวโซ ๆถอนทุนจะกลับมา หรือคุณทำงานแบบมือสะอาดนั้น สิ่งที่พูดนั้นคุณสนธิรัตน์หมายความว่า คนที่จะมาเป็นเลขาธิการพรรค แทนคุณนั้น มือไม่สะอาดหรือเป็นนักการเมืองแบบเก่าๆ คุณพูดเล่นนี้ต้องรับผิดชอบและเป็นการว่า ส.ส.ทั้ง 500คนใช่หรือไม่

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า คำพูดของนายสนธิรัตน์เป็นการดูถูก ดูแคลน นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งที่มาจากประชาชน คุณไม่เคยมาจากเสียงของประชาชนคุณเลยไม่เข้าใจ ถ้าคุณเรียนเก่งเรียนสูงมั่นใจตัวเองขนาดนี้ คุณลองลงเลือกตั้งดู ถ้าการที่จะเป็น ส.ส.ที่มาจากเสียงประชาชนจะต้องเป็นคนมีความรู้เรียนสูงๆทั้งหมดหรือคนที่เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนกันแน่ สภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้คงไม่ต่างจากการเรียนหนังสือในห้องเรียนถ้ามีแต่นักวิชาการทั้งหมด อยากจะสอนนายสนธิรัตน์ ว่า การเมืองในสภาผู้แทนราษฎรหรือคนที่เขาผ่านมาเป็น ส.ส.เขามีวิธีคิดอ่านมากกว่าแน่นอน มิเช่นนั้น การตั้งรัฐบาลหรือครม. นายกรัฐมนตรีแต่ละท่าน คงเอานักวิชาการมาเป็น รัฐมนตรี กันทั้งคณะ นักวิชาการอย่างนายสนธิรัตน์ ไม่มีทางมาเข้าใจความรู้สึกความต้องการของพี่น้องประชาชนรากหญ้า หรือมาเข้าใจการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเพราะว่าคุณอยู่แต่ข้างบน

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า อยากจะฝากถึงนายสนธิรัตน์ ว่าหยุดและพอได้แล้ว อย่ากล่าวหานักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งที่มาจากประชาชน อย่ากล่าวหาว่าคนอื่นๆจะไม่มีความสามารถแบบคุณ จะมากล่าวหาว่าคนอื่นทำไม่ได้เท่าคุณ  ขอให้คุณนิ่งๆ รอวันเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่ หากอยากพิสูจน์ตัวเองก็สมัครตำแหน่งเลขาธิการพรรคต่อไปเลย ทุกอย่างเป็นการลงชื่อแบบประชาธิปไตย และจะเกิดขึ้นภายใน 45 วัน อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงคนที่ติดตามในเรื่องนี้เป็นเรื่องของการบริหารภายในพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นเรื่องปกติ ที่เราต้องมาปรับกันภายในบ้าน อะไรที่มันจำเป็นต้องแก้ไข การวิจารณ์ต้องไม่มีอคติ ควรมีมารยาทและสร้างสรรค์บ้าง ไม่ใช่วิจารณ์เอามันโดยที่ยังไม่ดูบ้านตัวเองให้ดีก่อน