ไอที ธุรกิจ

‘กาแฟพันธุ์ไทย’ ลุยใช้แฟรนไชส์ เพิ่ม 1 อำเภอ 1 สาขา สู่เบอร์ 2 ร้านกาแฟไทย

TODAY
อัพเดต 12 พ.ค. 2566 เวลา 22.34 น. • เผยแพร่ 12 พ.ค. 2566 เวลา 10.25 น. • workpointTODAY

หลังจากปักธงจะก้าวสู่ ‘เบอร์ 2’ ในตลาดร้านกาแฟสัญชาติไทยที่ตอนนี้มีคาเฟ่อเมซอนและอินทนิลครองอันดับที่ 1 และ 2 อยู่ พร้อมๆ กับเร่งเครื่องเต็มที่ในการดัน ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2568 ด้วยเป้า 5,000 สาขาภายใน 5 ปีที่ได้ประกาศไปในปีก่อน

ล่าสุดในไตรมาสแรกของปี 2566 ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ ทำยอดขายได้กว่า 350 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่แล้ว 70% และเติบโตจากสาขาเดิมถึง 35 คาดว่ายอดขายโดยรวมจะเพิ่มขึ้น 80% และส่งผลให้กำไรเติบโตขึ้น 2 เท่า ภายในปี 2566 นี้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ในปีนี้เลย ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 900 สู่ 1,500 สาขา จาก 600 สาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อจะเดินตามเป้า 5 ปีที่ปักธงไว้

โดยเน้น 4 กลยุทธ์

1) ขยายสาขาทั่วประเทศด้วยโมเดล ‘แฟรนไชส์’

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นับจากนี้ทุกสาขาที่จะขยายเพิ่มของ ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ จะเป็นโมเดล ‘แฟรนไชส์’ เท่านั้น

เป้าหมาย คือ จะเปิดสาขาให้ได้อย่างน้อย 1 อำเภอ 1 สาขา (ยกเว้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้) ให้ได้จำนวนราว 800 สาขา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรวม 900 สาขาในสิ้นไตรมาส 2 และ 1,500 สาขาทั่วประเทศ

โดยเลือกให้เหมาะกับทำเลพื้นที่และต้นทุน แบ่งเป็นสาขาในสถานีบริการน้ำมัน 60% และสาขานอกสถานีบริการน้ำมันอีก 40% รวมถึงในอนาคตสัดส่วนสาขาจะเป็นของกาแฟพันธุ์ไทย 20% และสาขาแฟรนไชส์ 80%

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

‘แฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทย’ จะมีทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ ชอปเฮาส์, ฟู้ดทรัค, เทรลเลอร์, สแตนอโลน มีราคาตั้งแต่ 1.25-2.5 ล้านบาทต่อสาขา สัญญา 2-3 ปี ตามความเหมาะสมของพื้นที่และคำแนะนำจากกาแฟพันธุ์ไทย โดยค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์และค่าการตลาดรวมกัน 6%

2) เน้นนำเสนอสินค้าใหม่จาก ‘วัตถุดิบท้องถิ่น’

ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และหาทานได้ยากของไทย มาพัฒนาสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มเมนูต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

อย่างรอบล่าสุดที่ได้เอา ‘น้ำนมและเมล็ดข้าวโพดจากไร่สุวรรณ’ มาออกแบบเป็น 3 เมนูใหม่ ตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น 20% จากแคมเปญ

3) เพิ่มไลน์สินค้ากลุ่มไม่ใช่เครื่องดื่ม (Non-Beverage)

อย่างเช่นสินค้ากลุ่มเบเกอรีและขนมอบ (Bakery & Pastry) ขนมแปรรูปจากชุมชนทั่วประเทศ (Pack Food) สินค้าที่ระลึกและของพรีเมียมจากแบรนด์ (Merchandising) รวมไปถึงเมล็ดกาแฟและกาแฟ ดริปพร้อมดื่มที่บ้าน เพื่อเพิ่มยอดขายต่อบิลให้มากขึ้น ปัจจุบันยอดขายสินค้าในกลุ่ม Non-Beverage มีสัดส่วน 30%

4) ขยายและรักษาฐานลูกค้าสมาชิก Max Card

ฐานลูกค้าสมาชิก Max Card ที่มีสมาชิกกว่า 19 ล้านราย คาดว่าภายในปีนี้จะสามารถเพิ่มสมาชิกในระบบได้มากกว่า 21 ล้านรายทั่วประเทศ โดยสามารถเชื่อมโยงฐานข้อมูลสมาชิกมาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อพัฒนากลยุทธ์ในการสร้างยอดขายและเพิ่มความถี่ในการใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

โดยเฉพาะเป้าหมายหลักในการขยายฐานสมาชิก Max Card Plus หรือบัตรแดง ให้เพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าประจำที่มี Brand Royalty และมีกำลังซื้อสูงกว่ากลุ่มทั่วไปมากกว่า 2 เท่า

“ผมไม่อยากบอกว่าเราจะเป็นเบอร์อะไร แต่ตัวเราชอบอยู่ข้างหลัง เพราะอยู่ข้างหน้ามันเมื่อยคอ ต้องคอยเอี้ยวคอมามองข้างหลังอยู่ตลอด” พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด

ทั้งนี้ การศึกษาคาดมูลค่าตลาดกาแฟในช่วงปี 2564-2566 เติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 9% คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.91 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ชี้ให้เห็นปัจจัยบวกของกาแฟในประเทศไทย ที่เต็มไปด้วยโอกาสเติบโตอีกมาก

ดูข่าวต้นฉบับ