ประเดิมจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท ประชาชนหลายพื้นที่แห่ไปกด แต่ต้องผิดหวังเพราะยังไม่ถึงคิว คลังบอกอยากรู้ให้ไปเช็กที่เว็บเราไม่ทิ้งกัน สาวดรามาบอกเศษเงินมีหนาว คลังส่งดีอีเอสตรวจสอบ เจอหนักทั้งกฎหมายคอมพ์-อาญา ฝ่ายค้านพาเหรดข้องใจเกลี่ยงบประมาณ 2563 ทำไมอืด “กรณ์” แนะคุยเอกชนให้ส่วนลดเพื่อให้ใช้เงินคุ้มค่า เมื่อวันพุธที่ 8 เม.ย. ถือเป็นวันแรกที่กระทรวงการคลังส่งเอสเอ็มเอส หรืออีเมล ไปยังผู้ที่ผ่านเกณฑ์รับเงินเยียวยา 5,000 บาทระยะเวลา 6 เดือน ก่อนทยอยโอนเงินให้ ซึ่งเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ได้เปิดเมนูตรวจสอบสถานะขึ้นมา เพื่อให้ผู้ได้รับสิทธิลงทะเบียนเข้าไปตรวจสอบขั้นตอนการจ่ายเงินเยียวยาในรายชื่อของตัวเองได้ว่าขณะนี้ดำเนินการถึงไหนแล้ว โดยผู้ต้องการตรวจสอบสามารถกดที่เมนูตรวจสอบสถานะ หลังจากนั้นระบบจะให้กรอกหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก เบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้ลงทะเบียน และวัน-เดือน-ปีเกิดก่อนระบบจะแจ้งผลว่าขณะนี้ขั้นตอนการจ่ายเงินดำเนินการถึงไหนแล้ว ทั้งนี้ ในวันที่ 8-10 เม.ย. จะแจ้งผลผู้ผ่านเกณฑ์ไปทางเอสเอ็มเอสและอีเมล ส่วนผู้ไม่ผ่านเกณฑ์จะได้รับเอสเอ็มเอสในวันที่ 9 เม.ย.เป็นต้นไปว่าไม่ผ่านคุณสมบัติ ซึ่งไม่สามารถอุทธรณ์ได้ แต่สามารถเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดสาเหตุที่ไม่ผ่านเกณฑ์ได้ที่เว็บไซต์เดียวกัน ส่วนกลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนแต่ต้องรอตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม จะส่งเอสเอ็มเอสแจ้งรายละเอียด เพื่อขอให้ประชาชนกรอกข้อมูลเพิ่มเติมในวันที่ 11-12 เม.ย. นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในรายการของเนชั่นทีวียืนยันว่า การจ่ายเงินจะมีการตรวจสอบได้ว่าคุณสมบัติตรงตามความเป็นจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริง ต้องเรียกเงินคืน และหากกรอกข้อมูลไม่จริงจะดำเนินการในทุกกรณี ถ้าข้อมูลปลอมไม่ได้ไปต่อแน่นอน ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นบนโลกโซเชียลที่ระบุเงิน 5,000 บาทเป็นเศษเงิน ว่าเป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่ทราบว่าเจตนาเป็นอย่างไร เงินที่ให้ในครั้งนี้รัฐบาลตั้งใจดูแลพี่น้องประชาชน อาจไม่มากมาย แต่มีความหมายในภาวะเช่นนี้ ส่วนใหญ่เข้าใจในเรื่องนี้ดี “การขยายเวลาแจกเงินจาก 3 เดือนเป็น 6 เดือน เพราะเราไม่รู้ว่าวิกฤติโควิด-19 จะยืดยาวแค่ไหน แต่ในหลักการเยียวยานั้น เราดูแลทุกกลุ่มแน่นอน โดยเริ่มต้นจากกลุ่มที่ไม่มีสิทธิประกันสังคม ต่อด้วยกลุ่มอาชีพอิสระและเกษตรกรด้วย ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีวิธีการไม่เหมือนกัน จะปรับให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ความเป็นจริง โดยในอนาคตสามารถขยับปรับเปลี่ยนได้” นายอุตตมกล่าว ทั้งนี้ ในหลายพื้นที่ผู้ได้รับสิทธิต่างพากันไปเช็กยอดเงินที่ธนาคารว่ามีเงินเยียวยา 5,000 บาทเข้ามาหรือไม่ ทำให้ธนาคารหลายแห่งมีประชาชนมาเข้าคิวจำนวนมาก และบางคนต้องผิดหวังแม้ประกอบอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง แต่ก็ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงเริ่มทยอยโอนเงิน 5,000 บาทให้กับผู้ที่ได้รับคัดกรอง จากการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com วันนี้เป็นวันแรก โดยประเมินว่าช่วง 3 วันแรก ระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.นี้ จะมีผู้ได้รับการโอนเงินจำนวน 1.68 ล้านราย แบ่งเป็นวันที่ 8 เม.ย. 280,000 คน, วันที่ 9 เม.ย. 753,000 คน และวันที่ 10 เม.ย. จำนวน 644,000 คน ขณะนี้มียอดผู้ลงทะเบียนล่าสุดอยู่ที่ 24.3 ล้านคน โดยมียอดยกเลิกการลงทะเบียนประมาณ 370,000 คน “ยืนยันว่าได้เงิน 3 เดือนแน่นอน ส่วนจะขยายเวลาออกไปอีก 3 เดือนเป็น 6 เดือนนั้น รัฐบาลก็ยืนยันว่าดูแลได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิดว่าจะเป็นอย่างไรอีก 3 เดือนข้างหน้า ซึ่ง ณ วันนี้เรายังไม่รู้ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องมาประเมินก่อน หรือหากรัฐบาลต้องการนำเงินไปเยียวยานี้ไปช่วยคนที่ตกหล่นก็ทำได้” นายลวรณยืนยันว่า ระบบคัดกรองผู้ได้รับสิทธิ์ไม่มีปัญหา สามารถคัดกรองผู้ที่ควรได้รับเงินช่วยเหลือจริง แต่ขอให้เข้าใจว่า เนื่องจากเวลาเตรียมมาตรการมีน้อย ทำให้ไม่สามารถวางระบบตรวจสอบเข้มงวดได้ แต่ในกลุ่มที่ได้เงินไปแล้ว กระทรวงการคลังก็จะมีระบบตรวจทานซ้ำ ว่าอยู่ในเกณฑ์ได้รับเงินช่วยเหลือถูกต้องหรือไม่ โดยยืนยันว่ากลุ่มแรกที่ได้รับเงินช่วยเหลือเยอะสุด คือ กลุ่มอาชีพรับจ้างทั่วไปและค้าขาย ซึ่งมีสัดส่วนสูงสุด ไม่ได้เน้นจ่ายกลุ่มที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ 4 กลุ่ม คือผู้ค้าสลาก มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ และมัคคุเทศก์ เป็นการเฉพาะ โฆษกกระทรวงการคลังระบุอีกว่า จากข้อมูลผู้มาลงทะเบียนกว่า 24.8 ล้านคน พบว่ากลุ่มรับจ้างทั่วไป ลงทะเบียน 11.7 ล้านคน ผ่านเกณฑ์แล้ว 4 แสนคน, กลุ่มค้าขาย ลงทะเบียน 6.3 ล้านคน ผ่านเกณฑ์ 6 แสนคน, กลุ่มที่มีนายจ้าง ลงทะเบียน 1.9 ล้านคน ผ่านเกณฑ์ 4 แสนคน, ขับรถรับจ้าง ลงทะเบียน 3 แสนคน ผ่านเกณฑ์ 1 แสนคน กลุ่มผู้ค้าสลาก ลงทะเบียน 2 แสนคน ผ่าน 2 หมื่นคน, มัคคุเทศก์ ลงทะเบียน 3 หมื่นคน ผ่านแล้ว 1 หมื่นคน, อาชีพอิสระอื่นๆ ลง 1.7 ล้านคน ผ่าน 1 แสนคน "กลุ่มที่ไม่เข้าข่ายช่วยเหลือแต่มาลงทะเบียนมาก เช่น อาชีพอิสระบางประเภท อาทิ ค้าขายออนไลน์ รับจ้าง แรงงานก่อสร้าง โปรแกรมเมอร์ ก็จะไม่ได้ โดยเฉพาะค้าขายออนไลน์ พบว่ามาลงทะเบียน 2.1 ล้านคน ไม่ผ่านเกณฑ์เลยแม้แต่รายเดียว เนื่องจากรัฐไม่ได้สั่งปิดกิจการ" สำหรับกรณีที่มีสาวโพสต์ว่าได้รับเงินเยียวยาแล้ว 5,000 บาท แต่เป็นแค่เศษเงิน ซึ่งภายหลังได้ออกมาขอโทษแล้ว นายลวรณชี้แจงว่า กระทรวงได้รับรายงานแล้ว ซึ่งกำลังตรวจสอบจากฐานข้อมูลซ้ำอีกรอบ หากไม่มีคุณสมบัติต้องส่งเงินคืนภายใน 90 วัน ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลง และหากพบว่าเป็นคนที่ไม่ได้รับเงิน แต่อ้างว่ารับเงินก็จะได้ส่งข้อมูลให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ไปดำเนินการต่อ และหากได้รับเงินจริง โดยอ้างว่าลงไปเล่นๆ แต่ฟลุกได้ก็ต้องมาตรวจสอบ พร้อมเรียกเงินคืน และจะระงับเงินในเดือนต่อๆ ไปด้วย ชี้ผิดทั้งพรบ.คอมพ์-อาญา ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง กรรมการฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เนติบัณฑิตยสภา กล่าวถึงกรณีผู้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาทั้งที่ขาดคุณสมบัติ ว่าอาจเข้าข่ายตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับด้วย ขณะเดียวกัน นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เมื่อวันที่ 7 เม.ย. พรรคได้เรียกประชุมด่วน และมีมติจะยืนเคียงข้างพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 โดยได้มีทำหนังสือเพื่อส่งไปยังนายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแล้ว นายดวงฤทธิ์กล่าวว่า ข้อเสนอของ รปช.ต้องการให้ช่วยเหลือลูกจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบต้องได้รับการดูแล 62% จากเงินเดือนหรือค่าจ้าง โดยจะนำหนังสือไปส่งให้กับ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน เพื่อให้ทราบถึงจุดยืนของพรรค รปช.ต่อไป ส่วนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าสถานการณ์ของไทยวันนี้เป็นบททดสอบสำคัญต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ว่ามีศักยภาพเพียงพอในการเป็นผู้นำในยามวิกฤติหรือไม่ แต่วันนี้ยังไม่เห็นถึงความชัดเจนของรัฐบาลในนโยบายสำคัญด้านการเงินการคลัง ว่ามีแผนจะจัดการปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณปี 2563 อย่างไร เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 “ผมยังไม่เห็นความชัดเจนในการปรับงบประมาณปี 2563 แล้ว ยังห่วงต่อการที่รัฐบาลเตรียมขอออกพระราชกำหนดกู้เงิน ซึ่งหากไม่มีการจัดการที่มีคุณภาพ เราอาจเพิ่มความเสี่ยงในการนำเงินเก็บก้อนใหญ่อันเป็นเงินในอนาคตของประเทศมาใช้อย่างขาดหลักประกัน” นายสมพงษ์กล่าว นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค พท. กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการจำกัดจำนวนผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาเพียง 9 ล้านคน จากผู้มาลงทะเบียนมากถึง 24 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมดแล้วหรือไม่ ระหว่างการช่วยเหลือเยียวยา 30,000 บาทต่อคนได้ 9 ล้านคน กับการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน 15,000 บาทต่อคนได้ 18 ล้านคน แบบไหนกระจายการช่วยเหลือในภาวะที่งบประมาณมีจำกัดออกไปได้มากกว่ากัน ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กล่าวถึงการแจกเงิน 5,000 บาท ว่าน่าเสียดายที่ครอบคลุมเพียง 8 ล้านคน ลดลงจากเดิม 1 ล้านคนตามที่เคยมีมติ ครม.ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่ควรได้รับการช่วยเหลือ โดยเฉพาะแรงงานในระบบที่ยังไม่ถูกเลิกจ้างและไม่ได้ว่างงาน ซึ่งถูกลดเงินเดือน หรือถูกบังคับให้หยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ข้องใจเกลี่ยงบ 63 อืด “งบประมาณส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจ 400,000 ล้านบาท รมว.การคลังบอกเองว่ายังไม่มีรายละเอียด รอหน่วยราชการเสนอแผนขึ้นมา ซึ่งเสี่ยงจะเป็นงบแบบเบี้ยหัวแตกแบบที่เคยเป็นมา อย่างโครงการไทยนิยมยั่งยืน พรรคจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลชะลอแผนส่วนนี้ไปก่อน และนำแผนการฟื้นฟูและกระตุ้นทั้งหมดไปพิจารณารวมกับงบประมาณ 2564 เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลากระตุ้นเศรษฐกิจ” น.ส.ศิริกัญญากล่าว และว่า ส่วนการปรับเกลี่ยงบประมาณ 2563 ผ่านมา 2-3 สัปดาห์แล้ว ยังไม่เห็นว่าเป็นเม็ดเงินที่แน่นอนเท่าไหร่ โอนจากหน่วยงานใดบ้าง และยังไม่มีกำหนดเวลาว่าเมื่อไหร่ที่รัฐบาลจะส่งกฎหมายการโอนงบประมาณให้สภาพิจารณา น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลอยากให้เศรษฐกิจพื้นฐานฟื้นได้จริง ควรแจกเงินประชาชนทุกคน 6 เดือนโดยไม่มีเงื่อนไข ส่วนเด็กต่ำกว่า 18 ปีหรือคนชรา ก็แจกโดยลดยอดแจกเหลือครึ่งหนึ่งจากยอดของวัยทำงาน นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีต รมว.การคลังโพสต์เฟซบุ๊กว่า อยากให้รัฐบาลเชิญผู้ประกอบการหารือร่วมกันลดราคาสินค้า 20-50% หรือเท่าไหร่ก็ได้ โดยเฉพาะหมวดหมู่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพื่อให้เงิน 5,000 ดังกล่าวเกิดประโยชน์อันสูงสุดต่อประชาชน เพราะในสถานการณ์ที่ทุกธุรกิจต่างก็เดือดร้อนกันไปหมด สิ่งที่จะทำให้ประเทศเราก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกันได้นั้น คือน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อันเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยอยู่แล้ว และเชื่อว่าผู้ประกอบการพร้อมหยิบยื่นน้ำใจให้ผู้ที่กำลังลำบาก นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีต รมว.แรงงาน และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเสมอภาค กล่าวว่า เห็นด้วยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศให้โควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ โดยขอเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งคณะกรรมการร่วมยุทธศาสตร์แก้วิกฤตการณ์ไวรัสโควิดแห่งชาติ โดยเชิญตัวแทนพรรคฝ่ายค้าน ภาคส่วนอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม ธนาคารแห่งประเทศไทย และแพทย์ เป็นต้น วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเรื่องหักเงินเดือน ส.ส.เพื่อช่วยแก้โควิด-19 ว่านับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ได้มี ส.ส.เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งเป็นการกระทำที่ดี แต่ขอยืนยันว่าสภาไม่มีความคิดหักเงินเดือน ส.ส.แน่นอน ส่วน ส.ว.จะดำเนินการก็เป็นสิทธิ์ของ ส.ว.เอง.
THE DON287🐐🐇 เตรียมตัวยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่องเพราะประชาชนทยอยไปกดเงิน ชุมนุมกันติดเชื้อกันอีก
08 เม.ย. 2563 เวลา 23.13 น.
pakakrong แจกวันที่สองก้อยังไม่ได้ เช็คสถานะรอตรวจสอบอย่างเดียวเฮ้อ
08 เม.ย. 2563 เวลา 21.24 น.
คนขายล็อตเตอลี่ จริงๆส่วนมากเค้าไม่มีโตต้า เขาไปชื้อมาจากตลาดวังสะพุง อยากทราบจริงๆรัฐบาลจะแจกพวกเขาไหม ถัาจะแจกคนที่มีโคต้า คนที่ไม่มีโคต้าอดแดก ทั้งบ้าน
08 เม.ย. 2563 เวลา 20.08 น.
245Por_Indy956😎 แล้วมันจะถึงมือคนที่เค้าเดือดร้อนจริงไหม บางคนบ้านมีฐานะยังได้เลย
08 เม.ย. 2563 เวลา 20.03 น.
245Por_Indy956😎 ไอ้ที่ได้กันนะมันฉลาด แต่งโปรไฟล์ซะจนเวอร์ลำบากลำบนมันถึงได้กัน มาดูความเป็นจริงบ้าง บางคนที่ได้ยังไม่ได้ทำงานเลยขอตังแม่ใช้อยู่ ทุเรศจริงๆระบบห่านี่
08 เม.ย. 2563 เวลา 19.59 น.
ดูทั้งหมด