เพศหญิงโดนกดขี่มาตั้งแต่โบราณ แม้แต่ "คำด่า" ก็ด่าผู้หญิง มากกว่าด่าผู้ชาย
เวลาเรามีเรื่องไม่พอใจอะไรสักอย่าง แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องดีหรอกครับ เพราะทำให้ใจเราขุ่นมัว แทนที่จะเอาเวลาไปคิดเรื่องดี ๆ ที่จะสามารถพัฒนาตนเอง หรือเอาเวลาไปนั่งเฉย ๆ ก็ได้ อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ต้องไปมัวคิดเรื่องลบ ๆ ครับ แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่าถ้าอยู่เฉย ๆ ก็อาจจะอกแตกตายได้เหมือนกัน บางคนก็เลยเลือกที่จะระบายด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ตะโกนโวยวาย ทำลายข้างของ หรือเอ่ยคำด่าออกมา
บทความนี้ไม่ได้จะสอนให้มาด่ากันหยาบ ๆ คาย ๆ นะครับ แต่อยากจะเอามาเล่าสู่กันฟังสักหน่อยว่าสมัยโบร่ำโบราณเขาด่ากันว่าอย่างไร โดยอ้างอิงจากหนังสือ “อักขราภิธานศรับท์ ของ หมอบรัดเลย์" ครับ
"หมอบรัดเลย์" หรือ "Dan Beach Bradley" ชื่อนี้น่าจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดีนะครับเพราะท่านคือนายแพทย์และมิชชันนารีชาวอเมริกันที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทย ช่วงสมัยรัชกาลที่ ๓ ถึงต้นรัชกาลที่ ๕ ซึ่งตลอดเวลาที่ท่านอยู่ในเมืองไทยก็ได้สร้างคุณประโยชน์ให้เมืองไทยไม่น้อยเลยทีเดียว เช่น ทำการผ่าตัดแผนใหม่เป็นรายแรกของประเทศไทย ปลูกฝีป้องกันทรพิษสำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทย ริเริ่มหนังสือพิมพ์ "Bangkok Recorder" หนังสือพิมพ์ภาษาไทยฉบับแรก และผลงานสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือหนังสือ "อักขราภิธานศรับท์" นั่นเอง
จากบทความของ "รศ. ดร.นิตยา กาญจนะวรรณ" ในเว็บไซต์ราชบัณฑิตยสภา ได้อ้างถึงงานวิจัยเรื่อง "การทำพจนานุกรม ไทย-ไทย : อดีต-ปัจจุบัน (๒๓๘๙-๒๕๓๓)” ของ "ศาสตราจารย์ ดร.ธีระพันธ์ ล. ทองคำ" โดยได้ระบุว่าวัตถุประสงค์ของอักขราภิธานศรับท์ ของหมอบรัดเลย์ มี ๒ ประการ คือ
1.เพื่อเป็นประโยชน์ต่อมิชชันนารีที่ต้องการเรียนรู้ภาษาไทย
2.เพื่อวางมาตรฐานการใช้ภาษาไทยให้แก่คนไทย
ปกติผมก็ชอบอ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อยอยู่แล้ว วันดีคืนดีไปเปิดอักขราภิธานศรับท์ของหมอบรัดเลย์ แล้วดันเปิดไปที่ตัว อ อ่าง แล้วดันเปิดไปตรงคำว่า "อี" แล้วปรากฏว่าเจอหลาย "อี" เลยครับ ล้วนแล้วแต่เป็นคำด่าทั้งนั้น เราลองมาดูตัวอย่างกันหน่อยดีกว่าครับว่าคนสมัยก่อนเขาด่าอะไรกันบ้าง
ตัวอย่างเมื่อข้างบนนี้คือคำด่าผู้หญิงครับ ส่วนคำด่าผู้ชายก็ต้องไปดูที่คำว่า "อ้าย" (หรือ "ไอ้" นั่นเอง) ครับ และนี่ก็คือตัวอย่างครับ
เห็นความน่าสนใจอะไรบางอย่างไหมครับ นอกจากค่าด่าผู้ชายจะไม่รุนแรงเท่าคำด่าผู้หญิง ไม่ได้ลงรายละเอียดการอธิบายความเท่าคำด่าผู้หญิง เรายังเห็นว่าไม่ปรากฏคำด่า "ผู้ชายที่มีภรรยามากกว่า 1 คน" เลย ในขณะที่มีคำด่า "ผู้หญิงที่มีสามีมากกว่า 1 คน" หลายคำ ทั้งยังเป็นคำด่าที่รุนแรงมากอีกด้วย สะท้อนให้เห็นว่าในสมัยนั้นเมืองไทยเรายังไม่เคร่งเรื่องค่านิยม "ผัวเดียวเมียเดียว" สำหรับทั้ง 2 เพศ กล่าวคือ ไม่ได้ซีเรียสว่าผู้ชายจะมีภรรยากี่คน แต่ผู้หญิงจะต้องมีสามีแค่คนเดียวเท่านั้นถึงจะถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรมครับ
ต้องย้ำอีกทีครับว่าการเอาคำหยาบในอดีตมาให้ดูตรงนี้ ไม่ใช่แค่เอามาให้ดูเฉย ๆ ครับ แต่อยากให้เห็นว่าถ้าเราพิจารณาให้ลึก เราอาจจะเห็นเกร็ดเกี่ยวกับค่านิยมและวิถีชีวิตของคนไทยในอดีตด้วยครับว่าต่างจากปัจจุบันอย่างไร เมื่อเราเรียนรู้อดีต ก็อาจจะทำให้เราได้ลองมองดูตัวเองในปัจจุบันเพื่อทำให้อนาคตของเราดีขึ้นได้
First เอาจริงๆนะผมว่าประเด็นจริงๆมันอยู่ที่สันดานผู้ชายคนที่ก่อเหตุคือคิดว่าผู้หญิงแล้วจะต้องตกอยู่ใต้อาณัติไปซะทุกอย่างโดยไม่ดูว่าตัวเองทำอะไรกับเค้าไว้บ้างเช่นนอกใจ ทำร้ายร่างกาย พอนานไปผู้หญิงเค้าทนรับไม่ได้ก็ต้องเลิก แต่ทีนี้ไอ้ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ก่อเหตุมันก็จะว่าผู้หญิงนอกใจโดยไม่ดูสันดานตัวเองแล้วก็ใช้เหตุผลปัญญาอ่อน กูไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้ ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เยอะ
06 มิ.ย. 2561 เวลา 11.13 น.
🎎ข้าพเจ้าคุณ🐁 เริ่มต้นจาก ผู้ชายมีกำลัง แรงมากกว่า เลยถือว่า เหนือกว่า จึงควบคุมมาตลอด ความคิด กฏ มาจาก ผู้ชาย เค้าก็คิดเข้าข้าง เอื้อตัวเอง เห็นแก่ตัวกันไป นั่นแล
06 มิ.ย. 2561 เวลา 11.36 น.
Chaniporn สาวประเภท2อย่างเราโดนด่าโดนดูถูกเหยียดหยามมากกว่าอีกนะ
06 มิ.ย. 2561 เวลา 11.14 น.
Willy ไอ้โง่ นี่ยาวนานแท้ ไม่ตกเทรนเลย
06 มิ.ย. 2561 เวลา 11.28 น.
ไม่จริงหรอก ผู้หญิงแอบเอาเปรียบผู้ชาย บงดารผู้ชาย หลอกลวง ทำไม่ดีกับผู้ชายก็เยอะแยะ
เพียงแต่คนลบะรูปแยบกลยุทธเท่านั้น ตามสภาพร่างกาย และปัจจัยที่แตกต่าง
ยิ่งยุคปัญจุบัน แสดงออกได้หมด ผู้หญิงหลายคนนิสัยแย่กว่าผู้ชายอีก
มนุษย์ป้า คือ สัญลักษณ์แสดงบ่งชี้ มนุษย์ลุงไม่ค่อยมี มีน้อยกว่า มนุษย์ป้ามาก
เวลาจะรุก ก็อ้างความเท่าเทียม
เวลาจะรับ อ้างเพศอ่อนแอ
ตกลงจะเอสอะไรกันแน่
06 มิ.ย. 2561 เวลา 14.04 น.
ดูทั้งหมด