สุขภาพ

จริงหรือไม่? ใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยเกินไป เสี่ยงเป็นมะเร็งช่องปาก

JS100 - Post&Share
เผยแพร่ 12 ก.ค. 2561 เวลา 12.00 น. • JS100:จส.100
จริงหรือไม่? ใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยเกินไป เสี่ยงเป็นมะเร็งช่องปาก

      แน่นอนว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องตื่นแต่เช้าอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ไปโรงเรียน ซึ่งการบ้วนปากด้วยน้ำยาหลังการแปรงฟันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนขาดไม่ได้ บางคนถึงขนาดบ้วนเช้า กลางวัน เย็น บ้วนหลังอาหาร บ้วนแล้วบ้วนอีก เพราะคิดว่ามันจะช่วยให้ปากสะอาด ไร้กลิ่น ซึ่งจริง ๆ แล้วน้ำยาบ้วนปากจำเป็นมากน้อยแค่ไหนกัน? และจริงหรือไม่ ใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยเกินไป เสี่ยงเป็นมะเร็งช่องปาก!!
น้ำยาบ้วนปากจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ?
      ทันตแพทย์หญิงนนทินี ตั้งเจริญดี ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัยกล่าวว่า ตามหลักแล้วน้ำยาบ้วนปากที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดมีทั้งชนิดที่ผสมแอลกอฮอล์และไม่ผสมแอลกอฮอล์ถ้าสุขภาพช่องปากปกติดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ เพราะการใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดเชื้อราในช่องปากเพิ่มขึ้น เพราะสมดุลในช่องปากเสียไป เนื่องจากในน้ำยาบ้วนปากมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ในช่องปาก จึงทำให้ฆ่าเชื้อโรคดี ๆ ในช่องปากของเราไปด้วย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยเกินไป เสี่ยงเป็นมะเร็งช่องปาก ?
       ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงกันพอสมควรว่าน้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งช่องปากหรือไม่? เพราะโรคมะเร็งในช่องปากมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือการสูบบุหรี่ รองลงมาคือแอลกอฮอล์ จึงทำให้มีการทำวิจัยขึ้นมากมายหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยเองก็เช่นกัน ซึ่งไม่สามารถหาข้อสรุปหรือฟันธงในเรื่องนี้ได้ แต่ก็มีผู้ที่เกี่ยวข้องได้ประชุมกันจนมีข้อแนะนำว่าสำหรับคนที่สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปากอยู่แล้ว ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์ผสมสำหรับคนทั่วไปแนะนำว่าไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากแทนการแปรงฟัน เพราะน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคในช่องปาก เนื่องจากแอลกอฮอล์จะแทรกซึมเข้าเยื้อบุในช่องปากจนอาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ที่มีเลือดออกตามเหงือกและผู้ที่ใส่ฟันปลอมจะมีความเสี่ยงสูงซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวยังมีผลต่อกล่องเสียงรวมทั้งหลอดอาหาร

อย่าเข้าใจในประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากแบบผิด ๆ !!
      จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า ประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากจะช่วยลดกลิ่นปากได้ชั่วคราวโดยสามารถควบคุมกลิ่นปากได้ประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้นจึงอาจใช้น้ำยาบ้วนปากได้เป็นครั้งคราวในกรณีที่ต้องการความมั่นใจ
ใช้น้ำยาบ้วนปากยังไงให้เป็นประโยชน์ ?
     1. น้ำยาบ้วนปากควรใช้แบบผสมฟลูออไรด์เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุทำให้ฟันแข็งแรง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

     2. การบ้วนน้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์หลังแปรงฟันทันทีไม่ได้ประโยชน์คือ ถ้าจะบ้วนน้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ควรบ้วนหลังแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

    3. ไม่ต้องบ้วนน้ำเปล่าตามหลังจากใช้น้ำยาบ้วนปากเพราะจะทำให้ประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากลดลง ถ้ารู้สึกว่าแสบภายในช่องปากมาก ก็ควรเปลี่ยนไปใช้แบบที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์

     4. ไม่ควรดื่มน้ำหรือทานอาหารหลังบ้วนน้ำยาบ้วนปาก เพื่อให้ฟลูออไรด์ทำงานได้อย่างเต็มที่ จึงควรดื่มน้ำหรือทานอาหารภายหลัง 30 นาที

      5. เด็กไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำยาบ้วนปาก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากเลยทุกประเภท ไม่ว่าจะมีแอลกอฮอล์หรือไม่มีแอลกอฮอล์ แต่หากจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ควรอยู่ในการดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด

      บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่สร้างมาแล้วจะดีพร้อมไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป น้ำยาบ้วนปากก็เช่นกัน ดังนั้นการทำความเข้าใจและเลือกใช้อย่างพอเหมาะพอควร เลือกใช้อย่างถูกต้อง ถูกวิธี จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังไม่เป็นการทำร้ายตนเองทางอ้อมอีกด้วย
ที่มา : สมาพันธ์ทันตแพทย์โลกและทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย, กรมอนามัย
รูปภาพ : plerne.com, knowledgefact.com, rd.com, skintagsremoving.com

 

 

 

 

 

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 1
  • Keng
    ก่อนหน้านั้น กินกาแฟมากเกินไปเป็นมะเร็ง เมื่อต้นเดือน บอกกินกาแฟลดมะเร็ง ย้อนไปหนักกว่านั้น กินไข่เยอะมีผลคอเลสเยอะ หลังมากินไข่กันเถอะ ตามมาด้วยกินน้ำมันพืชเถอะ น้ำมันหมูมีผลเสียต่อร่างกาย หลังจากนั้น กินน้ำมันหมูกันเถอะ สรุป มีผลวิจัยอะไรที่เป็นของคนไทยแท้ๆมั่งว่าอะไรดีหรือไม่ดีจริง เอาแต่ผลวิจัยของฝรั่งมาทั้งนั้น
    12 ก.ค. 2561 เวลา 18.29 น.
ดูทั้งหมด