เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 วินิจฉัยให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่สิ้นสุดลง จากกรณีถูกกล่าวหาว่าถือหุ้นสื่อ ในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดอันเป็นลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 98 (3) มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ทำให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6)
ศาลวินิจฉัยว่า เมื่อไม่พบว่า บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งทำนิตยสาร มีการจดแจ้งยกเลิกการพิมพ์ ดังนั้นจะอ้างว่าปิดกิจการและเลิกจ้าง/แจ้งหยุดกิจการชั่วคราวไปแล้วไม่ได้ เพราะ วี-ลัค มีเดีย จะกลับมาทำอีกเมื่อไรก็ได้ จึงเท่ากับว่า วี-ลัค มีเดีย ทำสื่อมวลชนในวันที่ธนาธรสมัครเลือกตั้ง
ส่วนในกรณีการโอนหุ้นในวันที่ 8 มกราคม ให้นางสมพร ที่ไม่ปรากฏการส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ซึ่งโดยปกติทางบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด จะจัดส่งสำเนาต่างๆ ด้วยระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มาโดยตลอดอยู่แล้ว ข้ออ้างของผู้ถูกฟ้องจึงฟังไม่ขึ้น
การเรียกเก็บเงินตามเช็กที่ล่าช้ามีความแตกต่างจากที่ผ่านมา ข้อแก้ต่างของนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ มีความขัดแย้งจากหลักฐานที่ทนายนำส่ง แสดงให้เห็นว่าข้ออ้างของนางรวิพรรณ เรื่องไม่นำเช็กไปขึ้นเงินตามปกติ ไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้ และนอกจากนั้นนางรวิพรรณยังสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำได้ ไม่ต้องรอเวลาถึงสี่เดือนเศษ
นอกจากนี้การโอนหุ้นของนางสมพรให้นายทวี จรุงสถิตย์พงศ์ โดยที่ไม่มีค่าตอบแทน โดยอ้างความสัมพันธ์โดยการเป็นเครือญาติ ซึ่งย้อนแย้งกับการโอนหุ้นของนายธนาธรให้แก่นางสมพรกลับมีค่าโอน นอกจากนี้การโอนหุ้นโดยที่ไม่มีค่าตอบแทนทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีการโอนหุ้นจริงหรือไม่
ส่วนเรื่องการเดินทางกลับจากบุรีรัมย์มายังกรุงเทพฯ ของนายธนาธร เพื่อโอนหุ้นของบริษัทให้นางสมพร แม้จะฟังได้ว่าผู้ถูกฟ้องเดินทางกลับมาจริง แต่ฟังได้เพียงว่าผู้ถูกร้องอยู่ในกรุงเทพฯ จริง แต่ไม่ได้แสดงว่ามีการโอนหุ้นในวันที่ 8 มกราคมจริง ซึ่งข้อพิรุธต่างๆ และสภาพแวดล้อมประกอบกันนี้ ทำให้ผู้ถูกร้องยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่ ในวันที่ผู้ถูกร้องสมัครเลือกตั้ง
ส่วนเรื่องที่ว่า จะถือว่าให้สิ้นสุดสมาชิกภาพของผู้ถูกร้องตั้งแต่เมื่อใด รัฐธรรมนูญมาตรา 82 (2) กล่าวว่า ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 ดังนั้น ผู้ถูกร้องจึงสิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2562
คำตัดสินในวันนี้ มีผลให้ธนาธรสิ้นสภาพการเป็น ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ของพรรคอนาคตใหม่ โดยทางพรรคจะต้องขยับลำดับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ขึ้นมาภายใน 7 วัน
นอกจากนี้ สิ่งที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าอาจจะตามมาหลังจากนี้ คือ กกต. ‘อาจ’ จะดำเนินคดีเพิ่มเติมกับธนาธรเพิ่มเติมอีก โดยอ้างมาตรา 151 ของ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561ว่าผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งคดีดังกล่าว มีโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท และศาลอาจมีอำนาจสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นอีก 20 ปี
ภาพ: แฟ้มภาพ
april73 เป็นไปตามคาด
20 พ.ย. 2562 เวลา 08.29 น.
Suppaaut นั่งฟังคำพิพากษา แค่ห้านาทีก็รู้แล้ว ไม่รอด ตามคาด
20 พ.ย. 2562 เวลา 08.32 น.
PJ ขอคดี นาฬิกา ของ ประวิตรด้วยครับ
20 พ.ย. 2562 เวลา 08.34 น.
Chea ถ้ารอดซิแปลก
20 พ.ย. 2562 เวลา 08.35 น.
ก๋วยเตี๋ยว 🍜 ยินดีที่ตัดสิน เพราะถือหุ้นไว้. แต่ก็ตัดสิน ให้ได้เหมือนกันนะ. พวกรัฐบาล ก็มีถือหุ้นกันอยู่ ก็ขอให้ตัดสิน ให้ตรงไปตรงมาแบบนี่ จะดีมากๆ
20 พ.ย. 2562 เวลา 08.33 น.
ดูทั้งหมด