การยุบพรรคการเมือง แล้วตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อยู่ด้วย กำลังกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในหมู่นักกฎหมาย การคำนวณ "ส.ส.พึงมี" ตามกลไกของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ต้องบอกว่าคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ ก็ปวดหัวกันหนักอยู่แล้ว แต่นี่มีกรณีเฉพาะขึ้นมาอีก ซึ่งกฎหมายไม่ได้เขียนเอาไว้ชัดเจน ก็ต้องอาศัยการตีความ
ปัญหานี้กำลังจะเกิดกับพรรคอนาคตใหม่ กรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคตามที่ กกต.ชงคำร้องขึ้นไป ซึ่งโทษตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 72 คือ ยุบพรรค และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค แถมด้วยโทษจำคุก
คำถามคือ กรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หรือ "ปาร์ตี้ลิสต์" ถ้าถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. พรรคอนาคตใหม่จะยังสามารถเลื่อนรายชื่อในลำดับถัดไปของบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ขึ้นมาเป็น ส.ส.แทนได้หรือไม่ ซึ่งในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ มีกรรมการบริหารพรรค 10 คนจาก 15 คนที่เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อยู่
อาจารย์คมสัน โพธิ์คง นักกฎหมายชื่อดัง ซึ่งเคยทำงานในสำนักงาน กกต.ด้วย บอกกับ "เนชั่นทีวี" ว่า โดยส่วนตัวคิดว่า ตำแหน่ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ ต้องสิ้นสภาพไปพร้อมกับตัวกรรมการเหล่านั้นด้วยเลย แต่ปัญหาที่จะตามมาก็คือ จำนวน ส.ส.เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรจะขาดไปจากจำนวนเต็ม เพราะกรณีนี้ไม่มีการเลือกตั้งซ่อม หรือเลือกตั้งใหม่
สมมติกรณีพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ จำนวน ส.ส.ก็จะหายไป 10 ที่นั่ง และหายไปตลอดอายุของสภา กลายเป็นปัญหาขึ้นมาอีก เพราะอาจขัดรัฐธรรมนูญได้
แนวทางที่เป็นไปได้ ซึ่ง อาจารย์คมสัน มองว่าอาจจะสามารถผ่าทางตัน ก็คือ
1. กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่เป็น ส.ส.อาจจะชิงลาออกทั้งหมด เพื่อเลื่อนลำดับปาร์ตี้ลิสต์ขึ้นมาก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย (กรณีโดนยุบพรรค) ก็จะสามารถรักษาจำนวนเก้าอี้ ส.ส.เอาไว้ได้ แต่ผลที่จะตามมาก็คือ พรรคอนาคตใหม่อาจถูกวิจารณ์อย่างหนัก และมองว่าหวั่นไหวกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คล้ายๆ กับยอมรับกลายๆ ว่ากระทำผิดจริง
2. กกต.คำนวณจำนวน "ส.ส.พึงมี" ใหม่ เพื่อหา ส.ส.มาแทน 10 ที่นั่งที่หายไปของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งวิธีการนี้จะรักษาจำนวน ส.ส.เท่าที่มีอยู่ของสภาเอาไว้ได้ แต่อาจจะส่งผลกระทบกับพรรคการเมืองหลายพรรคที่จำนวน ส.ส.ต้องเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
3. รอลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่อาจจะเขียนทางออกเอาไว้ แต่ประเด็นนี้เกิดขึ้นยาก เพราะศาลจะไม่วินิจฉัยเกินคำร้อง
สรุปก็คือ ขนาดนักกฎหมายยังมึน ไม่สามารถฟันธงได้ สุดท้ายคงต้องรอ กกต.เคาะว่าจะเลือกแนวทางไหน อย่างไร
mai นักกฏหมายสลิ่ม โดยสลิ่ม เพื่อสลิ่ม สลิ่มได้ทราบแล้วก็บายใจ
14 ธ.ค. 2562 เวลา 18.11 น.
รังสรรค์ เป็นนักกฎหมายได้งัยวะ บทลงโทษมันต้องน้ำหนักตามความผิดและเจตนาสิ ไม่ใช่ตามอำเภอใจนิ
14 ธ.ค. 2562 เวลา 15.14 น.
ชาวิช ชี้นำทุกเรื่อง ทุเรศ
14 ธ.ค. 2562 เวลา 15.09 น.
เชียร์ ตีความบังคับใช้ กม.ฉบับนี้โดยด่วน
14 ธ.ค. 2562 เวลา 14.46 น.
กฏหมายศรีธนญชัย
14 ธ.ค. 2562 เวลา 14.29 น.
ดูทั้งหมด