นอกจากภาษา มนุษย์เราคิดค้นสัญลักษณ์มากมายสำหรับใช้สื่อสารให้รู้ว่าเราน่ะ "พวกเดียวกัน"
สมัยนี้มีสัญลักษณ์มากมายที่ทำแล้วร้องอ๋อทันทีว่าเธอน่ะพวกฉันแน่นอน ใกล้ตัวที่สุดก็คงหนีไม่พ้น "การชูสามนิ้ว" กล่าวถึงทั้งแบบคณะราษฎรและแบบกลุ่มไทยภักดี บางกลุ่มอาจมีสัญลักษณ์ยิบย่อยลงไปอีก ซึ่งก็เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์เองที่มักคิดค้นท่าทางหรือการแสดงออกต่าง ๆ ที่สื่อถึงพวกพ้องและความเป็นกลุ่มเป็นก้อน
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การ "ส่งซิก" ของคนเราก็มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่เปลี่ยนโลกไปเลย แบบที่ลับเฉพาะคนรู้ใจ หรือแบบที่มีไว้เพื่อขอความช่วยเหลือจากสังคม เราลองรวบรวมรหัสลับน่ารู้ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนมาให้อ่านกัน เผื่อจะลองคิดสัญญาณลับไว้ส่งซิกกับเพื่อนฝูงเล่น ๆ บ้าง โก!
1.ส่งซิกล้มชนชั้นปกครองด้วยขนมไหว้พระจันทร์
ขนมไหว้พระจันทร์ ของโปรดใครหลาย ๆ คนก็มีตำนานของการส่งซิกที่เล่าขานกันมานาน ย้อนไปสมัยราชวงศ์หยวน จีนถูกปกครองด้วยชาวมองโกล ที่แสนกดขี่และไม่ยุติธรรมต่อชาวจีน พอถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ เหล่านายพลชาวจีนจึงคิดแผนลับเพื่อกระจายแผนการล้มมองโกล ด้วยการแจกจ่ายขนมไหว้พระจันทร์ที่พิมพ์หน้าเป็นข้อความว่า "วันที่ 15 เดือน 8 ขอให้ทุกคนก่อกบฏ " ซึ่งชาวจีนทำสำเร็จ ก่อเกิดเป็นราชวงศ์หมิงในเวลาต่อมา
2.ส่งสัญญาณผมทรงคอร์นโรว์ (Cornrows) ของคนดำ
ผมเปียของคนดำมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึงความเป็นเอกลักษณ์และความลับที่ซ่อนอยู่ ด้วยสภาพผมที่มีความหนาและดำขลับ คนดำจึงคิดค้นหลากวิธีดูแลเส้นผมให้เหมาะกับตัวเอง ในสมัยโบราณคนดำแต่ละกลุ่มทั้งสร้างสรรค์วิธีถักผมเผื่อบ่งบอกถึงตำแหน่ง ชนชั้น ของคนแต่ละเผ่า
ที่เซาธ์แอฟริกา ผมเปียเคยถูกใช้เป็นแผนที่สำหรับการหลบหนีจากการเป็นทาสมาแล้ว! นำโดย Benkos Biho พระราชาคนหนึ่งที่ถูกขายเป็นทาสในหมู่บ้านที่ประเทศโคลอมเบีย เขาสร้างกองทัพย่อม ๆ ขึ้นมาเพื่อวางแผนหลบหนี หนึ่งในแผนคือให้ผู้หญิงถักผมเป็นแผนที่ แทนที่จะวาดลงบนกระดาษเพื่อป้องกันการถูกจับ จนทำให้กองทัพของเขายึดหมู่บ้านได้สำเร็จ ปัจจุบันหมู่บ้าน San Basilio de Palenqueในโคลอมเบียยังมีลูกหลานของเขาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งหมดเป็นอิสระเพราะแผนส่งซิกด้วยการถักเปียโดย Benkos Biho
3."ภาษาส่อ" ถึง "ภาษาลู"
ก่อน "ภาษาลู" จะรุ่งเรือง คนไทยเคยมี "ภาษาส่อ" ใช้มาก่อน ซึ่งหลักการก็คล้ายกันคือการนำคำว่า "ส่อ" ไปอยู่หน้าคำที่ต้องการจะสื่อ อย่างคำว่า "กิน" ก็เป็น "ส่อกิน" แล้วผวน "ซินก่อ" เป็นต้น (ส่วนภาษาลู มีหลักการคือการนำเสียง ลอและวรรณยุกต์ไปแทนคำนั้น ๆ จากนั้นนำพยัญชนะของคำเดิมไปเติมสระอูต่อท้าย เช่น คำว่า "สาว" จะกลายเป็น "หลาวสู" ลองทำดูในใจ เริ่ม!)
4.ป้ายหมุนหน้าร้านตัดผมส่งซิกให้คนมาเอาเลือดออก!
ทุกคนคงเคยเห็นแท่งหมุน ๆ สีน้ำเงินขาวแดงหน้าร้านตัดผม แต่น้อยคงรู้ว่าแท่งหมุนดังกล่าวมีประวัติศาสตร์โชกเลือดอยู่ด้วย! เริ่มจากราวยุคกลาง ผู้คนไม่ได้ไปร้านตัดผมเพียงเพื่อตัดผมและโกนหนวดเท่านั้น แต่ยังไปเพื่อถ่ายเลือด ตามความเชื่อสมัยก่อนที่ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร ตั้งแต่เจ็บคอถึงกาฬโรค การถ่ายเลือดก็เป็นหนึ่งในกระบวนการรักษา โดยจะมีนักบวชทำหน้าที่เหมือนหมอในยุคนี้ ส่วนช่างตัดผมจะใช้ทักษะการใช้ของมีคมเพื่อเปิดเส้นเลือดและปล่อยให้เลือดไหลออกมาเอง
แม้ภายหลังจะมีการสั่งห้าม แต่ผู้คนยังเชื่อว่าการถ่ายเลือดเป็นหนทางที่ทำให้เราสุขภาพดี ร้านตัดผมหลายร้านจึงยังแอบขึ้นป้ายหมุนดังกล่าว โดยสีแดงหมายถึงเลือด สีขาวหมายถึงผ้าพันแผล และสีน้ำเงินหมายถึงเส้นเลือด เป็นสัญญาณลับ ๆ ว่าเราเปิดร้านนะ เชิญมาถ่ายเลือดกันได้จ้า
แน่นอนว่าปัจจุบันไม่มีการถ่ายเลือดลับ ๆ แบบนี้แล้ว แต่การถ่ายเลือดก็ยังเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาหลาย ๆ โรคอยู่ดี
5.ส่งซิกขอความช่วยเหลือจากความรุนแรงในครอบครัว
ข้อนี้ไม่ได้มาจากอดีต แต่จำเป็น!
นอกจากยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตที่ยังเพิ่มขึ้นไม่หยุดใน โควิด19 (Covid-19) ยังมีสถิติ "ความรุนแรงในครอบครัว" ที่ไต่บันไดสูงขึ้นทุกวันเช่นกัน ล่าสุดมีแคมเปญจากกองทุนผู้หญิงแคนาดา (Canadian Women's Foundation) ให้ใครก็ตามที่ตกเป็นเหยื่อการถูกทำร้ายจากคนในครอบครัว วิดีโอคอลหรืออัดคลิปวิดีโอแล้วให้ส่งสัญญาณแบมือแล้วกำนิ้วโป้งเอาไว้ แทนสัญญาณของการขอความช่วยเหลือ
--
อ้างอิง
Sutee Burisutpasid ความจริงในใจของมนุษย์ก็เป็นแบบนี้ครับน้อง
17 ต.ค. 2563 เวลา 22.46 น.
Got it! ;)
15 ต.ค. 2563 เวลา 13.33 น.
ดูทั้งหมด