กนอ.แจงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในนิคมอุตสาหกรรมยางพาราภาคใต้ เสร็จสมบูรณ์ 100% ล่าสุดนักลงทุนจีน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย สนใจลงทุนในพื้นที่ 180 ไร่ เพื่อผลิตถุงมือยางเพื่อการแพทย์ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมผลิตเฟอร์นิเจอร์
ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ.สมจิณณ์ พิลึก ระบุ นโยบายสำคัญของรัฐบาล คือการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ กระทรวงอุตสาหกรรมและ กนอ.จึงพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา หรือ รับเบอร์ซิตี้ ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา พื้นที่ รวม 1,248 ไร่ เพื่อเพิ่มอุปสงค์การใช้ยางในภาคอุตสาหกรรม
ปัจจุบันการพัฒนาพื้นที่นิคมฯและระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทั้งหมดได้เสร็จสมบูรณ์พร้อมรองรับการลงทุนเชิงคลัสเตอร์ สำหรับอุตสาหกรรมยางตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงกลางน้ำและปลายน้ำ เช่น อุตสาหกรรมนวัตกรรมยาง อุตสาหกรรมจากน้ำยางข้น อุตสาหกรรมยางคอมปาวด์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
ล่าสุดมีนักลงทุนแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมอีก 3 รายจากประเทศมาเลเซีย จีน และญี่ปุ่น อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ถุงมือยางเพื่อการแพทย์ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมผลิตเฟอร์นิเจอร์จากไม้ยางพารา แสดงความสนใจที่จะเข้ามาใช้พื้นที่เป็นฐานการผลิตและส่งออก รวมพื้นที่ประมาณ 180 ไร่ จากปัจจุบันมีนักลงทุนจากประเทศ มาเลเซีย ไต้หวัน และไทย เข้ามาทำสัญญาซื้อขายที่ดินแล้ว จำนวน 5 ราย รวมพื้นที่ประมาณ 62 ไร่ และได้เริ่มพัฒนาพื้นที่แล้วคาดว่าจะก่อสร้างโรงงานและเดินเครื่องการผลิตได้ในเดือนมิถุนายนนี้
นิคมฯ รับเบอร์ซิตี้ มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นพื้นที่พรีเมี่ยมโซน เน้นรองรับอุตสาหกรรมทั่วไปหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยางพาราโดยเป็นอุตสาหกรรมยางพาราสะอาดที่ไม่มีมลพิษ หรือ Clean Industry และพื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยางพาราขั้นกลางและขั้นปลาย ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญที่นักลงทุนอุตสาหกรรมคลัสเตอร์ยางพารา และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องทั้งไทยและต่างประเทศ ได้ให้ความสนใจทยอยเข้าดูพื้นที่จริงหลังจากที่มีความชัดเจนในเรื่องของพื้นที่ที่มีการพัฒนาแล้วเสร็จเป็นรูปธรรมและ อยู่ระหว่างการตัดสินใจอีกจำนวนหนึ่ง
ผู้ว่าการ กนอ. ยังระบุว่า นิคมฯ รับเบอร์ซิตี้ ยังเป็นทางเลือกใหม่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากนิคมฯดังกล่าว ตั้งอยู่ในจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่และการศึกษาสำคัญของภาคใต้ เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญทางเศรษฐกิจ พร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงการขนส่งทั้งภายในและต่างประเทศที่ครบวงจร สะดวกและรวดเร็ว
สำหรับจุดเด่นของนิคมฯ คือเรื่องทำเลที่ตั้งที่ติดกับท่าเรือน้ำลึกสงขลาเพียงแค่ 47 กิโลเมตร สนามบิน 16 กิโลเมตร และห่างจากสถานีรถไฟหาดใหญ่ 13 กิโลเมตร ทั้งยังเป็นศูนย์กลางแหล่งผลิตยางพารา และตลาดการค้ายางที่สำคัญของประเทศ
กนอ.ตั้งเป้าโรงงานที่จะเข้ามาลงทุนภายในนิคมฯยางพารา ทั้งสิ้น 70 โรงงานภายใน 5 ปี หรือปี 2564 รวมมูลค่าเม็ดเงินประมาณ 8,000 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงาน 7,000 คน และหากมีการใช้พื้นที่เต็มทั้งหมดของโครงการจะมีความต้องการใช้ยางพาราเพิ่มขึ้นประมาณ 200,000 ตันต่อปี ซึ่งพื้นที่การลงทุนดังกล่าว เชื่อว่าจะเป็นส่วนส่งเสริมสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดสงขลา รวมทั้งเศรษฐกิจของภาคใต้ให้เกิดการขยายตัวดีขึ้นได้ในอนาคต
Sudthiwan Fischer ปลูกกัญชารวยเร็วกว่าแถมไม่ต้องง้อต่างชาติมันอาจมีแผนงาบที่ดินภาคใต้เรา อย่างมาเลย์นี่ยิ่งน่ากลัวมันอยากได้ภาคใต้ขวานทองแหล่งทำเงินการท่องเที่ยว
ยิ่งจีนเจ็กงกน่าจะยันไปไกลๆ มีแต่เอาเปรียบเจ้าเล่ห์ก๊อปสากกะเบือยันเรือรบ
ยิ่งคนของรัฐเห็นแก่เงิน เข้าทางมัน มองอนาคตไทยมันยิ่งกว่าโดนพม่าเผาเมือง
เราต้องตื่นรู้ทันพวกนายทุนต่างชาติพี่น้อง
20 พ.ค. 2562 เวลา 14.00 น.
ปาน ปลาดับ พูดแต่เรื่องสวยหรู แล้วผลกระทบต่อคนในพื้นที่ไม่บอกเขาหละ เรื่องน้ำเสีย เรื่องกลิ่น ฯลฯไม่มีเอ่ยถึง👿👿👿
20 พ.ค. 2562 เวลา 14.08 น.
pichat ฝันไป
20 พ.ค. 2562 เวลา 14.05 น.
วิชล ติดกับ ที่เห็นเหมือนใช่ แต่เป็นจริงไม่ใช่ พท แต่180ไร่ ใช่นิคมrubber city รึ ใช้ความคิดหน่อยครับ
20 พ.ค. 2562 เวลา 14.04 น.
nachch หล่อแล้ว อย่ามาง้อแล้วกัน
20 พ.ค. 2562 เวลา 13.56 น.
ดูทั้งหมด