อดอาหารเช้างั้นเหรอ? นั่นมันเทรนด์ตั้งแต่ปี 2013 แล้ว จากการศึกษาในโรคอ้วนพบว่าจริงๆแล้วอาหารเช้าที่ดีสุดในการลดน้ำหนักคืออาหารที่มีแคลอรี่สูงนั่นเอง ซึ่งผู้หญิงที่รับประทานอาหารเช้าแคลอรี่สูงจะลดน้ำหนักได้มากกว่าผู้ที่รับประทานอาหารเช้าน้อยๆแต่ไปเน้นหนักมื้อค่ำแบบเต็มที่
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟได้แบ่งผู้หญิงที่มีภาวะอ้วนลงพุงออกเป็นสองกลุ่ม โดยทั้งสองกลุ่มจะบริโภคอาหารวันละ 1,400 แคลอรี่เป็นเวลา 12 สัปดาห์ กลุ่มอาหารเช้าจะรับประทานอาหารเช้า 700 แคลอรี่ อาหารกลางวัน 500 แคลอรี่ และอาหารเย็น 200 แคลอรี่ ส่วนกลุ่มอาหารเย็นจะปฏิบัติในทางตรงกันข้ามโดยมื้อที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือมื้อเย็น กลุ่มอาหารเช้าจะลดน้ำหนักลงไปประมาณร้อยละ 11 ขณะที่กลุ่มอาหารเย็นจะลดน้ำหนักลงไปเพียงร้อยละ 4 เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นระดับไตรกลีเซอไรด์ของผู้ที่บริโภคอาหารเช้าอย่างเต็มที่จะลดลงไปมากถึงร้อยละ 34 ส่วนกลุ่มอาหารเย็นจะลดลงเพียงร้อยละ 15 นอกจากนี้ดัชนีชี้วัดระดับกลูโคส อินซูลิน และภาวะต้านอินซูลินก็ลดลงไปทั้งสองกลุ่มแต่กลุ่มอาหารเช้าจะลดลงไปมากกว่า
ช่วงเวลาในการรับประทานอาหารจะส่งผลต่อกระบวนการย่อยอาหาร สำหรับการลดน้ำหนักที่ได้ผลสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการนับแคลอรี่คือช่วงเวลาในการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม อลิส เลอวีน นักโภชนาการในลอสแองเจลีสแนะนำว่าควรรับประทานอาหารให้สอดคล้องกับความหิวและสัญญาณเตือนว่าอิ่มของร่างกาย และเพื่อให้ได้โปรตีนที่เหมาะสมคุณสามารถรับประทานอาหารมื้อเช้าเป็นเบอร์ริโต้กับถั่วดำ ไข่ ซัลซ่า และอะโวคาโด้ หรือเครื่องดื่มสมูธตี้โยเกิร์ตกับเนยถั่วและแซนด์วิชกล้วย
