“คนไทยมีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟมายาวนานมาก ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็เข้าถึงกาแฟได้” เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ % Arabica เลือกมาเปิดสาขาที่ 58 ในประเทศไทย
ความตั้งใจของ % Arabica คือการหลอมรวมคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้ากับความทันสมัยของโลก และสืบทอดปรัชญาหลักของร้าน ‘See the World Through Coffee’ ที่เห็นได้ชัดจากร้าน % Arabica สาขาเกียวโต ในย่านอาราชิยามะ ริมแม่น้ำคัตสึระ รายล้อมไปด้วยขุนเขาที่เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ธรรมชาติอันสวยงามที่โอบกอดร้านกาแฟสีขาวเรียบง่ายร้านนี้ไว้ ทำให้ผู้คนที่เคยแวะไปเยี่ยมเยียนย่านอาราชิยามะหลงรัก % Arabica ได้แบบไม่ยาก แม้คิวรอซื้อกาแฟจาก % Arabica จะยาวแค่ไหน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ เพราะผู้คนที่มายืนรอสามารถเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติอันสวยงามของย่านอาราชิยามะได้อย่างเต็มที่ และเมื่อได้กาแฟแก้วที่ต้องการมาแล้ว ส่วนผสมของความสงบในใจที่ประกอบด้วยกาแฟจากฝีมือชั้นดีของบาริสต้าและบรรยากาศอันสวยงามของธรรมชาติที่ได้มองจากหน้าร้านก็ก่อกำเนิดขึ้น
การเลือกที่ตั้งของแฟลกชิปสโตร์สาขาแรกของประเทศไทยและสาขาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญพอกับการออกแบบ กว่าจะออกมาเป็น % Arabica ที่ ICONSIAM นั้น % Arabica เฟ้นหาพื้นที่ที่เหมาะสมและไปสำรวจมากว่า 50 จุดในกรุงเทพฯ ด้วยเกณฑ์ที่ว่าพื้นที่ร้านจะต้องสะท้อนวัฒนธรรมได้ดี สวยงาม เดินทางมาได้สะดวก ไม่ต้องลำบากหาที่จอดรถ และมีระบบระบายอากาศที่สามารถตั้งเครื่องคั่วกาแฟสองเครื่องไว้ได้ เพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสชาติดีที่สุด จนได้พบกับ ICONSIAM ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำที่สามารถสะท้อนวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี พื้นที่บริเวณชั้น 1 ที่สวยงาม และระบบระบายอากาศที่ไม่ได้ตั้งได้แค่เครื่องคั่วกาแฟ แต่สามารถตั้งครัวจีนขนาดใหญ่ได้เลย ทำให้ เคนเนธ โชจิ ผู้ก่อตั้ง % Arabica ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น และใช้เวลาแค่ 5 นาทีในการตัดสินใจเลือกพื้นที่นี้เป็นที่ตั้งของ % Arabica แฟลกชิปสโตร์สาขาแรกในประเทศไทย
The Vibe:
ร้านกาแฟสีขาวสว่างสะอาดตาฝีมือทีมที่ 10 ของบริษัทออกแบบตกแต่งชื่อดังของโตเกียวอย่าง Nomura Kougeisha และเครื่องหมาย % ขนาดใหญ่ที่ไม่ได้หมายถึงวิธีคิดทางคณิตศาสตร์ แต่หมายถึงผลกาแฟบนกิ่งก้านของต้นกาแฟ โดดเด่นดึงดูดสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาใน ICONSIAM ไม่ว่าจะภายในชั้นเดียวกันหรือชั้นอื่น เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งที่ดูเหมือนเป็นร้านกาแฟจากโลกอนาคตนั้นมีอะไรซ่อนอยู่มากมาย เพราะทาง Nomura Kougeisha ได้บินมาดูสถานที่จริง และหาแรงบันดาลใจจากพื้นที่รอบๆ เพื่อทำให้ร้านมีทั้งจิตวิญญาณของความงามในรูปแบบญี่ปุ่นและเข้ากับความเป็นไทยของ ICONSIAM ทั้งเทคนิคทางสถาปัตยกรรมแบบ ‘Inside Out, Outside In’ ที่เชื่อมโยงพื้นที่ภายนอกและภายในให้มีความสัมพันธ์กัน ถ้าคุณเดินอยู่ข้างนอกร้านแล้วมองเข้ามา คุณก็จะพบกับความสวยงามของร้าน และถ้าคุณนั่งอยู่ในบาร์ 360 องศาของร้าน แล้วมองออกไปข้างนอก คุณก็จะพบกับความสวยงามของบรรยากาศในชั้นเดียวกัน หรือการใช้เพดานกระจกและพื้นเรืองแสง ที่ทำให้ร้านดูสว่าง กว้างขวาง และทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในอนาคต แต่ก็ยังคงความเรียบง่ายในแบบญี่ปุ่น
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนรักใน % Arabica คือความเรียบง่ายของเมนู และรสชาติที่มีการตั้งมาตรฐานไว้ชัดเจน จะดื่มกี่ทีต้องได้รสชาติเดิมที่เป็นมาตรฐาน เมล็ดกาแฟดิบของ % Arabica จึงไม่ใช้การขนส่งทางเครื่องบิน เนื่องจากแรงดันอากาศจะทำให้รสชาติของกาแฟเปลี่ยนแปลงไป เมล็ดกาแฟดิบเหล่านี้จึงถูกขนส่งทางเรือ เพื่อรักษารสชาติดั้งเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด บริเวณจุดศูนย์กลางของร้านเป็นที่ตั้งของเครื่องคั่วเมล็ดกาแฟสัญชาติญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันมีแค่ที่นี่ที่เดียวในประเทศไทยอย่าง Tornado King Coffee Roaster ที่มีความพิเศษด้านความรวดเร็วในการคั่วเมล็ดกาแฟที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ทำให้คุณสามารถเลือกซื้อเมล็ดกาแฟดิบที่คุณชื่นชอบ และสั่งคั่วในโปรไฟล์ที่คุณต้องการ เพื่อนำกลับไปทำดื่มเองที่บ้านได้ และเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด เมล็ดกาแฟแต่ละประเภทจะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตัวเอง สำหรับ % Arabica Blend นั้นจะอยู่ที่ 4-7 วันหลังจากการคั่ว นอกจากนี้ในแต่ละวันบาริสต้าต้องชิมเพื่อทดสอบเมล็ดกาแฟและปรับเครื่องบดเมล็ดกาแฟให้ได้รสชาติที่ตรงตามมาตรฐานของ % Arabica เนื่องจากเมล็ดกาแฟแม้จะมาจากแหล่งผลิตเดียวกัน แต่สภาพดินและสภาพอากาศที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาสามารถส่งผลกับรสชาติของเมล็ดกาแฟได้ การปรับเครื่องบดเมล็ดกาแฟจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ
The Drinks:
ในช่วงนี้ % Arabica มีเมล็ดกาแฟให้เลือก 2 แบบ คือ % Arabica Blend เมล็ดกาแฟผสมสูตรพิเศษของ % Arabica นำมาคั่วระดับกลางถึงเข้ม ทำให้ได้รสชาติออกแนวช็อกโกแลต คาราเมล และมีกลิ่นของถั่ว และแบบ Single Origin จากแหล่งเพาะปลูกอย่าง Ethiopia Yirgacheffe ที่มีกลิ่นหอมของผลไม้และรสชาติเปรี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับการคั่วแบบอ่อน เพราะจะได้เข้าถึงรสชาติและกลิ่นหอมที่แท้จริงของเมล็ดกาแฟ ส่วนหลังจากนี้จะมีเมล็ดกาแฟที่หลากหลายมากขึ้น
กาแฟของ % Arabica แบ่งออกเป็น Espresso Based และ Drip Based ในส่วนของ Espresso Based กาแฟทุกแก้วจะถูกชงด้วยเครื่อง Slayer Espresso ที่หุ้มด้วยเกราะไม้สีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ของ % Arabica ที่มีอยู่ในทุกสาขาทั่วโลก เมนูยอดนิยมของ % Arabica นั้นคงจะไม่พ้น Spanish Latte (150-180 บาท) ที่เป็นเมนูสูตรพิเศษเฉพาะของ % Arabica และมีรสชาติถูกปากคนไทย เพราะ Spanish Latte นั้นเป็นลาเต้ที่ใส่นมข้นหวานลงไปด้านล่าง ทำให้ได้รสชาติที่หวานกลมกล่อมขึ้นกว่าเดิม ส่วน Caffe Latte (130-175 บาท) ธรรมดานั้นก็เป็นที่นิยมเช่นกัน เพราะเมล็ดกาแฟ % Arabica Blend นั้นมีรสชาติออกไปทางช็อกโกแลตและคาราเมล เมื่อใส่นมลงไปจะได้ความหวานแบบธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง ในส่วนของนมที่ใช้นั้นสามารถเลือกเป็นนมถั่วเหลืองได้อีกด้วย นอกจากรสชาติ ฝีมือการวาดลวดลายลาเต้อาร์ตของเหล่าบาริสต้าก็ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน เพราะเหล่าบาริสต้านั้นถูกส่งไปศึกษามาตรฐานและวัฒนธรรมของ % Arabica ไกลถึงประเทศสิงคโปร์และประเทศญี่ปุ่น เพื่อจะได้สร้างสรรค์กาแฟรสชาติดีเยี่ยมตรงตามมาตรฐานของ % Arabica ทั่วโลก ตรงตามปรัชญาหลักของร้าน ‘See the World Through Coffee’ ส่วน Drip Based จะเป็นการ Drip แบบ Chemex ที่ถึงจะใช้เวลามากกว่า แต่จะได้กาแฟที่รสชาติเข้มข้นและหอมกว่า
สำหรับคนที่ไม่ดื่มกาแฟแต่อยากสัมผัสความสวยงามและความตั้งใจของ % Arabica ก็มี ‘Matcha Latte’ (150-180 บาท) ที่ใช้ผงมัตฉะส่งตรงจากญี่ปุ่น หรือจะเป็น ‘Lemonade’ (150-170 บาท) ที่ใช้เลมอนสดนำมาคั้น มีทั้งแบบ Still และแบบ Sparkling เพิ่มมิติให้กับรสชาติ ทั้งสองเมนูนี้จะไม่เติมน้ำเชื่อมเลย เพราะทางร้านตั้งใจรักษารสชาติดั้งเดิมตามธรรมชาติของวัตถุดิบไว้ให้ได้มากที่สุด
แม้ % Arabica จะไม่มีเมนูพิเศษหรือเมนูที่ถูกปรับรสชาติให้เข้ากับความนิยมของคนไทย แต่ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตกาแฟชั้นดีมากมาย ต้องรอดูกันต่อไปว่า % Arabica จะนำเมล็ดกาแฟไทยมาใช้ในร้านด้วยหรือไม่ ส่วนการขยายสาขานั้นมั่นใจได้เลยว่า % Arabica จะมีการขยายสาขาในประเทศไทยแน่นอน
% Arabica
Open: 10.00-21.00 น.
Address: ชั้น 1 ศูนย์การค้า ICONSIAM กรุงเทพฯ
Budget: 200-300 บาท
Contact: info@arabicasea.com
Website: https://www.facebook.com/arabica.th
Map:
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
Kampol ซื้อข้าวกินได้กี่มื้อ
04 มิ.ย. 2563 เวลา 04.23 น.
25 บาทพอทุนอย่างเรา5555555555
04 มิ.ย. 2563 เวลา 03.00 น.
shanok.r กาแฟแก้วละ200
โอแม่เจ้า
04 มิ.ย. 2563 เวลา 02.01 น.
Tom อะไรกันนักหนา มันก็แค่กาแฟดูดสามสี่ทีก็หมดละ
04 มิ.ย. 2563 เวลา 12.03 น.
จิมมี่แบร์ อารีไอซ์ โถวิเศษวิโสจริง
04 มิ.ย. 2563 เวลา 10.54 น.
ดูทั้งหมด