ทั่วไป

ทีมหมอ แฉพิรุธ แม่ปุ๊ก มัวแต่ถ่ายคลิปตอนลูกอาเจียนเป็นเลือด

Khaosod
อัพเดต 23 พ.ค. 2563 เวลา 09.30 น. • เผยแพร่ 23 พ.ค. 2563 เวลา 09.30 น.
ทีมหมอ แฉพิรุธ แม่ปุ๊ก มัวแต่ถ่ายคลิปตอนลูกอาเจียนเป็นเลือด

ทีมแพทย์ รักษาน้อง "น้องอมยิ้ม-น้องอิ่มบุญ" แฉพฤติกรรม แม่ปุ๊ก หลังลูกอาเจียนหนัก แต่ดันมันแต่หยิบมือถือมาถ่าย เชื่อมีผู้ร่วมกระบวนการมากกว่า 1 คน

จากกรณีจับกุม น.ส.นิษฐา (ขอสงวนนามสกุล) หรือ แม่ปุ๊ก อายุ 29 ปี หลังจากพบพฤติกรรมต้องสงสัยว่า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้ ด.ช.อิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ บุตรแท้ๆ และ ด.ญ.อมยิ้ม อายุ 4 ขวบ บุตรบุญธรรม ล้มป่วยด้วยอาการผิดปกติ เพื่อสร้างเรื่องให้ดูน่าสงสารในการหลอกเอาเงินจากคนอื่น ทำให้ ด.ญ.อมยิ้ม เสียชีวิต ส่วนด.ช.อิ่มบุญ ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ข่าวสด

เพิ่มเพื่อน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 พ.ค. ทีมแพทย์ผู้รักษาน้องอมยิ้ม และน้องอิ่มบุญ เปิดเผยว่า ผลตรวจอาการป่วยของน้องอมยิ้มและน้องอิ่มบุญ มีสิ่งที่เหมือนกันคือการพบสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เชื่อว่าน่าจะถูกผสมลงไปในอาหารและเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่น่ากลัวคือสารดังกล่าวเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างมากจนเกินไป จนไปทำลายอวัยวะภายใน ซึ่งปริมาณสารเคมีที่ทั้ง 2 คนได้รับนั้น แตกต่างกันออกไป

ทีมแพทย์ กล่าวต่อว่า กรณีน้องอิ่มบุญนั้น เชื่อว่าน่าจะได้รับสารเคมีในปริมาณที่มากกว่า จนทำให้อาการที่แสดงออกมานั้นดูหนักและรุนแรงกว่าอาการของคนที่แพ้อาหารทะเล นั่นเป็นเหตุผลที่ให้เชื่อได้ว่าสารที่ได้รับเป็นสารกัดกร่อน เรื่องนี้นำไปสู่ตรวจสอบย้อนหลังถึงอาการป่วยของน้องอมยิ้มที่มีลักษณะคล้ายกัน

ทีมแพทย์ กล่าวอีกว่า ซึ่งเชื่อว่าน่าจะได้รับสารเคมีในปริมาณน้อยกว่า จึงมีอาการที่คล้ายกับคนแพ้อาหารทะเล แต่ได้สารต่อเนื่องในระยะเวลาที่นานกว่า ทำให้แพทย์รักษาทุกวิถีทางก็ไม่หายขาด ซึ่งแพทย์พยายามตรวจหาสาเหตุอาการป่วยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่องกล้อง และตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางห้องแล็บหลายครั้งก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุโรคดังกล่าวได้ จนสุดท้ายต้องเสียน้องอมยิ้มไป

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

"ส่วนพฤติกรรมของแม่ปุ๊กเป็นที่น่าสงสัย ขณะที่น้องอิ่มบุญมีอาการป่วยหนักจนถึงขั้นอาเจียนออกมาเป็นเลือดแทบสลบ ทีมแพทย์กำลังเร่งช่วยเหลือรักษาพยาบาลยื้อชีวิต แต่ผู้เป็นแม่ที่ควรจะต้องวิ่งมาดูอาการลูก ถามไถ่ กลับคว้าโทรศัพท์มือขึ้นมาถ่ายคลิปอาการของลูกแทน จึงกลายเป็นอีก 1 ข้อคลางแคลงใจที่ทีมแพทย์เริ่มจับสังเกตและไม่ไว้ใจแม่ปุ๊กว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของเด็กทั้ง 2 หรือไม่" ทีมแพทย์ กล่าว

ทีมแพทย์ กล่าวด้วยว่า แต่หลักฐานอ้างอิงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผลทางการแพทย์ หรือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์ ที่ค่อนข้างชัดเจน มั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดผู้ก่อเหตุได้ เชื่อว่ากรณีนี้อาจจะไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว น่าจะมีผู้ร่วมกระบวนการมากกว่า 1 คน ซึ่ง 1 ในนั้นมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นพ่อของเเม่ปุ๊ก


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 117
  • O•U•M 5. 6. 5
    หยุดให้บริจาคทางโซเซียล..เป็นช่องทางหากินของมิจฉาชีพ
    23 พ.ค. 2563 เวลา 10.20 น.
  • คุณชาญ
    จากกรณีนี้สังคมไทยคงต้องหยุดและตั้งสติเพื่อคิดให้รอบคอบกันแล้ว ลักษณะแบบนี้ไม่ต่างจากที่แก๊งส์ขโมยเด็กเอาไปตัดแขนขาให้พิการเพื่อเอาไปขอทาน คนใจทมิฬเหล่านี้หากินบนความสงสารและใจอ่อนของมนุษย์ คนชั่วช้าสารเลวเกินมนุษย์แบบนี้ไม่คำนึงถึงบาปบุญคุณโทษใดๆ ส่วนคนที่ใจบุญทั้งหลายก็กลายเป็นมีส่วนทำร้ายเด็กไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าสังคมยังไม่ปรับเปลี่ยนยั้งคิดในการบริจาคเพื่อช่วยเหลือ กรณีแบบที่น้องยิ้มและน้องอิ่มต้องมารับกรรมแบบนี้คงจะไม่ใช่กรณีสุดท้าย ทุกคนก็จะร่วมทำบาปโดยไม่รู้ตัวนะครับ
    23 พ.ค. 2563 เวลา 09.50 น.
  • .....ถ้ามึงคิดฆ่าลูกจริงๆตามข่าว มึงเอาอะไรคิด เด็กคือเด็ก สงสารเด็กเกินบรรยาย....สังคมไทยเกิดอะไรขึ้นทุกวันนี้ หรือว่าเป็นเพราะกฎหมายอ่อนเกินไปติดคุกไม่กี่ปีก็ได้ออกมา.... กูปวดใจคดีนี้
    23 พ.ค. 2563 เวลา 09.56 น.
  • อำมหิต
    23 พ.ค. 2563 เวลา 10.18 น.
  • อีสัตว์ปีศาจนรกมาเกิด..กรรมกำลังเดินทางมาถึงมึงละ
    23 พ.ค. 2563 เวลา 09.49 น.
ดูทั้งหมด