รพ.แจงหนุ่ม 20 ไม่ได้ตายแล้วฟื้น แต่เกิดจากการหลับลึก แพทย์ที่ไปตรวจอ่อนประสบการณ์ เพิ่งจบใหม่…
กรณี นายรเมศ จันทะโก อายุ 20 ปี ถูกพบเป็นศพนอนเสียชีวิตอยู่บนโถส้วม ภายในห้องน้ำของบ้านตนเอง เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ทำการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบชีพจรและลงความเห็นว่าเสียชีวิต โดยเตรียมนำศพ ส่งผ่าพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด แต่จู่ๆ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังจะห่อร่างของนายรเมศ เพื่อนำไปเก็บรักษาในช่องเก็บศพ นายรเมศได้เกิดฟื้นคืนชีพ ลืมตาตื่นขึ้นมา ตามข่าวก่อนหน้านี้
นายแพทย์สมเจตน์ เหล่าลือเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบและสอบถามแพทย์ที่เป็นผู้ลงพื้นที่เกิดเหตุ ทำให้ทราบว่า แท้จริงแล้ว นายรเมศ ไม่ได้ตายแล้วฟื้นอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลมาจากการที่แพทย์ ไม่ได้ทำการตรวจสอบร่างกายของนายรเมศอย่างละเอียด
เนื่องจากในวันเกิดเหตุ ทางโรงพยาบาลได้รับแจ้งจากทางตำรวจและมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ว่ามีผู้พบศพชายวัย 20 ปี เสียชีวิตอยู่ภายในห้องน้ำ ของบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ตำบลท่ามะขาม เมื่อเดินทางไปตรวจสอบ ก็พบกับญาติของนายรเมศ ซึ่งเคยทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนามาก่อน ให้ข้อมูลกับแพทย์ที่ลงพื้นที่ว่า ได้ตรวจชีพจรแล้วแต่ไม่พบชีพจรของนายรเมศ ประกอบกับทางแพทย์ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นแพทย์จบใหม่ ยังขาดประสบการณ์ จึงไม่ได้ทำการตรวจสอบรูม่านตา และตรวจสอบชีพจรอย่างละเอียด มีเพียงการถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานและตรวจวัดชีพจรเบื้องต้นเท่านั้น ในระหว่างที่กำลังจะเคลื่อนย้ายร่างของนายรเมศ ไปเก็บรักษาที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ก็ปรากฏว่า นายรเมศได้กลับฟื้นคืนสติมาตามที่เป็นข่าวดังกล่าว
สาเหตุที่นายรเมศมีลักษณะคล้ายกับคนเสียชีวิตนอนหมดสติแน่นิ่งอยู่หลายชั่วโมงนั้น น่าจะมาจากอาการหลับลึก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายของนายรเมศไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ประกอบกับ นายรเมศ เคยมีประวัติการผ่าตัดบายพาสหัวใจทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อรวมเข้ากับการที่นายรเมศทำงานจนดึกและไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการหลับลึกได้ ซึ่งความผิดพลาดของแพทย์ในครั้งนี้ ทางโรงพยาบาล ขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และขอโทษที่ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งต่อจากนี้ จะได้มีการเน้นย้ำแพทย์ผู้ปฏิบัติงานให้มีการตรวจสอบ ให้ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำ และทำให้สังคมเข้าใจผิดเหมือนเช่นกรณีที่เกิดขึ้นนี้.
SUPARAK หมอต้องระวังให้มาก...ชีวิตคนมีค่า.........อย่าวินิจฉัยโรคมั่วๆนะครับ....
13 ส.ค. 2563 เวลา 10.43 น.
Little แต่ง ดีที่ไม่ได้เอาไปเก็บในห้องเย็นซะก่อน
มิฉะนั้น คงได้ตายจริง หรือ หมอกำลังลงมีดเพื่อผ่าชันสูตร คงได้วิ่งกันทั้งศพกับหมอหละ
13 ส.ค. 2563 เวลา 10.40 น.
ครอบครัวตัว"น" งี้ก็มีด้วย...จบใหม่ 555 คดีพลิกเลย
13 ส.ค. 2563 เวลา 10.05 น.
pouinutc เกือบตายจริงหล่ะ
13 ส.ค. 2563 เวลา 10.35 น.
nok ❤ deli อ้าว...อย่างนี้หมอใหม่..อ๋อ..เพราะปัจจุบันนี้ติดคณะแพทย์ต้อง..ติวและติว..เห็นผลเลย
13 ส.ค. 2563 เวลา 10.46 น.
ดูทั้งหมด