10 ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้วางยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนที่สำคัญกับประเทศตนเองอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือการทำเขตการค้าเสรีเวียดนามกับสหภาพยุโรป (European Union Vietnam Free Trade Agreement : EU-VN FTA) ซึ่งจะเป็น “ก้าวที่สำคัญและชาญฉลาด” ของเวียดนามอย่างมาก เหตุผลเพราะ 1.ช่วยเปิดตลาดสหภาพยุโรป(อียู)สำหรับสินค้าเวียดนามให้กว้างและได้เปรียบคู่แข่งขันมากยิ่งขึ้น 2.ช่วยยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ
หากพิจารณาเฉพาะการเปิดตลาดสินค้าเวียดนามแล้ว พบว่าเวียดนามอาจจะไม่จำเป็นต้องทำ FTA กับอียูก็ได้ เพราะปัจจุบันสินค้าเวียดนามก็มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในบรรดาประเทศอาเซียนในตลาดยุโรปอยู่แล้ว ฉะนั้นเหตุผลข้อที่ 2 จึงเป็นเหตุผลที่สำคัญมากกว่าเหตุผลในข้อที่ 1
นอกจากเวียดนามแล้ว สิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศของอาเซียนที่ทำ FTA กับอียู (บังคับใช้ปี 2562) ที่เรียกว่า “EUSFTA” สำหรับ “EU-VN FTA” ได้เริ่มเจรจากันตั้งแต่ปี 2550 ใช้เวลาในการเจรจาถึง 11 ปี (เสร็จปี 2561) และคาดว่ามีผลบังคับใช้ในไตรมาส 3 ของปี 2562
สาระสำคัญของ EVFTA ครอบคลุมด้านการค้าและการลงทุน แยกออกเป็น 10 ประเด็นคือ 1.การเปิดตลาด (ลดภาษีนำเข้า) ระหว่างกัน 99% ภายในเวลา 10 ปี โดยเมื่อมีผลบังคับ (ลงนามเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2561) ยุโรปต้องเปิดตลาดร้อยละ 71 และเวียดนามเปิดตลาด 65% 2.ลดมาตรการกีดกันการค้าที่มิใช่ภาษี 3.การปกป้อง “European Geographical Indications” คือการยอมรับสินค้าเฉพาะจากทั้งสองประเทศ เช่น กาแฟเวียดนาม และไวน์กับแชมเปญ 4.เปิดโอกาสให้บริษัทจากสหภาพยุโรปเข้าร่วมประมูลงานและสัญญาภาครัฐ (public contracts)
5.ยกระดับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญามากกกว่ามาตรฐานข้อตกลง World Trade Organization (WTO) Trade-Related Aspects of Intellectual Property Rights (TRIPS) เพื่อส่งเสริมความโปร่งใส ความเท่าเทียมกันในการแข่งขัน 6.การเปิดตลาดด้านการบริการ โดยผู้ประกอบการด้านการบริการจากอียู สามารถลงทุนธุรกิจบริการในเวียดนาม เช่น ไปรษณีย์ ธนาคาร ประกันภัย และการขนส่งทางทะเล 7.เวียดนามเปิดโอกาสการลงทุนในด้านการผลิตให้กับบริษัทจากอียูในอุตสาหกรรมต่อไปนี้ อาหารและเครื่องดื่ม ปุ๋ยและส่วนประกอบไนโตรเจนต่างๆ ยางรถและยางในรถ ถุงมือและผลิตภัณฑ์พลาสติก เซรามิ วัสดุก่อสร้าง และเครื่องจักรต่างๆ เครื่องใช้ในบ้านและจักรยาน
8.FTAนี้เป็นพื้นฐานของโครงสร้างการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม ที่จะมาจากการตีความหมายและการดำเนินการข้อตกลงดังกล่าว 9.การดำเนินการด้านมาตรฐานแรงงาน การบังคับใช้กฎหมายของแต่ละฝ่ายในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด การส่งเสริม Corporate Social Responsibility และความรับผิดชอบด้าน Climate Change และการมีส่วนร่วมของประชาชน และ 10.บังคับทางกฎหมาย EU-Vietnam Partnership and Cooperation Agreement (PCA) ที่เกี่ยวกับด้านสิทธิมนุษยธรรม ประชาธิปไตย และกฎหมายต่าง ๆ โดยระบุเป็นเนื้อหาสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย และได้ระบุถึงการมาตรการที่สามารถทำได้รวมทั้งการยกเลิกสัญญา FTA หากมีการละเมิดในด้านดังกล่าว
สำหรับข้อมูลทางการค้าระหว่างเวียดนามและยุโรป รวมถึงกับประเทศอาเซียนด้วยกันน่าสนใจมาก เพราะในช่วงระหว่างปี 2552 ถึง 2561 เวียดนามส่งออกไปยุโรปขยายตัว 270% ในขณะที่ไทย 30% เวีดยนามได้ดุลการค้ากับยุโรปเพิ่มจาก 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเป็น 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ไทยได้ดุลการค้า “ทรงตัว” อยู่ที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ปี 2561 เวียดนามเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของอาเซียนที่ส่งไปขายในยุโรป ตามด้วยสิงคโปร์ และไทย สินค้าที่ยุโรปซื้อจากเวียดนามมากเป็นอันดับหนึ่งคือ “เครื่องใช้ไฟฟ้าและสมาร์ทโพน” และเวียดนามมีส่วนแบ่งตลาดและลำดับที่ของผู้ส่งออกไปยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพิจารณา “ศักยภาพการแข่งขันสินค้าส่งออกระหว่างไทยกับเวียดนามในตลาดยุโรป” พบว่าเวียดนามมีศักยภาพการแข่งขันในสินค้าประมง เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ข้าวขาว ลิ้นจี่และลำไย ในขณะที่ไทยมีศักยภาพในสินค้าข้าวหอมมะลิ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักร ทุเรียน และมังคุค เป็นต้น ผลของ “EU-VN FTA” ที่จะมีผลนัยยะและกระทบต่อไทยคือ 1.ไทยจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดส่งออกในตลาดยุโรปให้กับเวียดนามมากยิ่งขึ้น ในปี 2561 เวียดนามส่งออกมากกว่าไทย 1.6 เท่า ซึ่งจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นมากกว่า 2 เท่าในระยะ 5 ปีข้างหน้า 2. ศักยภาพของแรงงานของเวียดนามจะถูกยกระดับสูงขึ้นผ่านความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมของเวียดนามโดยรวม 3.กลุ่มอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ยางและผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องจักรกล เวียดนามจะมีศักยภาพการแข่งขันที่สูงขึ้นในระยะ 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากข้อตกลง EU-VN FTA และจาก FDI จากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศจีน ซึ่งในอนาคตกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเหล่านี้จะมาแย่งส่วนแบ่งตลาดไทย ทั้งในตลาดยุโรปและนอกยุโรป สิ่งที่ผมคิดว่าประเทศไทยรีบต้องรีบทำคือ “การเริ่มนับหนึ่งในการเจรจา FTA กับอียูโดยด่วน”
ADTAPON.K อยู่แล้ว ไทยล้าหลังเพราะมัวแต่ตีกันเรื่องผลประโยชน์ น่าเกลียดที่สุด เจ้งไปเถอะ เศรษฐกิจไทย
24 พ.ค. 2562 เวลา 01.08 น.
sawat อย่ามองด้านเดียวมีได้ก็มีเสีย..ขอให้รอบคอบ..สิงคโปร์เขาเป็นปท.นายหน้าขายสินค้ามีได้กับได้..เวียดนามใหม่ๆอาจดีแต่ยาวไปทุนใหญ่จากนอกปท.จะเข้ามายึดปท.ปชช.เวียตนามจะเป็นแค่แรงงานราคาถูกให้กับปท.นายทุน..ไทยขอให้ดูให้ดีเอาปชช.ส่วนใหญ่เป็นหลัก..นายทุนไทยขอให้เป็นรอง..ในการเข้าร่วมกับอียู
24 พ.ค. 2562 เวลา 00.04 น.
ʝʊռɢ_աɨռ เขาทิ้งไทยมาหลายปีแล้ว
แต่คนไทยยังโง่ตาบอดมองไม่เห็นเอง
ทั้งแรงงานเหลือเฟือ ฉลาด ค่าแรงสมกับเนื้องาน
ไม่อู้ไม่ขี้เกียจ เวียดนามเหมือนจีน 30ปรฝีก่อนทุกประการ
23 พ.ค. 2562 เวลา 15.10 น.
mongkon(tiew) ไทยเราเจ้ายกเจ้าอย่าง พวกเจ๊กครอบงำหมดหนีจากจีนมาสร้างปัญหาให้ไทยแลนด์ สรุปกูคือนายทุนพวกมึงชาวบ้านต้องฟังกู เลือกนายกมากูให้ตังค์ทหารลากรถถังออกมา สุดยอด
23 พ.ค. 2562 เวลา 14.44 น.
เวียดนามรถไฟฟ้าวิ่งกันเกลื่อน ต้นทุนทุกอย่างลดลง
23 พ.ค. 2562 เวลา 12.37 น.
ดูทั้งหมด