ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย กว่า 50 ปี ที่ประชาคมชาวโลกต้องเผชิญกับความก้าวร้าวที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กับการกระทำที่ดิบเถื่อนขึ้นทุกวัน ในขณะที่สหรัฐฯประกาศตนเป็นตำรวจโลก ผู้พิทักษ์เสรีประชาธิปไตย และสันติสุขของโลกด้วยแสนยานุภาพทางทหาร ภายใต้ร่มเงาสหรัฐอเมริกา นั่นคือการมีวอชิงตันเป็นผู้นำ หากมีใครไม่ยอมตามหรือปฏิเสธความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ก็จะถูกข่มขู่หรือยื่นคำขาดตามมาด้วยมาตรการกดดันต่างๆ เช่น การปิดล้อมทางเศรษฐกิจ การเมือง แม้แต่การใช้กำลังทหาร ด้วยการทำลายล้างประเทศเหล่านั้น พร้อมๆกับการใช้สื่อกระแสหลักโหมประโคมเพื่อสร้างความชอบธรรมด้วยการบิดเบือนข่าวต่างๆ วอชิงตันไม่เคยลังเลเลยที่จะละเมิดหลักกฎหมายสากล ตลอดจนกฎบัตรสหประชาชาติ และมติของที่ประชุมใหญ่ และหากมีการนำเรื่องเข้าคณะมนตรีความมั่นคงก็จะถูกยับยั้งโดยสหรัฐฯทันที อนึ่งนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯที่ก้าวร้าวมักจะกล่าวอ้างถึงผลประโยชน์ของสหรัฐ แต่การเข้ามาปกป้องและโอบอุ้มอิสราเอลที่ดำเนินการอย่างป่าเถื่อนโหดร้ายต่อชาวปาเลสไตน์ และละเมิดมติของสหประชาชาติอย่างต่อเนื่อง กับทำให้โลกเห็นว่า คำกล่าวอ้างของสหรัฐฯว่าด้วยการปกป้องสิทธิเสรีภาพ และสันติภาพนั้นเป็นการลวงโลกอย่างชัดเจน จะเห็นได้ว่าความคิดเห็นของประเทศต่างๆ ถูกมองข้ามโดยสิ้นเชิง ด้วยการถือตัวว่าเหนือกว่าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นทัศนคติที่อันตราย มันเป็นการปลูกฝังสิทธิการยกเว้นสำหรับมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ นั่นคือการยึดหลักอำนาจคือความถูกต้องเป็นธรรม การแสดงความก้าวร้าวของสหรัฐฯ ถูกประกาศต่อชาวโลกด้วยคำขาดว่า ถ้าคุณไม่อยู่ข้างเราคุณก็ต่อต้านเรา ซึ่งเท่าการประกาศว่าประเทศใดที่ต้องการเป็นอิสระ ปลอดจากการครอบงำของมหาอำนาจ คือศัตรูของสหรัฐฯ โดยไม่คำนึงถึงหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ ที่ต้องใช้ความพยายามในการประชุมปรึกษาหารือด้วยสมาชิกของประชาคมโลก แต่สหรัฐกลับสถาปนา “การจัดระเบียบโลกใหม่” และตั้งตนเองเป็นผู้นำ โดยมีบริวารสนับสนุน และปกป้องแต่ผลประโยชน์ของกลุ่มตนเองเป็นผู้นำ โดยมีบริวารสนับสนุน และปกป้องแต่ผลประโยชน์ของกลุ่มตน ดังนั้นเมื่อเกิดความขัดแย้งใดๆสหรัฐฯจึงใช้วิธีการที่ก้าวร้าวด้วยการกระทำฝ่ายเดียวแทนการเจรจา อย่างเช่น การประกาศเพิ่มภาษีสินค้าเข้าจากจีน หรือการใช้กำลังอย่างอิหร่าน หรือการแทรกแซงภายในอย่างกรณีของเวเนซุเอลา หากมองย้อนหลังไปในอดีต ตั้งแต่ปีค.ศ.1950 เป็นต้นมา สหรัฐฯ โดยการเปิดเผยของนิวยอร์คไทม์ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2018 อ้างถึงการให้สัมภาษณ์ของอดีต CIA ที่สารภาพว่าสหรัฐฯได้ทำการแทรกแซงประเทศต่างๆ ด้วยการอ้างถึงการปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตย เช่น การสนับสนุนรัฐประหารในกัวเตมาลา (1950s) และยังมีอีกหลายกรณีในภาคพื้นอื่นๆ เช่น ในอาฟริกา ลาตินอเมริกา และในเอเชีย ซึ่งรวมทั้งการยึดอำนาจในประเทศไทยสมัยจอมพลสฤษฎ์ ธนะรัชต์ จากรายงานของ D.Levin ผู้เชี่ยวชาญของ Carnegie Endowment ให้ข้อมูลว่าตั้งแต่ปีค.ศ.1946-2000 สหรัฐอเมริกาได้มีปฏิบัติการถึง 81 ครั้ง เพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งของรัฐบาลต่างประเทศ และยังมีปฏิบัติการอีกจำนวนมากที่สหรัฐฯสนับสนุนการรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง นอกจากนั้นสหรัฐฯยังใช้กำลังโดยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น การบุกกรานาดาในช่วงปี 1980S การบุกถล่มอิรักด้วยข้อมูลเท็จว่ามีอาวุธทำลายล้าง WMD ในปี 2003 การถล่มยูโกสลาเวียปี 1999 และลิเบียปี 2011 จนบัดนี้แม้สหรัฐฯจะประกาศว่าจะถอนทหารออกจากซีเรีย ภายหลังจากที่สนับสนุนกลุ่มกบฏด้วยการส่งกำลังไปช่วย อันนับว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของซีเรีย และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศก็ตาม แต่ถึงปัจจุบันก็ยังคงมีกำลังทหารของสหรัฐฯอยู่บางส่วน อนึ่งเป็นที่เปิดเผยกันโดยทั่วไปแล้วว่า สหรัฐฯได้ให้การสนับสนุนกลุ่มไอเอส ทั้งการฝึกและอาวุธเพื่อให้เข้าไปสร้างความปั่นป่วนทั้งในซีเรียและอีกหลายประเทศ ซึ่งไอเอสได้สร้างความอำมหิตโหดร้ายในการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ยังไม่นับการทารุณกรรมและการข่มขืนอีกจำนวนมาก แต่พอความโหดร้ายทารุณของไอเอสถูกเผยแพร่ สหรัฐฯก็อ้างว่าตนมีส่วนในการช่วยปราบปรามไอเอสและเป็นเหตุผลที่ยังคงดำรงกองกำลังอยู่ในซีเรียและอิรัก และพยายามสนับสนุนการแบ่งแยกซีเรีย นอกจากนี้การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯและพันธมิตรยังก่อความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนผู้บริสุทธิ์อีกเป็นจำนวนนับหมื่นคน อย่างไรก็ตามเมื่อองค์การสหประชาชาติให้การสนับสนุนให้มีการประชุมตกลงกันเพื่อหาข้อตกลงทางการเมืองในซีเรีย ด้วยคณะกรรมการ Constitutional Committee สหรัฐฯก็พยายามเตะถ่วงการประชุมเพื่อหาข้อยุติดังกล่าว และยังคงสนับสนุนด้วยเงินและอาวุธกับกลุ่มกบฏต่อไป อนึ่งยังขัดขวางการช่วยเหลือระหว่างประเทศที่จะบูรณสาธารณูปโภคที่ถูกทำลายในสงครามซีเรีย ล่าสุดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน และทำให้เกิดความระส่ำระสายในคาบสมุทรอาหรับก็เกิดจากการที่สหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลง โครงการพลังงานนิวเคลียร์ที่หกประเทศมหาอำนาจ ทำการตกลงกับอิหร่านภายใต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ทั้งๆที่อิหร่านได้ปฏิบัติตามข้อตกลงทุกประการ ภายใต้การกำกับของ IAEA แถมยังดำเนินมาตรการปิดล้อมทางเศรษฐกิจกับอิหร่านเพื่อสร้างความกดดันภายนอก และสนับสนุนม็อบภายในเพื่อล้มล้างรัฐบาลอิหร่าน ในทำนองเดียวกันสหรัฐฯก็เข้าแทรกแซงการเมืองภายในเวเนซูเอลา ด้วยข้ออ้างของการถ่ายโอนสู่ประชาธิปไตย ทั้งๆที่รัฐบาลปัจจุบันผ่านการเลือกตั้งมาอย่างถูกต้อง สหรัฐฯยังใช้มาตรการการปิดล้อมทางเศรษฐกิจเพื่อกดดันรัฐบาลเวเนซูเอลา และสนับสนุนความพยายามที่จะทำรัฐประหาร สนับสนุนการก่อม็อบ และการวินาศกรรมสาธารณูปโภคเพื่อให้เกิดจลาจลภายในประเทศ แม้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะยังไม่อาจสืบค้นไปสู่การกระทำทั้งหมดของสหรัฐฯต่อเวเนซูเอลาก็ตาม แต่ท่าทีต่างๆที่สหรัฐฯแสดงออกเป็นข้อบ่งชี้ถึงเจตนารมณ์ของสหรัฐฯโดยชัดเจน ทั้งนี้ท่าทีของสหรัฐฯที่คุกคามเวเนซูเอล่ายังขยายตัวไปสู่ประเทศใกล้เคียงในลาตินอเมริกา นั่นคือ คิวบาและนิคารากัว โดยการกล่าวหาว่าทั้ง 2 ประเทศให้การสนับสนุนรัฐบาลมาดูโร ส่วนในยุโรปสหรัฐฯก็ให้การสนับสนุนยูเครนในการต่อต้านรัสเซีย และพยายามยั่วยุด้วยการละเมิดน่านน้ำของรัสเซียเพื่อเป็นเหตุให้กองกำลังนาโต้ได้เข้ามาปฏิบัติการโจมตีหากเกิดการสู้รบขึ้น ตลอดจนความพยายามที่จะผนวกเอาประเทศในคาบสมุทรบอลข่านให้เข้าเป็นสมาชิกนาโต้ นี่ยังไม่นับการสนับสนุนอิสราเอลละเมิดมติสหประชาชาติด้วยการรับรองเยรูซาเล็ม และย้ายสถานทูตไปอยู่ที่นั่น ตลอดจนสนับสนุนว่าการครอบครองที่ราบสูงโกลันของอิสราเอลที่ไปยึดมาจากซีเรียว่าถูกต้องที่จะผนวกดินแดน นี่ยังไม่นับการคงกำลังทหารไว้ในอาฟกานิสถานเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ที่กล่าวมานี่ยังไม่อาจบรรยายได้ครบถ้วนถึงพฤติกรรมความก้าวร้าว การแทรกแซงอธิปไตยของประเทศต่างๆ และการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของสหรัฐฯ แต่โลกจะมีสันติสุขได้อย่างไรถ้ามหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ยังไม่ยุติความก้าวร้าวของนโยบายต่างประเทศของตน**
Yoyo เห็นด้วยอย่างยิ่ง ความโลภบังตาเอาประชาธิปไตยบังหน้า น่าสมเพช+ทุเรศที่สุด
24 พ.ค. 2562 เวลา 01.21 น.
cob เมกาก็คือมาเฟียแก๊งสเตอร์ละครับ พอพ้นยุคสงครามโลก จากตำรวจโลกก็กลายเป็นมาเฟียโลกแทนครับ
24 พ.ค. 2562 เวลา 01.25 น.
Songrit อเมริกาคืออันธพาลโลก
บ่อแม่นตำรวจโลก
24 พ.ค. 2562 เวลา 01.50 น.
plastic ไอ้ทัมกี้ กูโคตรเกลียดมรึงเลยว่ะ และเริ่มเกลียดประเทศมรึงด้วย
24 พ.ค. 2562 เวลา 01.42 น.
วอก (ปทุมทรัพย์) จะแก้ไขอย่างไรล่ะ
24 พ.ค. 2562 เวลา 02.03 น.
ดูทั้งหมด