ดาราจะรักจะเลิกกันทำไมต้องออกมาขอโทษประชาชน?
ทุกๆครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับความรักของดารา ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเปิดตัวคบกันของคู่รัก กรณีวงแตกของคู่จิ้น กรณีเลิกราหย่าร้าง แต่งงาน ท้องก่อนแต่ง หรือแม้กระทั่งความ #หมดPassion ที่ดารามีต่อคนรักภายหลังการคบหาดูใจกันมาร่วมสิบกว่าปี…เหล่านี้มักจะกลายเป็นประเด็นให้บรรดาชาวโซเชียลได้พูดถึงและแสดงความคิดเห็นอยู่สม่ำเสมอ จนบางครั้ง เราจะได้เห็นดารานักแสดงเหล่านั้นที่ถูกตัดสินว่าเป็นฝ่ายผิดในความสัมพันธ์ต้องออกมาแถลงข่าว “ขอโทษ” ประชาชน เพราะทนแรงกดดันจากโซเชียลไม่ไหว
ทำไมถึงเกิดปรากฎการณ์แบบนี้ขึ้น? มันเป็นสิ่งที่ผิดไหม? หรือเป็นเรื่องธรรมดา?
ดาราและความรับผิดชอบต่อสังคม - ชื่อเสียงกับราคาที่ต้องจ่าย
ดารา นักแสดง ไอดอล ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่สื่อจับตา ไม่ว่าจะทำอะไร ขยับตัวไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่มีคนสนใจ บ้างก็ติดตามชื่นชมสนับสนุน… แต่เสียงนั้นก็มีราคาที่ต้องจ่าย และ “ความรับผิดชอบต่อสังคม” นั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่บุคคลอันเป็นที่จับตาของประชาชนนั้นพึงมี ด้วยความที่เป็นบุคคลในสื่อ เมื่อขยับตัวก็ดึงดูดความสนใจจากประชาชน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สังคมจะเรียกร้องให้พวกเขาประพฤติดีประพฤติชอบในระดับบรรทัดฐานของสังคมจะพอรับได้
ดาราในฐานะตัวอย่างที่ดีของเยาวชน?
ในหลายๆครั้ง ดารา นักแสดง ถูกวางตัวให้เป็นดั่ง “ตัวอย่างที่ดีของเยาวชน” ซึ่งแม้ส่วนตัวผู้เขียนเองจะมองว่าเป็นกรอบความคิดที่ล้าหลังไปแล้ว เพราะในปัจจุบันนี้เยาวชนก็มีแบบอย่างหรือ Role Model ที่ดีมากมายนอกวัฒนธรรม Celebrity แต่เมื่อมองตามความเป็นจริงแล้ว เราก็ยังได้เห็นเด็กบางคนตั้งใจเรียนเพราะอยากจะเอาอย่างดาราไอดอลที่ตัวเองชอบที่เขาขยันเรียน ขยันทำงานอยู่ เพราะฉะนั้น เราไม่อาจมองเรื่องนี้แยกขาดออกจากกันได้ ดาราส่วนหนึ่งจึงถูกมองว่าอยากให้เป็น “ตัวอย่างที่ดีของเยาวชน” และเมื่อถูกบังคับด้วยกรอบว่า “คุณต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้อื่น” เช่นนี้ พอเกิดมีข่าวเสียหายขึ้นมา…จึงเกิดการเรียกร้องให้พวกเขาออกมาขอโทษประชาชน
รักๆเลิกๆ…เรื่องธรรมดาอินอะไรกันนักหนา?
ความรัก ความสัมพันธ์นั้นเป็นความรู้สึกสากล ดังนั้นเมื่อเกิดอะไรอะไรขึ้นมาในความสัมพันธ์ของบุคคลที่เป็นที่จับตาของประชาชน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประชาชนจะรู้สึก “related” หรือมี “ความรู้สึกร่วม” ที่เกี่ยวข้องกับข่าวสารที่ได้รับรู้นั้นๆ ซึ่งเป็นหลักจิตวิทยาพื้นฐานของวงการสื่อสารมวลชน เพราะพวกเขาสามารถจินตนาการ “ความรู้สึก” ของความเจ็บปวดสูญเสียคนที่รักได้ ประชาชน “บางส่วน” จึงมักจะออกมาแสดงความความรู้สึก ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาได้รับรู้…ดังนั้นจะไปว่าว่าพวกเขา “อินมาก” ก็ไม่ได้ เพราะอันที่จริง ข่าวสารทุกอย่างนั้นถูกออกแบบมาให้ประชาชน “อิน” อยู่แล้ว
ดาราก็คน…อย่าไปสนเรื่องส่วนตัวเขาเลย?
เราอาจสามารถพูดได้ว่า “ดาราก็คน” แน่นอนว่าพวกเขามีรัก โลภ โกรธ หลง เช่นเดียวกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดา เมื่อเกิดประเด็นดราม่าขึ้นมา หลายๆคนอาจจะออกมาพูดว่า “เรื่องส่วนตัวของเขาอย่าไปยุ่งเลยโฟกัสที่งานดีกว่า” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถมองเรื่องส่วนตัวที่มีผลกระทบต่อ “ภาพลักษณ์” ของดาราศิลปินแยกขาดจาก “งาน” ของพวกเขา เพราะวงการนี้ทำงานเกี่ยวกับ “ภาพลักษณ์ และ ชื่อเสียง” ภาพลักษณ์ของพวกเขาจึงเป็นดั่ง “ผลิตภัณฑ์” ชนิดหนึ่งของดารานักแสดงที่ผู้เสพสื่อ ทั้งแฟนคลับ และประชาชนเลือกที่จะ “ซื้อ” ไม่ว่าจะเป็นด้วยความรู้สึก หรือด้วยเงินที่ใช้ไปในการติดตามสนับสนุน หากภาพลักษณ์ที่นักแสดงสื่อออกไปไม่ตรงใจตลาด ประชาชนก็จะ “ไม่ซื้อ” ผลิตภัณฑ์ของเขา ซึ่งการ “ไม่ซื้อ” ในที่นี้ อาจหมายถึงแรงสนับสนุนในเรื่องของผลงานต่างๆด้วย และเมื่อกระแสความนิยมของพวกเขาตกลง…นักแสดงบางประเทศถึงกับว่าจ้าง “Image Maker” หรือ “ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์” เพื่อดูแลภาพลักษณ์ของพวกเขาต่อประชาชนให้ดูดีอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพราะภาพลักษณ์ของพวกเขามีมูลค่า เมื่อมีข่าวเสียหายออกมาจนทำให้พวกเขาไม่เป็นที่นิยมของประชาชน ก็ย่อมจะกระทบต่อการตัดสินใจเลือกจ้างงานของผู้ว่าจ้างที่มีต่อพวกเขาด้วย จึงสรุปได้ว่า เราไม่อาจมองว่า “เรื่องส่วนตัว” ที่มีผลต่อภาพลักษณ์นั้นจะสามารถแยกขาดจาก “งาน” ของพวกเขาได้เลย
คนของประชาชน = กระโถนสาธารณะ?
แน่นอนว่าการวิพากษ์วิจารณ์เป็นสิ่งที่ย่อมเกิดขึ้นได้ในสังคมประชาธิปไตย เมื่อเกิดเรื่องอะไรที่เป็นข่าวที่กระจายไปสู่ประชาชน ก็ย่อมมีผู้คนออกมาแสดงความคิดเห็น แต่เราในฐานะประชาชนเองก็ควรแยกแยะการกระทำ ระหว่างการวิพากษ์วิจารณ์กับการด่าทอ คุกคาม หรือที่เรียกว่า “Hate Speech” คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบการกระทำของดารานักแสดงเหล่านั้น และมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นเหล่านั้น โดยไม่เกิดความคุกคามต่อสิทธิของผู้อื่น พึงระลึกไว้เสมอว่า คนของประชาชนไม่ใช่กระโถนสาธารณะพวกเขามีสิทธิ์จะใช้ชีวิต พวกคุณมีสิทธิ์จะวิพากษ์วิจารณ์ในพื้นที่ของคุณ แต่เมื่อใดที่การวิพากษ์วิจารณ์ล้ำเส้นไปสู่จุดที่เกิดการคุกคามต่อพื้นที่ส่วนตัว (เช่น คอมเมนต์ในอินสตาแกรมส่วนตัวของดารานักแสดงที่ค่อนข้างหนาตาในช่วงที่เกิดประเด็นดราม่าใดๆขึ้นมาก็ตาม) ก็ควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้วว่ามัน “เกินไป” ไหม…เพราะเมื่อคุณวางโทรศัพท์มือถือ ปิดคอมพิวเตอร์ นอนหลับ คุณอาจกำลังทำให้ใครบางคนนอนร้องไห้อยู่ก็ได้
โดยสรุปแล้วก็คือ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะมี “ความรู้สึกร่วม” กับข่าวรักๆเลิกๆของดารา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “เรื่องส่วนตัว” ของดาราจะมีผลกระทบกับ “งาน” ของพวกเขาและกระแสสังคมที่สนับสนุนพวกเขา และไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะออกมาพูดถึงมันหรือวิพากษ์วิจารณ์เรื่องต่างๆ เพราะนั่นเป็นลักษณะที่ดีของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย แต่การวิพากษ์วิจารณ์และการให้ความสนใจข่าวสารนั้นๆ ควรเป็นไปด้วย “ความพอดี” และ “ไม่คุกคาม” สิทธิในการดำรงชีวิตของใคร…แม้ว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นดาราศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมายแค่ไหนก็ตามที…
ภาพประกอบ
https://hilight.kapook.com/view/180242
https://www.tvpoolonline.com/content/681723
https://www.sanook.com/news/7151730/gallery/1464626/
https://www.matichon.co.th/entertainment/news_1085399
https://www.tvpoolonline.com/content/733228
https://women.kapook.com/view202048.html
Lek ขอชื่นชมผู้เขียนบทความนี้ เขียนได้ดี ตรรกะถูกตึ มีวุฒิภาวะ
17 พ.ย. 2561 เวลา 01.19 น.
สังคมบันเทิงเป็นสังคมไร้สาระที่สุด คนส่วนหนึ่งชอบสร้าง ชอบทำให้พวกที่มีอาชีพเป็นนักแสดงหลงตัวเอง คิดว่าตัวเองสำคัญเหนือคนทั่วไป ดีที่สุดคือรับรู้ผ่านๆไป อย่าเก็บมาเป็นสาระ
17 พ.ย. 2561 เวลา 01.04 น.
NONAME สื่อแหละทำให้ โลกโซเชียลกระพือ กระทบไปเรื่อยๆ ว่าไหมล่ะ
17 พ.ย. 2561 เวลา 02.45 น.
dtum29 อย่าให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้ เบาๆลงบ้างก็ดี
17 พ.ย. 2561 เวลา 02.56 น.
smartman สรุปแล้วนักข่าวก็ต้องการหาข่าว ดาราก็อยากเป็นข่าวเพื่อโปรโมทตัวเองถึงแม้บางครั้งจะเป็นข่าวด้านลบก็ตามต่างคนต่างทำมาหากิน..ใครรู้สึกว่าเว่อร์หรือไร้สาระก็อย่าไปติดตาม
17 พ.ย. 2561 เวลา 02.40 น.
ดูทั้งหมด