เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวกระทรวงยุติธรรม แถลงผลการส่งตรวจเส้นผมของนายโสภณ วงษ์สวัสดิ์ คนขับรถบรรทุก หลังเข้าร้องทุกข์กับศูนย์ยุติธรรมสร้างสุขของกระทรวงฯ กรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุม โดยกล่าวหาว่ามียาบ้าไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 1 เม็ด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า
จากนั้นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯ ได้ส่งตัวนายโสภณ ไปตรวจยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อตรวจพิสูจน์หาสารเสพติดจากเส้นผมของนายโสภณ แล้วพบสารไมทราไจนิน (Mitragynine) ซึ่งเป็นสารอัลคาลอยด์ในพืชกระท่อม มีฤทธิ์กดประสาท และระบุได้ว่ามีการเสพพืชกระท่อมในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ตามขนาดเส้นผมของผู้ร้องที่ยาวประมาณ 1.2 เซนติเมตร แต่ไม่มีสารเสพติดที่มีส่วนผสมของแมทเอมเฟตามีน ซูโดเอฟีดรีน ยาบ้า และยาไอซ์ นั้น
เรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาที่สามารถจะร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานอื่นในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องได้ โดยในส่วนของพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง ก็มีการรวบรวมพยานหลักฐานและทำการส่งตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ไปแล้วเช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจมาประกอบคดี พร้อมเปิดโอกาสให้คู่กรณีสามารถยื่นพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องได้ในชั้นสอบสวนประกอบการพิจารณามีความเห็นในทางคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นในการดำเนินคดีความผิดฐาน “มียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครองครองโดยผิดกฎหมาย” นั้น โดยปกติ มีเจตนารมย์มุ่งหวังในการดำเนินคดีกับผู้ที่มี หรือ ครอบครอง ยาเสพติด ทั้ง ยาบ้า ยาไอซ์ เฮโรอีน หรือ กัญชา เป็นต้นประกอบกับ องค์ประกอบความผิด เพียงแค่ผู้ใดมียาเสพติด ก็ถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดฐานนี้แล้ว แต่พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานในทุกมิติ รอบด้าน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า คดีดังกล่าวในชั้นสอบสวน การที่จะมีความเห็นในทางคดีเพื่อเห็นควรสั่งฟ้อง หรือเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง เสนอไปยังชั้นพนักงานอัยการ นั้น ก็คงต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานในทุกมิติ ครบถ้วนรอบด้าน พิสูจน์ข้อเท็จจริงประกอบข้อกฎหมายในประเด็นการครอบครองของกลาง ว่าเป็นของผู้ใด อย่างไร พร้อมทั้งคลายประเด็นข้อสงสัยจากสังคม พนักงานสอบสวนในคดีนี้ไม่ถูกกดดันจากผู้ใด และไม่ทำคดีตามกระแสสังคม โดยจะยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในทุกด้านมาประกอบการพิจารณา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อีกทั้งสำนวนคดีนี้มีกรอบระยะเวลาการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องภายใน 84 วัน หลังจากที่ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุมัติเพื่อฝากขัง โดยผู้ต้องหาได้ยื่นประกันตัวในชั้นศาล ก่อนที่จะสรุปความเห็นทางคดีและดำเนินการตามขั้นตอนในชั้นพนักงานอัยการต่อไป
ประกอบกับในส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในประเด็นที่ได้ร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ก็มีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ วิดีโอกล้องวงจรปิดภายในรถบรรทุก , การตรวจพิสูจน์หาร่องรอย ลายน้ำมือแฝง หรือ DNA ภายในที่เกิดเหตุ จากหน่วยพิสูจน์หลักฐานกลาง ประกอบกับ ข้อมูลสืบสวนในการซักถามปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ยุติธรรม ถึงขั้นตอนในชั้นจับกุม
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์และการอำนวยความยุติธรรม หากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทำโดยมิชอบ กลั่นแกล้งผู้อื่นให้ต้องรับโทษ ก็ให้ลงโทษ ทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด อย่าเอาไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้กระทำด้วยความสุจริต ตามกรอบ ระเบียบ กฎหมาย และอำนาจหน้าที่แล้วนั้น ก็คงต้องขอความเป็นธรรม และ ชื่นชม ให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจในการทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมเช่นกัน
TF พวกมึงมีความยุติธรรมด้วยเหรอ ?
10 ธ.ค. 2562 เวลา 16.07 น.
phaitoon ประชาชนเชื่อว่าตำรวจยัดยานี่นะสิ
10 ธ.ค. 2562 เวลา 16.13 น.
สนอง กูไมเคยเชื่อลมปากพวกมึงเลย พูดแบบนี้ทุกครั้ง
10 ธ.ค. 2562 เวลา 16.12 น.
ตี๋CLs ไม่น่าเชื่อถือ
10 ธ.ค. 2562 เวลา 16.28 น.
KTU ... ถ้าคนขับผิดจริง...มันจบไปนานแล้ว....ยาบ้าไม่ต้องจับหรอก เพราะยิ่งจับยิ่งเยอะ....
10 ธ.ค. 2562 เวลา 16.12 น.
ดูทั้งหมด