จบลงไปแล้วสำหรับมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย โดยทีมตราไก่ “ฝรั่งเศส” ได้แชมป์โลกสมัยที่ 2 จากครั้งแรกในปี 1998 กลายเป็น 2 แชมป์ในปีที่ลงท้ายด้วยเลข 8 เหมือนกันแต่ห่างกันถึง 20 ปี
สำหรับคนไทยแล้ว กว่าจะได้ลิขสิทธิ์รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในครั้งนี้ รัฐบาลต้องออกแรงเองในการดึงภาคเอกชน 9 รายเข้ามาลงขันจ่ายเงินทั้งหมด 1,400 ล้านบาท และจัดสรรการออกอากาศผ่าน 3 ช่องน้องใหม่ทีวีดิจิทัล อมรินทร์, ทรูโฟร์ยูและช่อง 5
สำหรับการวัดความนิยมของประชาชนคนไทยในการถ่ายทอดสดบอลโลกครั้งนี้ ในแง่เรตติ้งจากการวัดของนีลเส็นแล้ว นัดที่ได้เรตติ้งสูงสุดไม่ใช่การแข่งขันรอบสุดท้าย แต่เป็น การแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่ม ที่บราซิลชนะ คอสตาริก้า 2-0 เรตติ้ง 4.484 โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ เป็นการแข่งขันของทีมบราซิล ที่เป็นขวัญใจมหาชน อีกทั้งยังแข่งในเวลา 1 ทุ่มของประเทศไทย จึงมีผู้ชมมากที่สุดของการแข่งขันฟุตบอลโลกในปีนี้
เรื่องเวลาการออกอากาศเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่มีผลต่อเรตติ้งของแต่ละแมตช์ที่ทำการถ่ายทอดสด แมตช์ที่แข่งในช่วงเวลาเย็นและช่วงเวลาไพรม์ไทม์จะได้รับความนิยมสูงกว่าคู่ที่แข่งขันกันหลังเที่ยงคืน แม้ว่าจะเป็นบิ๊กแมตช์ก็ตาม เรตติ้งโดยรวมของทุกแมตช์ครั้งนี้ จึงไม่สูงมากนัก
นัดชิงชนะเลิศและรอบรองชนะเลิศ 2 คู่ มีการถ่ายทอดสดพร้อมๆกันทั้ง 3 ช่อง ทำให้เรตติ้งเฉลี่ยแบ่งกันไปทั้ง 3 ช่อง โดยส่วนใหญ่ช่องใหญ่กว่าจะได้เรตติ้งสูงกว่า เรียงลำดับกันตั้งแต่ช่อง อมรินทร์, ทรูโฟร์ยู และช่อง 5 ยกเว้นในรอบรองชนะเลิศคู่ที่โครเอเชีย ชนะ อังกฤษ 2-1 เรตติ้งของช่อง 5 อยู่ที่ 0.642 สูงกว่าช่องทรูโฟร์ยู ที่ได้ 0.612 เล็กน้อย แต่โดยรวมเรตติ้งนัดชิงชนะเลิศยังแพ้นัดชิงชนะเลิศเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ประเทศบราซิล โดยที่ทีมเยอรมันชนะ อาร์เจนตินา 1-0 ถ่ายทอดสดโดยช่องพี่ใหญ่ ช่อง 7 เรตติ้งได้ถึง 3.0 แม้ว่าจะเป็นการแข่งขันในรอบดึกเวลาตีสองของบ้านเรา
การได้ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก คือโอกาสครั้งสำคัญของทั้ง 3 ช่อง ที่จะสร้างความนิยม การรับรู้ จดจำช่องน้องใหม่ขนาดกลางและขนาดเล็กให้กับผู้ชมทีวีทั่วประเทศ ทำให้เรตติ้งของทั้ง 3 ช่องพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงต้นๆ แต่ก็มาเจอสถานการณ์ข่าวร้อน กรณีช่วยชีวิต 13 หมูป่าจากถ้ำหลวง ในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน จนถึง 10 กรกฎาคมที่ทีมหมูป่าทั้ง 13 คนรอดชีวิตด้วยความร่วมมือร่วมใจของทีมไทยและทีมต่างชาติ มีผลต่อเรตติ้งของการถ่ายทอดสดฟุตบอลในช่วงเวลาเดียวกันบ้าง
นอกจากนี้มีผลกระทบจากพฤติกรรมการรับชมของผู้ชม ที่รับชมผ่านช่องทางออนไลน์ ในแพลทฟอร์มทางมือถือมากขึ้น จนเป็นเหตุให้เกิดศึกแย่งผู้ชมทางแอปพลิเคชั่นมือถือ ระหว่าง TrueID และ AIS Play ที่ต้องพึ่งหาศาลฯคุ้มครอง
บทสรุปที่ได้ คือ ช่วงเวลาที่ถ่ายทอดสด, พฤติกรรมการรับชมทีวีออนไลน์ของผู้ชม และช่องที่ถ่ายทอดสด เป็น 3 ปัจจัยหลักต่อผลการรับชมของประชาชน เนื่องจากคราวนี้ไม่มีช่องใหญ่เข้าร่วมการถ่ายทอดสด เรตติ้งจึงยังไม่เปรี้ยงเท่าที่ควร หากวัดความนิยมจากเรตติ้งเพียงอย่างเดียว จึงถือว่าไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
ในมุมของรัฐบาล ถือว่าประสบความสำเร็จที่ดึงภาคเอกชนเข้ามาช่วยซื้อลิขสิทธิ์ ในแผนการคืนความสุขให้กับประชาชน โดยที่รัฐไม่ต้องควักกระเป๋าจ่าย
ในมุมของภาคเอกชนที่เป็นสปอนเซอร์ มี 6 รายที่จ่ายรายละ 200 ล้านบาท และ 1 รายจ่าย100 ล้านบาท และ 2 รายจ่ายรายละ 50 ล้านบาท ถือว่าเป็นสัดส่วนไม่มาก แถมยังได้โอกาสโฆษณาสินค้าในเครือของตัวเองอย่างเต็มที่รวมกันทั้งหมด 1,344 นาที ในจำนวนทั้งหมด 64 แมตช์ จนคนดูเริ่มแอบบ่นในช่องทางโซเชียลมีเดียในช่วงการแข่งขันรอบแรกว่า โฆษณาวนเวียนไปมาแค่ 9 บริษัท แต่ในรอบลึกๆ หลายผลิตภัณฑ์ก็ครีเอทโฆษณาสินค้าได้หลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น
แต่เนื่องจากเป็นโครงการลงขันร่วมกัน จึงไม่มีการเปิดรับสปอนเซอร์เพิ่มเติมในรายการนี้ งบการใช้จ่ายของบรรดาเอกชนนอกเหนือจาก 9 รายช่วงบอลโลก จึงต้องไปลงช่วงรายการกีฬาในหลายช่อง หรือ เป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมภายนอกแทน
อีก 4 ปีข้างหน้า ฟุตบอลโลก 2022 จะจัดขึ้นที่ประเทศการ์ตาร์ น่าสนใจว่า ปัญหาการซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก สำหรับประเทศไทยจะเป็นเช่นไรต่อไป จะมีเศรษฐีหน้าใหม่ หรือต่างชาติรายใด เข้ามาเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ แม้ว่าล่าสุด เฟซบุ๊กได้ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 2019-2022 สำหรับประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา และลาวไปแล้ว ในมูลค่า 200 ล้านปอนด์ แต่กรณีฟุตบอลโลกมีความแตกต่างที่ มีกฎ Must Have ของกสทช.คุ้มครองไว้ว่า ไม่ว่าใครจะได้ลิขสิทธิ์ไปก็ตาม จะต้องออกอากาศผ่านทีวิดิจิทัลทุกแมตช์ด้วย.
Giot.s เพื่อคนไทย..อย่างน้อยๆช่อง5..ก็กันดูทั่วประเทศได้
16 ก.ค. 2561 เวลา 13.48 น.
S.CIC คุ้มครับ
16 ก.ค. 2561 เวลา 13.39 น.
derm8181 ปัญหาคือการขาดการปนะชาสัมพันธ์
ผังรายการกว่าจะออกสู่สายตาประชาชนได้ก็เกือบจะอาทิตย์สุดท้าย สร้างความสับสนให้กับประชาชนอย่างมาก ทำให้ขาดการรับรู้เท่าที่ควร
เป็นปกติที่เรื่องใดถ้ามีรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้อง มันจะเรื่องมากและสับสนแบบนี้เสมอ ฟุตบอลโลกที่ผ่านๆมาเอกชนเขาดำเนินการกันเิง จะคึกคักตื่นตัวกันตั้งแต่รู้ว่าใครได้สิทธิ์ถ่ายทอด และในเดือนนึงก่อนถึงสันถ่ายทอด ก็จะรู้หมดแล้วว่าคู่ไหนถ่ายช่องไหนเวลาอะไร แต่ละช่องก็จะโหมประชาสัพันธ์กันอย่างคึกคักตลอดเวลา ทำให้เกิดความต้องการชมมากขึ้นทุกๆวัน
16 ก.ค. 2561 เวลา 14.12 น.
ไลน์รูป/พาณีพี่แมว จอดำๆๆๆๆๆๆ
16 ก.ค. 2561 เวลา 14.41 น.
@Rachawin ถูกกว่าค่านาฬิกา
16 ก.ค. 2561 เวลา 14.50 น.
ดูทั้งหมด