การกินอาหารดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพและเสริมสร้างคุณค่าทางโภชนาการ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญหลังจากต้องเผชิญกับโรคระบาดที่แฝงตัวอยู่แทบทุกที่ ทำให้ใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น เพราะการมีสุขภาพที่ดีถือเป็นกำไรชีวิตที่หาซื้อไม่ได้ การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงจึงเป็นสิ่งที่ผู้คนปรารถนา
มีบริษัทหนึ่งประกอบธุรกิจอาหารมีกระบวนการผลิตที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยทางด้านอาหารระดับสูงตามมาตรฐานสากล บริษัทที่พูดถึงก็คือ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ที่ทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร เรียกได้ว่าเป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้นำนวัตกรรมอาหารคุณภาพและปลอดภัย ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์และเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ รวมถึงเนื้อหมู เนื้อไก่และไข่ไก่ ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับผลประกอบการในปี 2562-2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 75,188.4 ล้านบาท 80,631.5 ล้านบาท และ 86,743.7 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็น CAGR ที่ 7.4% ต่อปี และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 BTG มีรายได้รวม 54,193.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,892.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตของผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
เบทาโกรมีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ภายใต้แบรนด์ อาทิ แบรนด์ “S-Pure” และ “BETAGRO” สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์อนามัย เนื้อสัตว์แปรรูป และอาหารแปรรูป และภายใต้แบรนด์ “ITOHAM” สำหรับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเกรดพรีเมียม แบรนด์ “Betagro” “Balance” และ “MASTER” สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ และแบรนด์ “Better Pharma” และ “Nexgen” สำหรับผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ “Perfecta” “DOG n joy” และ “CAT n joy”
เบทาโกรให้ความสำคัญกับกระบวนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องโดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนา RDC (Research and Development Center) เป็นศูนย์ขนาดใหญ่ที่ดำเนินงานด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงแบบระยะยาว และสนับสนุนหน่วยธุรกิจของบริษัทฯ อาทิ เทคโนโลยีการยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร เพื่อรักษาความสดและคุณภาพของอาหาร
ศูนย์นวัตกรรมการเกษตร AIC (Agro Innovation Center) มุ่งเน้นที่การปรับปรุงอาหารสัตว์ มีการคิดค้นการผสมผสานโภชนาการและวัตถุดิบที่เป็นประโยชน์ต่อสมรรถภาพการผลิตของสัตว์และลดของเสียอินทรีย์ในสัตว์ อาทิ อาหารโปรตีนสำหรับหมู ผลิตภัณฑ์อาหารปลาสลิดชนิดเม็ดลอยน้ำ
ศูนย์นวัตกรรมอาหาร FIC (Food Innovation Center) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอาหารด้วยการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีการแปรรูปอาหารและเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยจากทีมผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญจากภาครัฐและเอกชนทั่วโลกที่ใส่ใจตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ การตรวจสอบเนื้อหมู เนื้อไก่ ไส้กรอกและบรรจุภัณฑ์ โดยเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์นำไปสู่ การเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแห่งอนาคต อาทิ ผลิตภัณฑ์ S-Pure เป็นแบรนด์แรกของโลกที่ได้รับการรับรองเรื่องการเลี้ยงหมูและไก่โดยไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ
นอกจากนั้นเบทาโกรยังมีศูนย์นวัตกรรมสัตว์เลี้ยง PIC (Pet Innovation Center) คิดค้นการผสมผสานโภชนาการและวัตถุดิบสำหรับดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง ซึ่งต่างจากศูนย์นวัตกรรม AIC ตรงที่ดูแลสัตว์ในฟาร์ม อย่างหมูและไก่ ส่วนศูนย์ PIC จะพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงในบ้าน โดยเฉพาะสุนัขและแมว อย่างผลิตภัณฑ์ CAT n joy และ DOG n joy
ล่าสุด เบทาโกรกำลังจะเติบโตไปอีกขั้นหลังจากที่ยื่นไฟลิ่งและเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญ IPO จำนวนรวมไม่เกิน 500 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งรวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากบริษัทฯ กรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน เพื่อใช้เป็นทุนในการพัฒนาธุรกิจ ปรับโครงสร้างเงินลงทุน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต
เมื่อมองในมุมการลงทุนหลังจากนี้ อาจจะได้เห็นการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ และการขยายธุรกิจของเบทาโกร เรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้เป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนอาณาจักรผลิตอาหารครบวงจร ผ่านการถือหุ้นนวัตกรรมอาหารที่พร้อมเติบโตและแข็งแกร่ง
โดยหากศึกษาจุดเด่นของหุ้นเบทาโกรมีความน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ ดังนี้
1.เบทาโกรเป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล โดยมีแบรนด์หลากหลายอันเป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และเป็นผู้นำในเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร คุณภาพ และระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ผ่านความร่วมมือในการพัฒนาร่วมกับพันธมิตรชั้นนำในต่างประเทศ รวมถึงมุ่งเน้นสร้างการเติบโตไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมและกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง
2.มีระบบการจัดจำหน่ายที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมผ่านระบบการบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย (Channel Management) และมีช่องทางจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย ทั้งช่องทางจัดจำหน่ายของบริษัทฯ รวมไปถึงเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่การจำหน่ายโดยตรงกับผู้ประกอบการรายใหญ่ ตัวแทนจำหน่าย ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่และแบบดั้งเดิม ผู้ให้บริการด้านอาหาร และส่งออกไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
3.ศักยภาพการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในและต่างประเทศ โดยขยายส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์อาหารที่มีมูลค่าสูงและการขยายกำลังการผลิต รวมถึงการขยายธุรกิจต่างประเทศทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศกัมพูชา และลาว และมีแผนในการลงทุนในเมียนมารวมทั้งเพิ่มจุดหมายปลายทางการส่งออก ตลอดจนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในตลาดต่างประเทศที่สำคัญ เช่น สิงค์โปร์ ฮ่องกง เป็นต้น
4.มุ่งสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ (New S-Curve) โดยมุ่งสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวเนื่องจากศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนระบบเทคโนโลยีชั้นนำ รวมถึงการร่วมลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด
5.กระบวนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจโดยไม่ลงทุนเป็นเจ้าของสินทรัพย์ หรือ Asset-Light Investment Model ด้วยเครือข่ายของเกษตรกรพันธสัญญา (Contract Farming) โดยบริษัทให้การสนับสนุนแบบครบวงจรกับเกษตรกร รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในทีมงานและบุคลากร การจัดซื้อจัดจ้าง และการจัดการวัตถุดิบ ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
6.คณะผู้บริหารและคณะกรรมการฯ มีวิสัยทัศน์และมากด้วยประสบการณ์ ให้ความสำคัญแก่สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล
โดยเบทาโกรมีเป้าหมายก้าวสู่การเป็น World-Class Food & Agro Total Solutions Provider พร้อมขับเคลื่อนการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยระบบอัจฉริยะต่าง ๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนงานที่เบทาโกรตั้งเป้าหมายไว้เพื่อเติบโตไปอีกขั้น…
Reference:
แบบรายการหนังสือชี้ชวน หรือไฟลิ่งจากสำนักงาน ก.ล.ต. ของบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)