“ทอม ครูซ” กับเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยดอกไม้

เชื่อเหลือเกินว่าใครที่เป็นแฟนหนังนั้นต้องรู้จักกับ ทอม ครูซ นักแสดงชาวอเมริกันชื่อดังที่มีผลงานการแสดงเป็นที่ประทับใจแฟนๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ท็อปกัน ฟ้าเหนือฟ้า ซึ่งหนังเรื่องนี้ทำรายได้ได้ 353,816,701 เหรียญสหรัฐทั่วโลก และยังเป็นหนังที่ทำให้เขาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในวงการ Hollywood

และเขาก็เป็นที่โด่งดังและรู้จักมากขึ้นไปอีกเมื่อมารับบท อีธาน ฮันท์ พระเอก ในหนังเรื่อง Mission Impossible ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปถึง 6 ภาคเข้าไปแล้ว แต่เชื่อเหลือเกินว่าน้อยคนนักที่จะรู้ประวัติความเป็นมาของเขาก่อนที่เข้าวงการและเป็นนักแสดงที่ค่าตัวแพงที่สุดใน Hollywood นั้นเขาต้องพบเจออุปสรรคมากมายแค่ไหนบ้าง

ตอนเด็กๆ นั้น ทอม ครูซ มีปัญหาทางการเรียนอย่างมาก เพราะเขามีอาการผิดปกติของดิสเล็กเซีย (Dyslexia) ซึ่งมันคือคือ ความบกพร่องในการอ่าน มีปัญหาในการอ่าน อ่านไม่คล่อง สะกดคำติดขัด หรืออาการหนักถึงขั้นอ่านไม่ได้เลย ซึ่งอาการนี้เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาท (neurobiologically based disorder) ซึ่งเป็นความผิดปกติทางสมองอย่างหนึ่ง

ทำให้ทอม ครูซ รู้สึกว่าตัวเขามีปมด้อยอย่างมาก แถมพ่อกับแม่ของเขายังมาหย่ากันตอนเขาอายุ 11 ขวบ ทำให้ ทอม ครูซ ต้องย้ายโรงเรียนกว่าสิบครั้งกว่าจะจบมัธยม และเพื่อนในโรงเรียนใหม่ๆ มักจะมองเขาเป็นตัวประหลาดอยู่เสมอ

แต่เหมือนฟ้าลิขิตมาให้เขาเป็นนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ เพราะในช่วงมัธยมปลาย ทอม ครูซ ได้มีโอกาสสมัครเล่นละครโรงเรียน และได้รับบทตัวเอก ซึ่งเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ที่ตัวเองรู้สึกมั่นใจเมื่ออยู่บนเวที และเขาก็ตั้งใจว่าจะต้องเป็นนักแสดงให้ได้ในอนาคต หลังจากที่เขาเรียนจบมัธยมเขาตัดสินใจไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย และไปเป็นพนักงานร้านอาหารในนิวยอร์ก ทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ระหว่างนั้นก็หางานแสดงไปด้วย และไม่นานเขาก็ได้รับบทตัวประกอบ และเข้าสู่วงการอย่างเต็มตัว

ซึ่งหากเราย้อนดูประวัติของเขาแล้วนั่นจะพบว่ากว่าที่เขาจะก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จในเส้นทางนักแสดงที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จริงๆ ต้องต่อสู้กับอาการผิกปกติของตัวเองและแบกรับความกดดันจากการที่พ่อ แม่ หย่าร้างกันอีก แต่เขาก็ฝ่าฝันมันมาได้

เรื่องของ ทอม ครูซ นั้นพิสูจน์ให้เราเห็นจริงๆว่า “ถ้าหากเราตั้งใจทำอะไรด้วยความพยามยามอย่างสุดความสามารถ เราก็จะประสบความสำเร็จในเส้นทางนั้นในวันหนึ่ง”