เมื่อวันที่ 25 ส.ค.นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาให้นายจตุพร นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช.ใช้ค่าเสียหาย 19.3 ล้านบาท ให้กับเจ้าของตึกย่านราชปรารภ กรณีปราศรัยยุยงส่งเสริมให้ผู้ร่วมชุมนุมแสดงปฏิกิริยาตอบโต้เจ้าหน้าที่ ว่า ที่ผ่านมาเราไม่รู้ว่ามีการนัดหมายอ่านคำพิพากษาคดี แต่ก็น้อมรับคำสั่งศาล และได้ให้ทนายไปคัดสำเนาคำพิพากษาแล้ว ซึ่งก็ต้องดูแลว่าในข้อกฎหมายเราสามารถทำอะไรได้บ้าง กรณีจำเลยไม่ได้รับหมายศาล แต่คงไม่ใช่ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย อย่างไรก็ตามในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้มีการปรักปรำเราว่ามีการยุยง และในช่วงเวลาดังกล่าวตนไม่ได้มีตำแหน่งประธาน นปช. แต่เป็นนายวีระ มุสิกพงศ์ ที่เป็นประธาน นปช.
นายจตุพร กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าศาลจะนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 22 ส.ค. เพราะว่าไม่ได้รับหมายศาล คดีนี้โจทก์ในฐานะที่เป็นเจ้าของและผู้เช่าอาคารพาณิชย์ ถนนราชปรารภ และถูกเพลิงไหม้ ได้ฟ้องจำนวนหลายคน คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นจำเลยที่ 2 รวมทั้งฟ้อง ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯ กทม. กองทัพบก และกทม.ด้วย ส่วนตนเป็นจำเลยที่ 6 นายณัฐวุฒิเป็นจำเลยที่ 7 และนายอริสมันต์ เป็นจำเลยที่ 8 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นจำเลยที่ 11 ซึ่งกรณีนี้ไม่มีการจับกุมผู้ต้องหาได้แม้แต่เพียงรายเดียวในคดีอาญา ส่วนคดีแพ่งโจทก์เองก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นคนเผา แต่เอาคนที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายรัฐและผู้ชุมนุมร่วมกันเป็นจำเลย เรียกค่าเสียหาย เมื่อตนได้ยินข่าวไม่ได้ไปฟังเพราะไม่รู้ นายณัฐวุฒิรู้ก่อนก็ส่งข่าวดีมาบอก เมื่อฟังข่าวนี้แล้วเราก็เลือกที่จะตั้งหลักและเงียบ แต่วันนี้ปรากฏว่าโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนออกมาแถลงเรื่องนี้ เดี๋ยวก็จะมีการขยายไปว่าเป็นพวกเผาบ้านเผาเมืองกันอีก และตนเชื่อว่าจะเป็นการหยิบฉวยหยิบใช้ประโยชน์ทางการเมืองจนเกินงามกัน ตนจึงจำเป็นต้องอธิบาย เขาได้ให้ข่าวว่าคำพิพากษาศาลฎีกาในศาลแพ่งให้ตนทั้ง 3 คน ชดใช้ค่าเสียหายให้กับโจทก์ เป็นเงิน 19.3 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ก็ประมาณ 30 ล้าน ซึ่งก็เทียบไม่ได้กับกรณีของพันธมิตรฯ ซึ่งเป็น 1,000 ล้านบาท
นายจตุพร กล่าวว่า แต่ว่าเรื่องที่ใหญ่มากที่สุดคือว่า ตนบอกกับทีมงานกฎหมายว่าช่วยไปคัดคำพิพากษามาดูว่า เมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกแล้วฎีกามีคำพิพากษานั้น เพราะว่าเป็นเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในเวลา 19.45 น. ของวันที่ 19 เม.ย. 2553 ภายหลังที่พวกตนได้ยุติการชุมนุมแล้วในเวลา 13.45 น. สาระสำคัญในคำวินิจฉัยของศาลฎีกาที่ไปคัดเอาคำพิพากษาจากการให้ถ้อยคำการเบิกความของโจทก์น่าสนใจมาก ตนยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ตนน้อมรับคำตัดสินของศาลทุกประการ
ศักดิ์ ดา ได้เวลาที่ต้อง"รับผิดชอบแล้ว"
25 ส.ค. 2562 เวลา 13.57 น.
kamen rider น้ำมันคนละหนึ่งลิตร เผาเลยครับพี่น้อง กรุงเทพฯ ศิริราช จะลุกเป็นไฟ ผมรับชอบเอง......
น้อยไปหน่อยนะ19ล้านเอง
25 ส.ค. 2562 เวลา 14.11 น.
ไอ้ค้างคก
โทษมึงต้องประหารชีวิตฝไอ้สาด
25 ส.ค. 2562 เวลา 14.07 น.
Sak พวกสลิ่มแดงโดนน้อยไปน่าจะมากกว่านี้เรียกให้นายใหญ่มาชดใช้ด้วย
25 ส.ค. 2562 เวลา 15.33 น.
สมเกียรติ พวกหัวดอแม่งเผ่าเลยรับผิดชอบเองยังมาอ้างไม่ได้เป็นประธานโยนให้ไอ้วีระเวรชดใช้ให้เขานะอย่าเบี้ยวแม่งคนสั่งเผ่าเอาน้ำมันคนละลิตรกรุงเทพเป็นทะเลเพลิง
25 ส.ค. 2562 เวลา 15.06 น.
ดูทั้งหมด