แผ่นดินเบาเชียว! ทหารต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ ถึงได้มีทรัพย์สินตั้ง 4,000 ล้าน

แผ่นดินเบาเชียว! ทหารต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ ถึงได้มีทรัพย์สินตั้ง 4,000 ล้าน

เชื่อว่าตัว ‘บิ๊กแดง’ หรือ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกและเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คงไม่ทันคาดคิด ว่าการเอ่ยปากบอกให้พรรคการเมืองที่ชูนโยบายลดงบประมาณกองทัพฯ ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน จะกลายเป็นวลีฮิตขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งบนโลกโซเชียลในชั่วพริบตา 

และที่หนักไปกว่านั้น คือเหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การย้อนอดีต ‘ขุดคุ้ย’ ประวัติไปถึงการเปิดเผยทรัพย์ของผู้เป็นพ่ออย่าง ‘บิ๊กจ๊อด’ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตประธานสภารักษาความสงบแห่งชาติ (รสช.) ที่มีปัญหาเรื่องการแบ่งมรดกมูลค่าเกือบ 4,000 ล้านบาท เมื่อสิบกว่าก่อน 

น่าเสียดายที่ในขณะนั้นไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเรื่อง ‘เงินเดือน’ และ 'ค่าประจำตำแหน่ง' ของนายทหารระดับสูงออกมาเป็นทางการ แต่พอจะคาดเดาได้จากระยะเวลา 37 ปีที่บิ๊กจ๊อดเริ่มรับราชการตั้งแต่ปีพ.ศ. 2497 จนกระทั่งเกษียณอายุราชการในปีพ.ศ. 2534 หากจะมีทรัพย์สินได้ถึง 4,000 ล้านบาทจริง ๆ บิ๊กจ๊อดต้องมีเงินสะสมโดยเฉลี่ยมากถึงปีละ 100 ล้านบาท! 

จนนำไปสู่การตั้งคำถามจากคนในสังคมว่า เพราะเหตุใด ‘นายทหารระดับสูง’ ถึงได้มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ในครอบครองได้มากขนาดนี้ รวมทั้งคำถามที่ลามมาถึงนายทหารยุคปัจจุบันว่า ความ ‘มั่งคั่ง’ ของนายทหารในปัจจุบันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ในช่วงเวลาที่ทหารกำลังเรืองอำนาจอยู่ในขณะนี้ 

ตัวอย่างที่ขอยกมาพูดถึงในครั้งนี้ จะอ้างอิงเฉพาะข้อมูลที่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการในช่วงตั้งแต่ที่ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี 

เริ่มตั้งแต่อัตราเงินเดือนของนายทหารตามระดับขั้นต่าง ๆ ที่มีการปรับขึ้นจากพ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการทหาร ที่ประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 (ตามตารางด้านล่าง) 

ภาพประกอบ http://www.ispacethailand.org 

เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวน เราจะอ้างอิงเฉพาะระดับเงินเดือน น.9 ที่มอบให้กับ นายทหารสัญญาบัตรยศจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ หรือพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก ที่ครองอัตราจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ สูงสุดอยู่ที่ 76,604 บาทต่อเดือน (ไม่รวมค่าตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ) เท่ากับว่า ใน 1 ปี ทหารระดับสูงจะได้รับเงินเดือนแบบเพียว ๆ ทั้งหมดอยู่ที่ 919,248 บาทต่อปี 

และถ้ารวมตำแหน่งทางการเมืองที่คิดในอัตราสูงสุดของพลเอกประยุทธ์ที่ได้เงินเดือนจากการเป็น นายกรัฐมนตรีที่ได้เงินเดือน 125,590 บาท, หัวหน้าคสช. อีกเดือนละ 125,590 รวมกับเงินเดือนทหารอีก 76,604 บาท เท่ากับเดือนละประมาณ 327,000 บาทหรือปีละ 3.9 ล้านบาท 

ซึ่งเมื่อเทียบกับตัวเลขที่เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรีรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา (ทั้งในอดีตและปัจจุบัน) จะเห็นว่ามีอยู่หลายคนที่มีมูลค่าทรัพย์สินที่มากกว่าหนี้สินอยู่ที่ประมาณ 30 ล้าน - 87 ล้านบาท (ดูรายชื่อและมูลค่าทรัพย์สินได้ที่บทความอ้างอิงด้านล่าง) 

ส่วนพลเอกประยุทธ์ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลได้ทำการยื่นทรัพย์สินรวมกับภรรยา ‘ก่อน’ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปีพ.ศ. 2557 ไว้ที่ 128 ล้านบาทด้วยกัน

ซึ่งเรายอมรับได้ว่า ในการยื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าว นั้นรวมมูลค่าของของมีค่า ไปจนถึง ‘การลงทุน’ ในบริษัทต่าง ๆ ที่อาจสร้างกำไรมหาศาลให้กับนายทหารเหล่านั้นเอาไว้ด้วย

แต่คำถามที่น่าสนใจก็คือ ในเมื่อนายทหารคือผู้เชี่ยวชาญที่ถูกฝึกเรื่องยุทธวิธีการรบเป็นสำคัญ  แล้วเอาเวลาและองค์ความรู้ในการลงทุนทำธุรกิจจนกำไรงอกเงยมากขนาดนี้ได้อย่างไร

ซึ่งถ้าใครมีหลักฐานตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน ตรงไปตรงมาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากตอบไม่ได้ ก็จะเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีถึง ‘ความลับ’ ในกองทัพที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ที่ควรจะต้องเปลี่ยนเป็นเรื่องจริงที่ถูก ‘เปิดเผย’ ให้ได้เร็วที่สุด เพื่อลดข้อครหาที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ 

และนั่นเป็นเพียงขั้นแรกของจำนวน ‘ตัวเลข’ ที่สามารถพิสูจน์ได้ง่ายและชัดเจนที่สุด และอย่าลืมว่ายังมี ‘รายได้’ อันไม่มีที่มาที่ไปอีกจำนวนมหาศาลที่รอการพิสูจน์และเปิดเผยเป็นลำดับต่อไป 

ซึ่งมูลค่าดังกล่าวเราไม่อาจคาดคิดว่าจะมีอีกมากเท่าไหร่ ที่หลบหลีก เล็ดลอด ซุกตัวอย่างเงียบเชียบที่คนธรรมดาอย่างเราไม่มีทางเข้าถึง 

แค่ลองคิดสภาพเมื่อ 10 กว่าปีก่อน บิ๊กจ๊อดยังมีทรัพย์สินได้มากถึง 4,000 ล้านบาท ตัดภาพมาในปัจจุบัน ที่ค่าเงินเพิ่มสูงจากเดิมมาไม่รู้กี่เท่า จะมีนายทหารคนไหนทำรายได้ไปอีกมากเท่าไหร่ 

เราไม่กล้าที่จะคิดจริง ๆ 

อ้างอิง

http://www.ispacethailand.org/political/16036.html

https://thematter.co/quick-bite/thai-junta-salary/44219

https://ilaw.or.th/node/4799

https://www.thairath.co.th/content/1499985?fbclid=IwAR1uc1jSW8uJ75T_VDc-vNA-DOaAXvXZ36fgdbCdeP9FH9Tgl-iOnwDhax8

https://news.thaipbs.or.th/content/269456