ไลฟ์สไตล์

ยิ่งคิดมาก ยิ่งรู้น้อย - ดังตฤณ

THINK TODAY
เผยแพร่ 12 ม.ค. 2562 เวลา 21.00 น. • ดังตฤณ

สำหรับคนส่วนใหญ่ หลายปัญหาไม่ใช่ปัญหา แต่พออุปาทานไปว่ามันเป็นปัญหา ปัญหาก็เลยเกิดขึ้น เดือดร้อนตัวเอง เดือดร้อนคนอื่น

ตัวอย่างที่เห็นกันบ่อยๆ ก็เช่น คู่ครองยังไม่มีคนใหม่ แต่ใจไพล่ไปคิดว่ามี ปัญหาปากเสียงก็เลยเกิดก่อนจะเกิดปัญหาคนใหม่ นี่ยืนยันว่า ความคิดอาจพังโลกได้ก่อนโลกพัง ความคิดพาเราเข้าถึงความมืดได้ก่อนเวลาที่ราตรีจะมาถึง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หรืออย่างเช่น เรื่องน่าเจ็บใจผ่านพ้นไปแล้ว ไม่ใช่ปัญหาหนักอกอีกต่อไปแล้ว แต่คนบางคนก็อุตส่าห์ขุดเรื่องเก่าๆ มาเจ็บใจต่อ นี่ก็ยืนยันว่า คนเราชอบครุ่นคิดถึงเรื่องน่าเจ็บใจมากกว่าเรื่องน่าสบายใจ 

แม้ความน่าสบายใจอยู่ตรงหน้าก็ไม่เอา ซึ่งนั่นก็เกินพอจะเป็นเหตุให้ได้ตายอย่างไม่สบายใจ คือเกิดแนวโน้มแล้วว่าตอนใกล้ตายมีสิทธิ์หวนคิดเรื่องไม่ดีมากกว่าเรื่องดีๆ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ถ้าคุณชินที่จะคิดมาก คุณจะสังเกตน้อยลงเรื่อยๆ ไม่ตั้งคำถามเลยว่า ‘นี่เรากำลังคิดมากเกินไป’ ทุกครั้งที่คิดจะรู้สึกว่าสมควรแล้วที่จะคิด สมควรแล้วที่จะหนักใจ แยกไม่ออกว่าเรื่องไหนเล็ก เรื่องไหนใหญ่ เรื่องไหนต้องคิดจริงๆ เรื่องไหนไม่ต้องคิดก็ได้

คิดมากถึงจุดหนึ่ง คุณจะเกิดประสบการณ์เบลอจัด ประมาณว่า รู้ตัวอีกทีก็เข้าเมืองหมอก เหมือนมีหมอกมุงทั้งเมือง มองไปทางไหนเห็นแต่ม่านหมอกความคิดตัวเองคลุมบังเต็มไปหมด 

บางครั้งแทบไม่เห็นว่าใครอยู่ตรงหน้า แทบไม่รู้ว่าใครพูดอะไรกับคุณบ้าง ต้องใช้ความพยายามฝ่าเมฆหมอกทางความคิดของตัวเองออกมา จึงจะติดต่อกับโลกภายนอกตรงหน้าได้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

มีอุบายง่ายๆ ที่ไม่ต้องลงทุนลงแรง ไม่ต้องเสียเงินเข้าคอร์สบำบัดที่ไหน ขอเพียงตั้งใจจริงวันเดียว แค่วันเดียว! พกกระดาษกับปากกาติดตัวไปด้วย ก็มีสิทธิ์เปลี่ยนนิสัยทางการคิด ซึ่งเท่ากับเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคุณได้เลย

วิธีคือ เมื่อเกิดความรู้สึกอึดอัดในอก ไม่ปลอดโปร่งในหัว เหมือนมีคลื่นวกวนไร้ทางออก พัวพันอีนุงตุงนังอยู่ ให้ใช้ปากกาขีดลงไปในกระดาษหนึ่งขีด

คุณจะพบว่าทันทีที่ขีดเส้นลงในกระดาษ ความยุ่งเหยิงในหัวจะลดระดับลงเล็กน้อย เพราะสมองเปลี่ยนโหมดการทำงานจากซ่านคิดเรื่อยเปื่อย จับต้องไม่ได้ มาเป็นเคลื่อนไหวกระทำการแบบที่จับต้องได้ ซึ่งแม้เพียงชั่ววินาทีเดียว การทำงานของสมองก็ต่างไปจากเดิมบ้างแล้ว

จากนั้นให้รอไปตามธรรมชาติ ดูว่าเมื่อใดจะเกิดอาการคิดมากจนต้องขีดอีก ความน่าอัศจรรย์ทางธรรมจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ก็เมื่อคุณขีดไปได้สักสิบขีด คือ จากเดิมที่เห็นชัดๆว่า คุณเป็นผู้คิดมาก กลับกลายเป็นว่า ความคิดมากคือ ‘คลื่นรบกวน’ ที่แวะเวียนกลับมาปรากฏให้สังเกตเป็นวูบๆ พักๆ หาได้มีความเป็นตัวเป็นตนของคุณติดค้างอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหัว คือทุกอย่างที่ต้องหายไปจากหัวเสมอ

ประสบการณ์ที่ได้พบว่า ‘ความคิดในหัวไม่ใช่ตัวเดิม’ คุณไม่ได้เชื้อเชิญให้มันมา และคุณก็ไม่ได้มีความสามารถจะลบมันออกไป จะช่วยให้คุณคลายความยึดมั่นสำคัญผิด ชนิดที่เพี้ยนๆ ลงแบบฮวบฮาบ กระทั่งถึงจุดหนึ่ง จะเกิดสติรู้มากกว่าหลงคิด อย่างน้อยก็รู้ขึ้นมาเองเรื่อยๆ เลยว่า เรื่องไหนไม่ต้องคิดก็ได้ เรื่องไหนที่ยังคิดอยู่ ก็เพราะไม่เกิดสติรู้เท่านั้น แล้วในที่สุดคุณจะจำขึ้นใจว่า…

ยิ่งคิดมาก ยิ่งรู้น้อย 

ยิ่งคิดน้อย ยิ่งรู้มาก!

ความเห็น 11
  • @...
    ผมได้อ่านบทความของคุณดั่งตฤณแล้วทำให้ผมเข้าใจไปว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่จะสามารถช่วยทำให้คนเรานั้นมีความรอบรู้มากขึ้นมาได้นั่นก็คือการที่ต้องรู้จักกับการวิเคาะห์ถึงเหตุต่างๆให้รอบครอบก่อนที่จะสรุปจะเป็นการดีที่สุดครับ.
    13 ม.ค. 2562 เวลา 12.26 น.
  • Sunan T.
    ดีมากเลยค่ะ
    13 ม.ค. 2562 เวลา 11.45 น.
  • papon
    ดีครับ...ขอบคุณในคำแนะนำ แนวคืดดีๆ ต่อไปจะคิดน้อย เพื่อให้รู้มากขึ้น
    13 ม.ค. 2562 เวลา 15.50 น.
  • Iphoto Nmm
    อารมณ์คืออุปสรรคสำคัญเลย​ ทำทุกอย่างพังได้ในพริบตา ก็ยากมากนะ​ อยู่ทางโลก​ ต้องหาเงิน​ ต้องผิดศีลทุกวัน​ คิดมาก​ ไม่ใช่เรื่องแปลก​ เพราะวันพรุ่งนี้​ ท้องมันก็หิวอีก​ ยิ่งเจอภาวะ​ 4​ ปีนี้​ คิดไปกันใหญ่เลย​ -​ -​"
    13 ม.ค. 2562 เวลา 13.17 น.
  • อ่านแล้ว ดีมาก ครับ
    19 ม.ค. 2562 เวลา 18.02 น.
ดูทั้งหมด