ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 ความว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อกำหนดมาตรการในการควบคุมยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและสอดคล้องตามหลักสากล ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว โดย มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของมาตรา 9 แห่งพ.ร.บ.ยาเสพติด ให้โทษ พ.ศ.2522 "ให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายกแพทยสภา นายกสภาการแพทย์แผนไทย และนายกสภาเภสัชกรรม เป็นกรรมการในคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ให้โทษตามวรรคหนึ่งเพิ่มขึ้นด้วย เฉพาะในวาระที่เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5
โดยราชกิจจานุเบกษา ฉบับนี้ ได้ระบุหมายเหตุไว้ว่า
หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานและมีบทบัญญัติบางประการที่ไม่ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้ปรากฏผลการวิจัยว่าสารสกัดจากกัญชาและพืชกระท่อมมีประโยชน์ทางการแพทย์เป็นอย่างมาก
ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกได้แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้มีการอนุญาตให้ประชาชนใช้กัญชาและพืชกระท่อมเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคและประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติด ให้โทษ พ.ศ. 2522 กัญชาและพืชกระท่อมเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดเสพหรือนำไปใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยหรือนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์และยังกำหนดโทษทั้งผู้เสพและผู้ครอบครองด้วย
ดังนั้นเพื่อเป็นการรับรองและคุ้มครองสิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับและใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ ในการรักษาและพัฒนาทางการแพทย์ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้ได้รับอนุญาต เพื่อให้ถูกต้องตามหลักวิชาการให้ทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านยาของประเทศ และป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาดทางด้านยา
สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถนำกัญชาและพืชกระท่อมไปทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสามารถนำไปใช้ในการรักษาโรคภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์ได้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
แต่ผมก็ภาคภูมิใจนะครับที่ประเทศไทยได้เปิดโอกาสการรักษาโรคให้กับคนทั้งโลกได้หายจากการเป็นมะเร็งทีผมเบื่อที่จะต้องฟังคนตายด้วยโรคมะเร็ง ถ้าหากรักษาได้จริง คนคือ คนที่พิเศษที่สุดของประเทศไทย
28 ก.พ. 2562 เวลา 14.16 น.
ผมยอมรับนะครับผมดูดกัญชามาตั้งนานแล้วผมรู้สึกว่าครอบครัวผมมีความสุขและไม่เคยทำให้ใครต้องเดือดร้อนและไม่เคยลักขโมยของใครและผมรู้ว่าผมควรทำยังไงและผมได้อันนี้ผมก็มีความสุขทุกวัน บางสิ่งบางอย่าง คุณเองต้องลองถามตัวคุณเองว่าสิ่งนี้กับสิ่งนั้นอันไหนที่ดีกว่าและความสถานการณ์ได้ดีกว่า ไม่ใช่ว่าคนเอาไปแล้วคุณก็ผลิต ประชาชนที่เสพ ไม่ได้มันจะมีปัญหาหรือเปล่า ผมยอมรับครับผมเป็นคนที่อารมณ์ร้อนมาก ใครมองหน้าผมผมก็โมโห แทบจะเอาปืนไปแล้วยิงหัวมันเลย แต่พอผมลองหันมาสูบกัญชาดู ในระยะ 4 ปี ผมไม่เคยมีปัญหากับผู้ใด
28 ก.พ. 2562 เวลา 14.15 น.
Pui ถึงจะเปนทางการแพทย์้อถือว่าเปนจุดเริ่มต้นที่ดีครับ ผมเชืาอว่ามันจะต้องเสรีอีกไม่นาน คุณไม่เบื่อข่าวอาชญากรรมบ้างเหรอ เกิดจากเหล้าเบียร์ทั้งนั้นตื่นได้แล้วโดนพวกนายทุนหลอกมากี่สิบปี กัญชาไม่เคยฆ่าใคร กระท่อมไม่ทำร้ายใคร ถ้าคุณจะบอกว่าพวกเสพกัญชาเปนคนเลว คุณลองเอาคดีที่เกิดจากเหล้าเบียร์ยาบ้ามาวัดกับกัญชาดูฝาผนังกำแพงวัดพระแก้วจะเขียนจะวาดไว้ได้ยังไง เลิกโง่สักที เเล้วก้อมาเรียกร้องโทษประหารกัน ก้อให้มันดื่มกันเเบบถูกต้องนิน้ำเน่าเพราะมัวเเต่เก็บขยะที่ปลายน้ำอีกกี่ชาติจะหมดตปท.เค้าเกบที่ต้นน้ำ
25 ก.พ. 2562 เวลา 11.34 น.
แล้วใครล่ะครับที่จะสามารถปลูกและครอบครองรวมทั้งจำหน่ายได้ อย่าบอกนะว่า...cp
24 ก.พ. 2562 เวลา 11.26 น.
พรชัย ถุกแล้วครับ..สยามเมืองยิ้ม.ดีกว่าฆ่ากันตายมิใช่หรือครับมีแต่สุขทุกข์ไม่มี..
22 ก.พ. 2562 เวลา 15.59 น.
ดูทั้งหมด