เริ่มไปแล้วสำหรับ Future Fest ในย่านมักกะสัน กลางเมืองด้วยความคึกคัก เข้มข้น
ไม่ว่า ธนาธร ไม่ว่าปิยบุตร ไม่ว่าพรรณิการ์ ร่วมด้วยช่วยกัน
ทั้งยังมี พี่ทิม พิธา ทั้งยังมีพี่จุ๊ย ทั้งยังมีพี่นิติพล ทั้งยังมีพี่ธัญญวารินทร์ รวมถึงน้องวาโย เดินเรียงเคียงข้าง
ไม่ว่าพี่ต้อม ไม่ว่าพี่มดมด ก็ล้วนมา
เหมือนกับ Future Fest จะต่อยอดมาจาก Fat Radio แต่ก็มีกลิ่นอายวัฒนธรรมการเมืองอย่างเต็มเปี่ยม
เป้าหมายก็แน่ชัดว่าเป็นวัยรุ่น เป็นคนรุ่นใหม่
อาศัยดนตรี อาศัยนิทรรศการ อาศัยเวทีอภิปราย ประสานกับการจัดเสวนาสะท้อนนโยบายทางการเมืองออกมาอย่างมากด้วยสีสัน
สีสันของเบียร์ภูเก็ต สีสันของสุราพื้นบ้านจากสุรินทร์
งานนี้อาจมี น.ส.พรรณิการ์ วานิช ด้วยอาภรณ์ละออตา สดใส สดสวย แต่ที่น่าทึ่งเป็นอย่างมากยังเป็นการนำเข้างานด้วยตัวเองโดย นายธนา ธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เมื่อมี ครูจุ๊ย เข้ามาเสริมอีกมุมหนึ่งจึงเริ่มคึกคัก
ตกดึง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เปิดการบรรยายนอกห้องเรียนผ่านท่วงทำนองปรัชญาประยุกต์
สะท้อนการครอบงำ บงการทางความคิดและอำนาจ
ยิ่งติดตามฟัง ยิ่งได้กลิ่นอายการปรับประสานทฤษฎีว่าด้วยอำนาจนำอันโชยกรุ่นมาจากกรุงโรม
ไม่ว่ามองผ่านเสื้อ ไม่ว่ามองผ่านการออกร้าน เป็นอีกโฉมหนึ่งของวัฒนธรรมการเมือง สะท้อนให้เห็นการซึมซาบและส่งผลต่อกันและกันอย่างสัมผัสได้ในทางรูปธรรม
ระหว่าง เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ความคิด
สังคมไทยเพิ่งผ่านรูปการ Flash Mob เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม และคึกคักกับกิจกรรมเสริมสุขภาพ วิ่ง ไล่ ลุง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มก ราคม
แล้วก็มาถึง Future Fest ในวันเสาร์ที่ 25 มกราคม
ทั้งหมดนี้เป็นการเคลื่อนไหวในทางการเมืองอย่างแน่นอน เพียงแต่ด้วยรูปการสำแดงออกที่แผกแตกต่างไปจากกาลอดีต
ไม่ว่าอดีตเมื่อเดือนตุลาคม 2516 ไม่ว่าอดีตเมื่อเดือนพฤษภา คม 2535 หรือแม้กระทั่งเมื่อปี 2549 และเมื่อปี 2557
เป็นการเคลื่อนไหวในยุค”ธนาธร ปิยบุตร”แห่ง”อนาคตใหม่”
