เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่านาทีนี้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จะโพสต์ปฏิเสธข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยกล่าวว่า “ ไม่จริงนะครับ ยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย ตอนนี้คิดแต่จะทำอย่างไรให้แก้ปัญหาของคนกรุงเทพได้ดีที่สุดครับ” ซึ่งการปฏิเสธดังกล่าวเกิดขึ้นจากมีข่าวว่าเขาและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางคน เช่น กรณ์ จาติกวณิช อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รวมทั้ง อดีต ส.ส.กทม.อีกบางคนร่วมกันตั้งพรรคใหม่
อย่างไรก็ดีอีกกระแสข่าวหนึ่งก็คือมีการเคลื่อนไหวว่า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กำลังตัดสินใจลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด ความหมายก็คือจะ “ไม่สังกัดพรรคเพื่อไทย” ด้วยเหตุผลที่ต้องการความอิสระในการทำงาน รวมไปถึงโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายหากลงสมัครในนามอิสระ ให้กลายเป็นทางเลือกใหม่
โดยก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะที่เขาเป็นสมาชิก “กลุ่มกรุงเทพที่ดีกว่าเดิม” ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของนักวิชาการ นักธุรกิจ และประชาชนที่อยากเห็นกรุงเทพฯดีกว่าเดิม มีการแก้ปัญหาเรื่องรถติด ปัญหาฝุ่นละออง ขนาดเล็ก ปัญหาน้ำท่วมขัง จึงรวมตัวกันให้การสนับสนุน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่จะตัดสินใจลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระเพราะต้องการร่วมมือกับทุกภาคส่วน ให้ทุกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน
“จะทำงานอย่างอิสระจริงๆไม่มีพรรคอยู่เบื้องหลัง เพราะเมื่อประกาศลงอิสระแล้ว เราก็ยินดีทำงานร่วมกับทุกพรรคทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล” อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยและอ้างว่าเป็นสมาชิกกลุ่มกรุงเทพที่ดีกว่าเดิม กล่าวอ้าง
แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวแบบนี้ย่อมต้องได้รับความสนใจแบบเรียกเสียงฮือฮาจากสังคมได้พอสมควร อย่างน้อยก็คาดไม่ถึงว่าจะออกมารูปนี้ แม้ว่าในตอนนี้ทุกอย่างยังถือว่าไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าจะออกมาแบบไหน ในความหมายที่ว่า ยังไม่ชัวร์ว่าจะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย หรือว่าจะลงสมัครอิสระในนามกลุ่มกรุงเทพที่ดีกว่าเดิมหรือไม่ เพราะในคำปฏิเสธข่าวเรื่องการตั้งพรรคใหม่ของเจ้าตัวก็ยังพูดไม่ชัดโดยกล่าวว่า “ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย คิดแต่ว่าทำอย่างไรให้แก้ปัญหาให้คนกรุงเทพได้ดีที่สุดครับ”
อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากท่าทีของคนในพรรคเพื่อไทย ที่พอเล็ดลอดออกมาให้เห็น เช่น การโพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ของ จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.ที่ออกมา “ไล่ส่ง” ทำนองว่า “เมื่อไม่มีใจให้กับพรรคก็ไปเลย” อะไรประมาณนั้น แม้ว่าจะไม่มีการระบุชื่อกันตรงๆ แต่มันก็พอเข้าใจได้ว่าต้องการสื่อไปถึงใคร
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากท่าทีของ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ชัชชาติ ได้ประสานมา แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องนี้ คงจะต้องใช้เวลา ซึ่งเขายังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ลาออก” พร้อมทั้งย้ำว่า “หากลงอิสระจริงเชื่อว่าเขาก็คงจะมีเหตุผลที่จะมาแจ้งกับพรรค”
นี่ยังไม่นับถึงบรรยากาศในที่ประชุมพรรคครั้งล่าสุด ที่มีความคุกรุ่นจากหลายปัญหา เช่น กรณี 16 ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยที่ลงมติหนุนกรรมาธิการฝ่ายรัฐบาลจนทำให้ญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินและโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)ต้องตกไป ที่มีการสั่งให้ตรวจสอบ รวมไปถึงการที่ ส.ส.ภายในพรรคมีเรื่องใช้กำลังกัน หรือแม้แต่ก่อนหน้านั้นที่มี ส.ส.สุรินทร์ของพรรคไปต้อนรับและประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะเดินทางไปตรวจราชการที่นั่น
แต่ที่น่าจับตาก็คือเวลานี้บทบาทในสภากลับกลายเป็นว่า บทบาทนำกลายเป็นพรรคอนาคตใหม่ แทนที่จะเป็นพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคแกนนำ หรือแม้แต่การอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 152ในกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ก็กลายเป็นว่า บทบาทการอภิปรายกลับไปอยู่ที่พรรคอื่น หรือแม้แต่การตั้งประเด็นในการยื่นญัตติก็มีการริเริ่มมาจาก ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่มีการอภิปรายในเรื่องดังกล่าวเป็นคนแรก
แน่นอนว่าหากพิจารณากันตามสถานการณ์ความเป็นจริงในเวลานี้สำหรับพรรคเพื่อไทยถือไม่ค่อยมีสีสันเท่าใดนัก อาจเป็นเพราะระดับบิ๊กเนมไม่ได้เข้าสภา หรืออาจเป็นเพราะบรรยากาศเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ที่สำคัญคือการขาดช่วงในการเป็นรัฐบาลมานานมันก็ยิ่งทำให้ความคึกคักต้องถดถอยลงไป
ขณะเดียวกันเมื่อกลับมาพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ก่อนหน้านี้ที่ถูกมองว่ามีความต้องการที่จะลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมากกว่าการเป็นแคดิเดตนายกฯของพรรคที่ไม่มีความหวัง เพราะต้องเป็น “เบอร์รอง” ของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่น่าสังเกตก็คือตอนนั้นเขาไม่ยอมลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้ถูกจับตามองมาแล้วครั้งหนึ่ง
ดังนั้นการเคลื่อนไหวจากคนรอบข้าง รวมทั้งท่าทีการปฏิเสธแบบอึมครึมแบบนี้ มองอีกด้านหนึ่งมันก็พอคาดเดาได้ในระดับหนึ่งว่า “น่าจะไปแน่” เพียงแต่ว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะต้องประกาศตัว เพราะยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใดกันแน่ แต่เมื่อพิจารณาจากอาการแล้วมันชัดในตัวเอง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นมีการแยกวงออกไปจริง พรรคเพื่อไทยน่าจะต้องกระเพื่อมอีกชุดใหญ่ เพราะน่าจะมีหลายคนที่ไหลตามออกไปด้วย !!
อิสระชน 55555 สม อย่าอยู่กับฝ่ายโกงชาติเลย...
20 ก.ย 2562 เวลา 04.30 น.
Vanida ชาวบ้านดูก็รู้ อยู่พรรคนี้มีแต่อนาคตหด ออกไปนั่นแหละดีแล้ว ถ้าเป็นตัวจริงมีผลงานเดี๋ยวก็ดัง
20 ก.ย 2562 เวลา 02.56 น.
Pittayaporn ก็ย้ายไปสิใครแค ยังไงก็เลือกเพื่อไทย ส่งหมามากูก็เลือก
20 ก.ย 2562 เวลา 02.53 น.
Napas Suwirat ไม่มีพรรคสนับสนุน โอกาสน้อยมากจะชนะ คนที่มีพรรคพวกเยอะๆได้เปรียบ เสียของอย่าทำ
20 ก.ย 2562 เวลา 02.46 น.
sitthipong เกมส์ตี้นๆ แค่หวังผลเลีอกตั้งผว.กทม.
คนประเภทนี้ เป็นคนอย่างไร รักษาศิล ,ปลิ้นปล้อน, หวังอำนาจหลอกลวงประชาชนส่วนใหญ่,อาสารับใช้, กะมากอบโกย
20 ก.ย 2562 เวลา 02.38 น.
ดูทั้งหมด