“ปิยบุตร - เยาวลักษณ์” นำทีมคณะก้าวหน้าลุยลำปางลั่นทวงคืนอำนาจกลับคืนท้องถิ่น ชี้ไม่มีเลือกตั้งท้องถิ่นมาเกือบทศวรรษ หมดข้ออ้างเลื่อนอีกแล้ว
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 7 ก.ค. เวลา 15.30 น. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมพูดคุยสถานการณ์การเมืองท้องถิ่น ณ ศาลาวัดป่ารวก จ.ลำปาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางใน 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ ลำปาง ลำพูน แพร่ เชียงใหม่ เชียงราย ระหว่างวันที่ 7-13 ก.ค. 2563 เพื่อเดินหน้ารณรงค์ความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น การพัฒนาบ้านเกิด และแนวนโยบายยุติรัฐราชการรวมศูนย์ หลังจากนั้นทั้งสองได้ทำกิจกรรมแจกหน้ากากอนามัยที่ตลาดบ้านสามัคคี โดยมีประชาชนเข้ามาทักทายและขอถ่ายภาพเป็นจำนวนมาก
น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า อธิบายว่าถึงแม้พรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบไปแต่กรรมการบริหารของพรรคอนาคตใหม่ ยังคงดำเนินงานสานต่ออุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ต่อไปในนามคณะก้าวหน้า มีภารกิจสำคัญ 3 เรื่องคือการปักธงทางความคิด การเลือกตั้งท้องถิ่น และขยายเครือข่ายในทุกจังหวัดทั่วประเทศ
“ในส่วนของการเลือกตั้งท้องถื่นที่คณะก้าวหน้าตั้งใจจะเดินหน้า เราจะทำโดยยึดหลักสองช้อ คือไม่ซื้อสิทธิซื้อเสียง และจะไม่ใช้อิทธิพลกลุ่มการเมืองเดิมในการรณรงค์เลือกตั้งท้องถิ่น นโยบายหลักๆ ที่สำคัญของท้องถิ่นที่คณะก้าวหน้าได้เคยวางแนวนโยบายไว้ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ ได้แก่ การขนส่งสาธารณะ การจัดการขยะ สิ่งแวดล้อม การกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เช่น การพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน นำเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ออกมาสร้างงานสร้างรายได้ เหล่านี้คือสิ่งที่เราจะนำมาศึกษาต่อและปรับให้สอดคล้องกับแต่ละท้องที่ เพื่อผลิตนโยบายร่วมกันใช้รณรงค์ในการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ” น.ส.เยาวลักษณ์ กล่าว
ด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวว่า แนวนโยบายยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ ในภาษาไทยเราคุ้นเคยกับคำว่า “กระจายอำนาจ” นั่นแปลว่าอำนาจอยู่ที่ส่วนกลางแล้วต้องกระจายกลับมาให้เรา หากเรามองมิติใหม่ว่าแท้จริงแล้วอำนาจ ทรัพยากร คน มีอยู่ที่นี่อยู่แล้ว แต่วิธีการบริหารในบางช่วงบางตอนของประวัติศาสตร์ไช้วิธีการรวมอำนาจทั้งหมดกลับไปที่ส่วนกลาง จนวันนี้ก็ยังไม่กลับมา เราจึงต้องทวงอำนาจกลับมาที่ท้องถิ่น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงเลือกใช้คำว่า ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ แทนคำว่า กระจายอำนาจ เพราะอำนาจมีอยู่ที่นี่มาก่อนแล้ว สิ่งที่ต้องยุติคือการเอาอำนาจไปรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง
นายปิยบุตร อธิบายต่อว่า ประเทศไทยเริ่มมีความคิดเรื่องกระจายอำนาจชัดเจนขึ้น โดยมีกฎหมายที่สำคัญคือรัฐธรรมนูญ 2540 หมวด 9 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้วางหลักการพื้นฐานเรื่องการกระจายอำนาจไว้เรียบร้อย จากนั้นมีการออกกฎหมายให้รายละเอียดใน พ.ร.บ.กําหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งระบุว่าจะต้องโอนอำนาจหน้าที่ บุคลากร งบประมาณ ตามเวลาที่กำหนด ปรากฎว่ายังเหลือปัญหาคือยังโอนงาน โอนเงิน โอนคน มาให้การปกครองส่วนท้องถิ่นมาให้ท้องถิ่นไม่สมบูรณ์ตามที่ตั้งใจไว้ จนกระทั่งการเมืองระดับชาติส่งผลมาถึงชีวิตของคนในท้องถิ่นหลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 การปกครองโดยเผด็จการทหาร ขึ้นชื่อว่าเผด็จการก็ไม่อยากแบ่งอำนาจให้ใคร อยากรวมอำนาจไว้ที่ตนเอง ดังนั้นรัฐบาลเผด็จการทหารก็ทำให้การกระจายอำนาจที่เคยพูดเคยฝันกันต้องสะดุดหยุดลงทันที เลวร้ายมากขึ้นไปอีกเมื่อเจอรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 คราวนี้ไม่ได้ทำให้การกระจายอำนาจเพียงหยุดลง แต่ถอยหลังเข้าคลองเลย วันนี้มันกลับตาลปัตรเพราะเราต้องมานั่งเถียงกันว่าเมื่อไหร่จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น หากเรามาพิจารณาดูว่าครั้งสุดท้ายที่คนลำปางไว้เลือกนายก อบจ. ครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ ต้องก่อนปี 57 แน่ๆ นับไปมาเกือบสิบปีคนท้องที่ไม่ได้กากบาทเลือกคนที่บริหารงานในท้องถิ่นเลย แล้วผู้บริหารท้องถิ่นลำปางตอนนี้มาจากไหน หลายคนก็คือข้าราชการประจำที่รักษาการนั่นเอง
“จนตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าจะได้เลือกตั้งท้องถื่นเมื่อไหร่ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ จะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ แต่ผมเชื่อว่าหมดข้ออ้างที่จะอ้างอีกต่อไปแล้วว่าทำไมถึงมีการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ได้ ดังนั้นช้าเร็วต้องมีการเลือกตั้งท้องถิ่นแน่นอน ขอให้ทุกท่านติดตามการรณรงค์เลือกตั้งท้องถิ่นของคณะก้าวหน้าต่อไป เราจะทวงคืนอำนาจกลับมาที่ท้องถิ่น วิธีคิดของรัฐบาล คสช. มองท้องถิ่นเป็นมือไม้กลไกของพวกเขา ในขณะที่พวกเราคณะก้าวหน้าเรามองท้องถิ่นว่าเป็นเรี่องของคนในพื้นที่ที่จะต้องตัดสินใจเลือกผู้บริหารมาใช้งบประมานจัดทำบริการสาธารณะเพื่อคนลำปาง และตอบสนองความต้องการของท้องที่ให้ได้มากที่สุด” นายปิยบุตร กล่าว
เลขาธิการคณะก้าวหน้า ยังกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลติดตามการเดินทาง เฝ้ารอถ่ายภาพที่เวทีกิจกรรม และนำกล้องวงจรปิดมาติดบริเวณรอบๆ ว่า ทถ้าผมและทืมงานเที่ยวติดตามสอดส่องผู้กำกับ สารวัตร นายพล หรือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าวันหนึ่งไปทำอะไรพวกท่านจะรู้สึกอย่างไร แต่ทำไมเจ้าหน้าที่จึงติตดามผมทุกครั้งเวลาไปต่างจังหวัด ถึงวันนี้ผมยังไม่ทราบเลยว่าใช้อำนาจตามกฎหมายใด นี่ไม่ใช่เรื่องรักษาความปลอดภัยตามที่อ้างกัน เพราะมาถึงก็ตั้งกล้องถ่ายวิดิโอ ถ่ายภาพทะเบียนรถของผู้มาร่วมงาน เหมือนเล่นสงครามจิตวิทยา เมื่อผมออกจากพื้นที่ก็ไล่โทรสอบถามว่าใครเป็นคนจัดงาน ถามว่าเจ้าอาวาสอนุญาตให้จัดงานไหม นักศึกษามาจากไหน กรณืนี้จะมาอ้างว่า ถ้าไม่ได้ทำผิด จะกลัวทำไม? ไม่ได้ การถามแบบนี้คือกลับตาลปัตรชัดๆ ต้องถามกลับไปที่เจ้าหน้าที่ต่างหากว่า ผมมีเสรีภาพ ไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานราชการฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องมาตามทุกฝีก้าว แทนที่จะถามว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด จะกลัวทำไม ต้องถามกลับต่างหากว่า เจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชาผิดปกติหรือเปล่าที่สั่งให้ตามผม ทุกวันนี้เป็นแบบนี้แล้ว หลายเรื่องที่ผิดปกติในประเทศไทย ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องปกติไป
non ทวงคืนอำนาจๆ อำนาจอะไรของมึง ประชาชนทุกคนก็มีอำนาจในระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้วอำนาจในการเลือกผู้แทนเข้าไปทำงานในสภา ก็มีแค่นั้นแหละมึงจะเอาอำนาจบ้าบออะไรอีก เค้าไม่มีอำนาจอะไรให้มึงแล้ว
07 ก.ค. 2563 เวลา 16.25 น.
ทองใหญ่ ช.(เจ้าน้อย) มึงไปอยู่ไหนมา บ้านผมผู้นำท้องถิ่นผูกขาดอำนาจ เป็นแค่ 5 ปีกันแต่นี่เป็นนายกอบต.มาร่วม 20 ปี โกงกินกันจนพุงกางแล้ว ทางที่ดีควรยุบการปกครองท้องถิ่นให้หมด อบตต. อบจ. อบท. อะไรนี่เมื่อก่อนไม่เห็นมีก็ยังอยู่กันได้ มามีตอนยุคไอ้ทักสินที่มันวางแผนกินรวบทั้งอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ให้ปกครองกันเอง พสกมันพัฒนาแต่กระเป๋าตัวเองและญาติพี่น้องพวกพ้งมัน ถังขยะใบละหลายพันซื้จากตลาดใบละไม่กี่ร้อย นี่เป็นตัวอย่างที่เลวร้ายมาก ฯลฯ ประเทศฉิบหายก็เพราะระบบนี่แหละ ควรยุบให้หมด เพราะไอ้พวกนี้แหละเป็นฐานอำนาจของนักการเมือง
07 ก.ค. 2563 เวลา 16.23 น.
ปลาเงิน บูดอองตวน เอ็งรู้จักการเมืองท้องถิ่นในไทยดีแล้วเหรอ
07 ก.ค. 2563 เวลา 16.13 น.
ninjadip อ้ายตัวเสนียดจัญไรแผ่นดิน
07 ก.ค. 2563 เวลา 16.14 น.
W อะไรมึง ไอ้ถั่วดำ ไอ้ฟาย
07 ก.ค. 2563 เวลา 16.28 น.
ดูทั้งหมด