ใกล้วันเข้าพรรษา บางคนเตรียมของทำบุญตักบาตร บางคนไปหล่อเทียนพรรษา บางคนถวายผ้าอาบน้ำฝน แล้วก็มีบางคนเตรียม ‘ตุนเหล้าเบียร์’ เก็บไว้ เพราะวันนั้นจะหาดื่มได้ยากกกกกกกกกกกกกกมากกกกกกกกกก
วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญทางศาสนาที่พุทธศาสนิกชนจะมีโอกาสได้เข้าวัดทำบุญ ร่วมกิจกรรมกับคนในชุมชน หาศิริมงคลเข้าตัว ปฏิบัติตามหลักคำสอนอย่างเคร่งครัด ด้วยความเชื่อที่ว่าวันพระจะทำให้บุญแรงขึ้น
แต่ขณะเดียวกันก็เป็นวันเกิดของยัยฟ้าใส เพื่อนสาวชาวคริสต์ที่นานๆ ทีจะได้เจอ เพราะมัวแต่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง เวลาว่างไม่ตรงกันซะที อะ ไหนๆ ก็วันเกิดนางแล้ว ถือโอกาสนี้ไปจิบเหล้าฉลองซะหน่อย ไป! ฟ้าใส ออกรถ!
แต่สามวินาทีต่อมาก็ตระหนักได้ว่า เข้าพรรษาร้านเหล้าไม่เปิด! เลยรีบโทรหาฟ้าใส เปลี่ยนแผนไปกินหมูจุ่มแทนแบบเซ็งๆ
จากหลักคำสอนทางศาสนา สู่กฎหมายงดจำหน่ายเหล้าเบียร์
‘งดเหล้าช่วงเข้าพรรษา’ เป็นแนวคิดที่อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้าง หลายครั้งที่หน่วยงานภาครัฐมีเป้าหมายหลักเพื่อลดสถิติการดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทย เสริมสร้างสุขภาพที่ดี และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากความมึนเมา
ที่ผ่านมามีการพยายามก่อตั้งโครงการมากมาย ผ่านการสื่อสารหลายรูปแบบ และเมื่อความเป็นห่วงของภาครัฐและความเป็นเมืองพุทธมารวมกัน ก็เลยออกมาเป็นพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ถ้าหากฝ่าฝืน จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทำให้ในวันสำคัญทางศาสนาดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อคุมเข้มร้านค้าทั่วเมือง พร้อมกับกระดาษติดอยู่หน้าตู้แช่ในร้านสะดวกซื้อว่า 'ขออภัย งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด'
เห็นแบบนี้แล้วก็ดีจังเลยนะ ที่มีคนเป็นห่วงสุขภาพเราขนาดนี้ แถมยังอยากให้เราได้บุญได้กุศล นุ่งขาวห่มขาวนั่งสวดมนต์ และเคร่งปฏิบัติในศีลข้อ 5 อีก แต่คำถามคือ แล้วคนที่นับถือศาสนาอื่น หรือคนที่ไม่มีศาสนาล่ะ?
กฎหมายที่หลงลืมความหลากหลายทางสังคม
จากการสำรวจสภาวะทางสังคมจากครัวเรือนตัวอย่าง 27,960 ครัวเรือน ในปี พ.ศ.2561 โดยสำนักงานสถิติฯ เผยว่า ประชากรในประเทศไทยนับถือศาสนาพุทธร้อยละ 93.5 รองลงมา ได้แก่ ศาสนาอิสลามร้อยละ 5.4 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 1.1 และไม่มีศาสนาน้อยกว่าร้อยละ 0.1
แม้เราจะเห็นว่าศาสนาพุทธคือศาสนาที่คนส่วนใหญ่ในประเทศนับถือ แต่เหตุผลในการนับถือศาสนาของคนเรา บางทีก็อาจจะเป็นแค่การนับถือตามผู้ปกครอง กรอกไว้ในบัตรประชาชนเฉยๆ หรือเขียนไว้ในประวัติ เพื่อที่จะได้สมัครงานง่ายๆ แต่ถ้าถามถึงเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขาจริงๆ อาจไม่ใช่ศาสนาก็ได้ แต่เป็นของกินอร่อยๆ เพลงเพราะๆ หนังสนุกๆ
หรือถ้าวันนึงโลกนี้มีศาสนาเบียร์ ศาสนาไวน์ ศาสนาคอนเสิร์ต ก็คงมีสัดส่วนของประชากรที่น่าตกใจอยู่พอควร
เมื่อกฎหมายครอบคลุมโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางสังคม หรือวิถีชีวิตที่สร้างความผ่อนคลาย ก็ย่อมส่งผลให้คนบางกลุ่มเกิดความไม่พอใจ กล่าวคือ ถ้าฉันนับถือศาสนาที่ไม่ห้ามดื่มเหล้าเบียร์ ฉันจะไปหาซื้อได้จากที่ไหนล่ะเนี่ย? จึงได้ลองไปถามความเห็นคนที่ไม่นับถือศาสนาว่า พวกเขาคิดเห็นอย่างไรกับข้อห้ามนี้บ้าง
“ทั้งๆ ที่เราอยากให้ทุกคนในสังคมเท่าเทียมกัน แต่ทำไมเราถึงเอาหลักศาสนาเดียวมากำหนดการกระทำของคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีความหลากหลายทางศาสนาอย่างประเทศไทย”
“การเชิญชวนให้งดดื่มเหล้าเบียร์ 3 เดือนเป็นเรื่องที่ดี แต่การงดจำหน่ายไปเลย อันนี้คิดว่ามันไม่น่าจะต้องครอบคลุมขนาดนั้น เพราะประเทศเราไม่ได้มีศาสนาเดียว”
“ไม่ควรนำศาสนามาตั้งกฎหมาย ขนาดอิสลามไม่กินเนื้อหมู เราก็ยังขายเนื้อหมูกันได้ มันก็เป็นทางเลือกของเขาที่จะไม่กิน แต่ทำไมพอเป็นเหล้าเบียร์ เราถึงเอาศีลข้อ 5 ของศาสนาพุทธมากำหนดพฤติกรรมของคนศาสนาอื่นด้วย เราคิดว่าการทำด้วยใจมันน่าดีกว่าการโดนบังคับ”
การบังคับที่อาจใช้ไม่ได้ผล
การลดนักดื่มหน้าเก่าหน้าใหม่ไม่ใช่เรื่องผิด ถ้ามีเจตจำนงเพื่อลดอุบัติเหตทางรถยนต์หรือความประมาทอื่นๆ ที่ตามมา แต่การห้ามดื่มสุราในวันสำคัญทางศาสนา ถึงขึ้นที่งดจำหน่ายให้กับคนศาสนาอื่นด้วยนั้น ดูจะเป็นกฎหมายที่ริดลอนสิทธิกันเกินไป
อีกทั้งกฎหมายนี้ยังทำให้ผู้คนรู้สึกว่า ที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อยู่ทุกวัน กตัญญูต่อบุพการีมาทั้งปี กินเบียร์ในวันเข้าพรรษาวันเดียว จะกลายเป็นคนบาปเลยรึเปล่า?
แล้วการบังคับเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วนำไปสู่อะไร? ในเมื่อกินเบียร์มาทั้งปี งดกินแค่วันเข้าพรรษาหรือวันอาสาฬหบูชาเพียงไม่กี่วัน หรือจริงๆ แล้วรัฐมองว่า ‘อย่างน้อย’ ก็ลดได้ 1-2 วันแหละนะ แต่ยังไงก็ฟังดูไม่นำไปสู่ผลลัพธ์ในระยะยาวอยู่ดี เพราถ้าคนเราอยากดื่มจริงๆ ก็จะหาทางดื่มให้ได้ในที่สุด (จากใจคนที่เคยยืนเปิดกระป๋องเบียร์หน้าร้านของชำในซอยลับ เมื่อคืนวันเข้าพรรษา)
ทฤษฎี Nudge Theory ของริชาร์ด เธเลอร์ (Richard Thaler) หรือทฤษฎีผลักดัน เป็นทฤษฎีที่ว่าด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้คนแบบแยบยล หรือจูงใจคนด้วยการไม่ออกคำสั่งบังคับ แต่เป็นการออกแบบสถานการณ์ สภาพแวดล้อม หรือสร้างแรงจูงใจ ให้ผู้คนมีพฤติกรรมตามที่เราคาดหวังไว้ เช่น การติดจำนวนแคลอรี่ในแต่ละขั้นบันได เพื่อชักชวนให้คนอยากเดินขึ้นบันไดมากขึ้น หรือการทำถังขยะให้มีลูกเล่น เพื่อดึงดูดให้คนอยากทิ้งขยะลงถังมากขึ้น
ทฤษฎีนี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อประโยชน์ของสังคมหรือส่วนรวม เนื่องจากเป็นไอเดียที่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกหรือการกระทำ แต่ขณะเดียวกัน การเลือกหรือการกระทำที่เป็นอิสระนั้น ก็อยู่ภายใต้การควบคุมบางอย่างของคนบางคนแบบไม่รู้ตัว
ที่พูดถึงทฤษฎีนี้ขึ้นมา เพราะการตัดสินใจของมนุษย์บางครั้งต้องก็พึ่งพา ‘แรงเสริม’ เข้ามาช่วย ไม่ใช่แค่ชี้สั่งเพียงอย่างเดียวเช่นเดียวกันกับการงดเหล้า ซึ่งควรเป็นทางเลือกที่เกิดจากจิตสำนึกของคนเรามากกว่า ถ้าเราเล็งเห็นปลายทางของความพยายาม เราก็จะกระทำสิ่งนั้นด้วยความเต็มใจ และก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการแปะกระดาษหน้าตู้แช่ในเซเว่นว่า ‘วันนี้งดจำหน่ายสุรา’ แต่สุดท้ายคนก็แอบเดินไปซื้อที่ร้านโชว์ห่วยของอาแปะข้างๆ ได้อยู่ดี เพราะการทำด้วยจิตสำนักที่แท้จริง อาจได้ผลในระยะยาวกว่าการถูกบังคับ
กฎหมายทุกข้อเกิดขึ้นด้วยเจตนารมณ์ที่ดีเสมอ และรัฐก็มีหน้าที่ดูแลประชาชน ให้ประชาชนเติบโตมาอย่างสุขภาพดี เพื่อที่จะมีแรงพัฒนาประเทศชาติต่อไป แต่การชวนกันให้ขบคิดเกี่ยวกับกฎหมายที่บังคับคนหมู่มาก โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างและความหลากหลายของสังคม ก็ถือเป็นอีกวิธีที่จะช่วยพัฒนาประเทศได้เช่นกัน อย่างน้อยๆ ก็เอาสิทธิเสรีภาพในการผ่อนคลายของตัวเองกลับมาแหละนะ
Illustration by Kodchakorn Thammachart
Titaree.s เพ้อเจ้อ เขาจะลดการดื่มแอลกอฮอล ลดนักดื่มทุกศาสนาน่ะแหละ แต่มีแคมเปญรณรงค์ชูจุดขายที่บาปบุญเฉยๆ ต้องยอมรับว่าในไทยมีประชากรชาวคริสต์ในสัดส่วนที่น้อย ถ้าจะเอาวงกว้างเรื่องบาปบุญ ก็ต้องเลือกพุทธไหมล่ะ ขี้เมาไม่แคร์สุขภาพสี่แปดอะไร แมร่งดูกลัวบาป ถึงได้น่าทำแคมเปญไง คุณก็มองเพี้ยนไปว่าสสส.อยากลดขี้เมาชาวพุทธอย่างเดียว ไม่ทราบตอนเขียนนี่คือเมาไม่ได้สติรึเปล่าถึงคิดมาได้แบบนี้
01 ก.ค. 2563 เวลา 14.04 น.
คุตฺตธมฺโมภิกขุ ลงบทความแบบนี้ อยากจะวอร์เหรอครับ มีหน้าที่อะไรกันแน่ เผยตัวตนออกมาดีกว่าอย่าเป็นอีแอบ ลอบแทงข้างหลังจนเคยตัว
01 ก.ค. 2563 เวลา 13.54 น.
Piyapat สงสารยัยฟ้าเนาะ อยากดื่มเหล้าฉลองวันเกิดแล้วไม่ได้ดื่ม คนเขียนบทความนี้ดึงเอาศาสนามาเสียดสี รู้ว่าเขางดขายก็ซื้อไว้ล่วงหน้าสิ แล้วก็ฉลองกันที่บ้าน
01 ก.ค. 2563 เวลา 12.37 น.
ชัยณรงค์ ปีนึงห้ามขายกี่วันครับ ในเมื่ออยู่ในเมืองพุทธก็ควรทำตามคนส่วนใหญ่ แล้ววันเกิดต้องกินเหล้าด้วยเหรอครับ กินวันก่อนเกิดก็ได้ถ้าอยากฉลองจริงๆ
01 ก.ค. 2563 เวลา 12.28 น.
เขียนงี้ก็ใด้ลงหรา อนุบาลยังมีความคิดกว่า ง้าว
01 ก.ค. 2563 เวลา 12.30 น.
ดูทั้งหมด