ถือเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างต่อเนื่อง จากกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเชิงพาดพิงวิธีคิดและวิธีการทำงานของผู้อาวุโสภายในพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากได้รับคะแนนสูงเป็นลำดับ 2 ในการแข่งขันชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ปรากฎข้อความส่วนหนึ่ง ระบุว่า ช่วงเวลาหกวันนับแต่วันที่ผมประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ว่าผมจะลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น ผมได้รับกำลังใจและการสนับสนุนอย่างท่วมท้นอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน ทั้งจากสมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไป แต่ขณะเดียวกันก็เป็นหกวัน ที่ผมได้เห็นได้เรียนรู้อะไรต่ออะไรเพิ่มขึ้นมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมได้เรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของคนหลาย ๆ คน
"ผมเพิ่งจะประจักษ์ ด้วยตัวผมเองว่าผู้ใหญ่บางคนที่ผมเคยเคารพนับถือมาเกือบ 30 ปี ที่ผมเคยเชื่อว่าดี แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงภาพลวงตา ใครไม่ยอมอยู่ในอาณัติ หรืออยู่ฝ่ายตรงข้ามกันเมื่อใด ก็กลายเป็นคนที่ต้องถูกพิฆาต แผ่บารมีต่อต้านวาดภาพให้เป็นคนไม่ดี เป็นคนของคนนั้นคนนี้ เพื่อให้ดูไม่ดีในสายตาเพื่อน บารมีมากล้นที่ควรจะวางตัวเป็นกลางเพื่อสร้างเอกภาพ กลายเป็นตัวตอกลิ่มให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น แต่ก็น่าชื่นใจที่ยังมีผู้ใหญ่อีกหลายคนที่ผมไม่เคยสนิทสนมด้วยกลับกลายเป็นนักสู้ใจเด็ดที่ไม่ยอมสยบให้กับอำนาจบารมีที่มากล้นอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน"
ก่อนในตอนท้ายจะโพสต์ข้อความย้ำ ถึงผลการแพ้แข่งขันชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะคะแนนได้รับห่างจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เพียงไม่กี่คะแนน
"ผมขอกราบเรียนตรงๆ ณ ที่นี้ว่าผมไม่มีความรู้สึกเสียใจใดๆ เลย ตรงกันข้ามผมติดต่อให้กำลังใจเพื่อนๆทุกวัน ว่าอย่าหมดกำลังใจ อย่าท้อถอย และอย่าเสียใจ เพราะเราทำได้ดีที่สุดแล้วในระยะเวลาเพียงแค่หกวัน พลังเล็กๆที่มาจากหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราและเพื่อนๆในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ในวันข้างหน้า
ผมบอกเพื่อนๆว่าเราควรดีใจและภูมิใจอย่างยิ่งที่สมาชิกพรรคตัวเล็กๆอย่างพวกเราและเพื่อนๆที่ร่วมทำงานกันมาเพียงแค่หกวันกลับได้รับเสียงสนับสนุนจากเพื่อน ส.ส. ถึง 20 เสียง น้อยกว่าทีมผู้ชนะเพียง 5 เสียงเท่านั้น พวกเขาต่างหากที่ควรจะต้องเสียใจและหมดกำลังใจ เพราะแสดงให้เห็นว่าพลังแห่งอำนาจบารมีที่สั่งสมร่วมกันมาหลายสิบปีนั้น บัดนี้เริ่มเสื่อมถอยลงแล้ว สามารถสนับสนุนเอาชนะพลังเล็กๆของพวกเราที่ทำงานกันมาเพียงแค่หกวัน ได้เพียงแค่ 5 คะแนนในส่วนของ ส.ส. 52 คน และเพียงแค่ 50 คะแนน ในส่วนขององค์ประชุมอื่นประมาณ 250 คน
บารมีอันมากล้นชนะพวกเราได้เพียงเท่านั้นเองจริงๆ การที่อิทธิพลบารมีที่แอบแฝงเป็นเงาอยู่สามารถชนะพวกเราได้เพียงเท่านี้ ทั้งๆที่พวกเราทำงานกันเพียงแค่หกวัน มันคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงและบ่งชี้ถึงความเสื่อมถอยของพวกเขาใช่หรือไม่??? และไม่แน่ กลุ่มบารมีมากล้นนี้อาจแตกคอกันในเรื่องการร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลก็อาจเป็นได้ ซึ่งก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของอีกปัญหาหนึ่งต่อไป"
ล่าสุดในการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพูด โดยมุ่งไปที่การโพสต์ข้อความของนายพีรพันธุ์ ว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ตนอย่างรุนแรง แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้โทรศัพท์มาให้กำลังใจอย่างมากมายเช่นกัน พร้อมยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งเป็นการส่วนตัวกับนายพีระพันธุ์ หรือ สมาชิกพรรคคนใด เพียงแต่การแสดงความเห็นที่ผ่านมา เพราะไม่ต้องการให้อิทธิพลใด ๆ มาครอบงำการตัดสินใจของพรรค โดยเฉพาะการเลือกหัวหน้าพรรคที่ผ่านพ้นไป
จากนั้นนายพีรพันธุ์ได้ลุกขึ้นกล่าว โดยระบุว่าข้อความการโพสต์ของตนก็เป็นการแสดงความเห็นในฐานะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่ได้มีการระบุพาดพิงชื่อใคร ซึ่งอาจจะเป็นผู้ใหญ่คนไหนก็ได้ ถ้านายชวนไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ตนวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่ควรร้อนตัว
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่าช่วงหนึ่งของการพูดของนายชวน หลีกภัย ในฐานะผู้อาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการออกมาเคลื่อนไหวของนายถาวร เสนเนียม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านี้ที่แสดงความเห็น สนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล กับพรรคพลังประชารัฐ พร้อมผลักดันให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีมติอย่างหนึ่งอย่างใดในเรื่องนี้มาก่อน ทำให้นายถาวรต้องลุกขึ้นชี้แจง โดยเน้นย้ำการแสดงความเห็นประเด็นดังกล่าวเป็นมุมมองส่วนตัว ไม่ได้กดดันให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องมีมติตามที่ตนเสนอ ตรงข้ามแนวคิดต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาจากข้อคำถามของชาวบ้านในพื้นที่ และความคาดหวังจะเป็นแนวทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งท้ายสุดมติพรรคประชาธิปัตย์อาจไม่ได้เป็นไปในทิศทางความเห็นของตนก็ได้
ขณะเดียวกันภายหลัง นายชวน ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในประเด็นดังกล่าว เพิ่มเติม โดยระบุว่าบางช่วงตอนว่า "ตนได้พูดหลายครั้งว่าให้แบ่งแยกว่าการเลือกหัวหน้าพรรค กับการตัดสินใจร่วมรัฐบาลเป็นคนละเรื่อง ให้แยกกัน จึงพูดให้รู้ว่าผมไม่เคยไปพูดหรือยุ่งเกี่ยวคุณพีระพันธุ์ พูดถึงแต่เรื่องการแทรกแซง แต่ผลการแทรกแซงได้กับใครก็รู้ๆกันอยู่ แต่เราไม่เอ่ยถึง รวมถึงม.จ.จุลเจิมได้พูดในพรรค ผมก็ร่างจดหมายกราบเรียนให้ท่านดูว่าสิ่งที่ท่านพูดมาไม่จริง พรรคเราต่างเชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างมั่นคงทั้งในนโยบายและทางปฏิบัติ ดังนั้น การที่กล่าวหาว่าถ้าเลือกคนอื่น หรือนายกรณ์ หรือนายอภิรักษ์จะมีปัญหา มันไม่ยุติธรรมกับบุคคลเหล่านี้ ผมจะทำหนังสือถึงท่านเป็นการส่วนตัวอีกทีหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ร่างไว้แล้ว”
โดยล่าสุดนายพีรพันธุ์ได้โพสต์เฟสบุ๊ก ปรากฎข้อความว่า "ในที่ประชุมพยานเยอะนะครับ"
P.Jittrakorn วุฒิภาวะผู้นำต่ำ เรื่องแค่นี้ก็โพสเพื่อ..? ถ้าคิดจะเป็นผู้นำ แค่นี้เป็นปัญหาเล็กน้อย ปัญหาของประเทศใหญ่กว่านี้อีก จะมีปัญญาแก้ไขเหรอ..
21 พ.ค. 2562 เวลา 16.55 น.
Ärm โชคดีมากครับที่ประชาธิปัตย์พรรคนี้ไม่ได้หัวหน้าพรรคอย่างคุณ การโพสต์ที่หวังจะทําลายผู้ใหญ่ที่บอกว่านับถือ
กันมา30ปี ผมว่าคนอย่างคุณวุฒิภาวะตํ่ามากครับ
ไม่ได้อะไรหรือไม่ได้เป็นอะไรก็เกิดอาการ
ดีเเล้วครับประชาธิปัตย์เเตกกันวันนี้เพื่อพัฒนา
รูปเเบบของพรรคขึ้นมาใหม่ ได้คนใหม่ๆ
ความคิดใหม่ วันนึงจะได้กลับมา!!!!!
21 พ.ค. 2562 เวลา 17.16 น.
ไม่พอใจก็ลาออกไป จะอยู่ทำฆวยเหรอ
21 พ.ค. 2562 เวลา 16.46 น.
Suriyan มัวแต่เห่าเมื่อไหร่จะกัดกันสักที.
21 พ.ค. 2562 เวลา 16.13 น.
Ton พีระพันธุ์ เป็นตุ๊ด รู้ยัง เป็นแต่เด็กแล้ว
21 พ.ค. 2562 เวลา 17.10 น.
ดูทั้งหมด