ชาวศรีสะเกษผวา! เชื้อโรคจากศูนย์ผู้ป่วยยากไร้ ขณะหนุ่มใจบุญยันไม่หวังประโยชน์พร้อมปิดตามสั่ง

ศรีสะเกษ- ชาวบ้านศรีสะเกษ ผวาเชื้อโรคจากศูนย์ผู้ป่วยยากไร้ รวมตัวคัดค้านขอให้ยายออกจากชุมนุม ขณะหนุ่มใจบุญยืนยันเปิดศูนย์การกุศลโดยไม่หวังผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนและใช้เงินบริจาค แต่พร้อมปิดตามคำสั่งของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ ( 20 เม.ย.) ความคืบหน้ากรณี นายนัฐพงศ์ ประศรีพัฒน์ อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 122 หมู่ 6 บ้านโนนแกด ต.ทุ่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ หนุ่มใจบุญ ได้เปิดบ้านเป็น “ศูนย์ผู้ป่วยยากไร้ศรีสะเกษ” เพื่อรับเลี้ยงดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่ยากไร้และไม่มีญาติ โดยขณะนี้มีผู้ป่วยติดเตียงอยู่ในความดูแล 8 คน ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยได้มาจากเงินบริจาค ขณะที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปตรวจสอบตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบสภาพ “ศูนย์ผู้ป่วยยากไร้ศรีสะเกษ” บ้านโนนแกด ต.ทุ่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พบ นายนัฐพงศ์ กำลังดูแลผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งผู้ป่วยส่วนมากมีสภาพใบหน้าที่สดชื่น เนื่องจากได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และผู้ป่วยทั้งหมดเป็นเพียงผู้ป่วยติดเตียงที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงแต่อย่างใด แต่สภาพภายในห้องผู้ป่วยค่อนข้างอับทึบ เนื่องจากเป็นห้องเล็กคับแคบ โดยนายนัฐพงศ์ ได้เดินดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เปิดประตู หน้าต่าง เพื่อให้ระบายอากาศให้ผู้ป่วย

นายนัฐพงศ์ กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ศรีสะเกษ จะให้ปิดศูนย์แห่งนี้ เนื่องจากว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น ตนพร้อมที่จะปฏิบัติติตามคำสั่งของทางราชการ แต่หากจะปิดศูนย์แห่งนี้ต้องมีแนวทางในการช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยทั้งหมด เพราะผู้ป่วยหลายคนไม่มีญาติพี่น้องที่จะช่วยเหลือดูแล ซึ่งการที่ตนอยากทำศูนย์นี้ขึ้นมา ไม่ได้มุ่งหวังสิ่งตอบแทนแต่อย่างใด หรือว่ามีผลประโยชน์อื่นใดทั้งสิ้น ตนตั้งศูนย์ขึ้นมาหวังเพียงช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงที่ยากไร้และไม่มีญาติ เพื่อการกุศลเท่านั้น

ทางด้าน นางจำเนียร ครองยุติ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 146 หมู่ 7 บ้านโนนแกด ต.ทุ่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีบ้านติดกับศูนย์แห่งนี้ กล่าวว่า ขณะนี้พวกตนพากันหวาดผวาว่าอาจจะมีเชื้อโรคต่างๆ แพร่กระจายออกมาสู่ภายนอก เนื่องจากมีผู้ป่วยมาจากหลายแห่ง ชาวบ้านโนนแกดได้รวมตัวกันคัดค้านไม่ให้มีศูนย์แห่งนี้ มีการประชุมลงมติของชาวบ้านแล้ว โดยขอให้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น พร้อมทั้งตนได้ปิดทางร่องระบายน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำที่ชะล้างสิ่งต่าง ๆ ออกจากศูนย์แห่งนี้ไม่ให้ไหลเข้ามาทางบ้านของตน เพราะหวั่นเกรงเชื้อโรคต่าง ๆ