คนทั่วไปเข้าใจตรงกันว่า กนก คือ ลายไทย เลยเรียกปนกันทั้ง ลายไทย ลายกนก ลายกนกไทย คำว่า กนก เขียนเป็น กระหนก ก็ได้ เป็นคำว่า ลายกระหนก
บางคนเลยทึกทักว่า ลายกนก เป็นงานสร้างสรรค์ของไทยโดย “ช่างไทย” แท้ ๆ งดงามอ่อนช้อยกว่าใครในโลก แต่ไม่จริง !
ลายกนก – ลายกระหนก – ลายไทย ได้ต้นแบบจาก “ครู” แขกชมพูทวีป หรือแขกอินเดียสมัยคุปตะและหลังคุปตะ ราวหลัง พ.ศ. 800 – 1200 (มีรายละเอียดอยู่ในหนังสือ กระหนกในดินแดนไทย โดย ศ.ดร. สันติ เล็กสุขุม สำนักพิมพ์เมืองโบราณ พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2547 หน้า 22)
ลายกระหนกอินเดียแพร่หลายมากับศาสนาพราหมณ์และพุทธ สู่ดินแดนสุวรรณภูมิในอุษาคเนย์คราวเดียวกัน ไม่ต้องไปหลงทางหาตรงไหนก่อน – หลัง เสียเวลาเปล่า ๆ
เพราะมีต้นแบบพ่อแม่เดียวกัน คือ ลายกนกชมพูทวีปอินเดีย ในแง่ตัวลายจึงไม่มีอะไรต่างกัน เว้นเสียแต่พบอยู่ในเขตประเทศไหน? ก็สมมุติเรียกว่า ลายของดินแดนนั้น
ถ้าอยู่ผิดที่ผิดทางก็บอกไม่ได้หรอกว่า ลายใครเป็นลายใคร เพราะเป็นกระหนกเดียวกัน เช่น เอาลายไทยไปวางในเขมร, เอาลายเขมรไปวางในลาว, เอาลายลาวไปวางในพม่า, เอาลายพม่าไปวางในมอญ, เอาลายมอญมาวางในไทย, ฯลฯ
ลายดั้งเดิมก่อนรับกระหนกอินเดีย
ก่อนรับกระหนกจากอินเดีย ช่างเขียนสุวรรณภูมิในอุษาคเนย์วาดรูปลวดลายธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (หรือเบสิก) อย่างแข็งแรงแล้ว
มีหลักฐานเป็นลายเส้นบนหน้าผา, ผนังถ้ำ, โขดหิน, ฯลฯ เป็นภาพเขียนดึกดำบรรพ์ มีอายุเก่าแก่มากกว่า 2,500 ปีมาแล้ว พบทั่วไปในดินแดนไทยตั้งแต่ ภาคเหนือ, ภาคอีสาน, ภาคกลาง, ภาคใต้ แล้วพบกระจายอยู่ในดินแดนเพื่อนบ้านโดยรอบด้วย
ทุกแห่งที่พบล้วนเป็นภาพเขียนศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวข้องกับระบบความเชื่อในศาสนาผีพื้นเมืองดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ แล้วสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนและชุมชนยุคนั้น บริเวณนั้น ตั้งแต่ก่อนรับศาสนาพราหมณ์-พุทธ และก่อนรับลายกระหนกจากอินเดีย
บริเวณโดยรอบของหน้าผา, ผนังถ้ำ, โขดหิน, ฯลฯ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ (เทียบเท่าโบสถ์, วิหารสมัยหลัง) ใช้ทำพิธีกรรมเพื่อความอุดมสมบูรณ์ เช่น ขอฝน, ฯลฯ
คนเขียนลายเส้นเป็นรูปต่าง ๆ เหล่านั้น เช่น คน, สัตว์, ฯลฯ ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลพิเศษ (ที่ยุคต่อไปจะเรียกว่าช่าง) มีอำนาจระดับหมอผี หมายถึง ผู้มีวิชามากกว่าคนอื่นในท้องถิ่นชุมชนนั้น
ทั้งหมดล้วนเป็นหลักฐานอันมั่นคงว่า คนพื้นเมืองดั้งเดิมกลุ่มหนึ่งของสุวรรณภูมิในอุษาคเนย์เมื่อหลายพันปีมาแล้ว มีประสบการณ์ชำนาญ และความสามารถระดับสูงแล้วในทางวาดรูป เขียนภาพ ทั้งเหมือนจริง และเหนือจริง เป็นเส้นสัญลักษณ์ ยุคก่อนรับลายกระหนกจากอินเดีย
งานช่างอื่น ๆ ก็ไม่ต่างจากงานช่างเขียน ไม่ว่าช่างฟ้อน ช่างขับ รวมถึงช่างดีดสีตีเป่า ซึ่งรู้จักทั่วไปทุกวันนี้ว่างานดนตรีและนาฏศิลป์ ล้วนมีรากเหง้าร่วมกันมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์
อ่านเพิ่มเติม :
- “ช่างสิบหมู่” มีอะไรบ้าง เป็นมาอย่างไร และมีส่วนในงานศิลปกรรมไทยอย่างไร
- ตู้ไทยโบราณ … ตู้เสื้อผ้ากลายเป็นที่เก็บพระธรรมคัมภีร์
อ้างอิง :
“ลายกระหนก”. จากหนังสือ “วัฒนธรรมร่วม อุษาคเนย์ในอาเซียน”. โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ. สำนักพิมพ์นาตาแฮก. 2559
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2561
Most Indie ส่วนตัวนะครับผมคิดว่าเอาเข้าจริงๆ ถ้าพูดให้ลึกๆเลยก็คือไม่มีอะไรที่เปนของเราจริงๆสักอย่างหรอก เรารับอิทธิพลวัฒนธรรมดินแดนอื่นมาทั้งนั้น เพียงแต่เรามีความคิดสร้างสรรค์ในแบบของเรา อาศัยแนวคิดของเค้ามา ลงรายละเอียดสื่อความรู้สึกในแบบคนพื้นเมืองของเรา ความเปนศิลปินมันมีอยู่ในตัวเราทุกคนแหละครับ
18 ส.ค. 2562 เวลา 11.49 น.
kamen rider รามเกียรติ์ก็มิใช่ของไทย แต่ฝรั่งทำสารคดีฮินดูทีไร ก็ยกภาพวาเรามเกียรติ์แบบไทยๆใส่ลงไป โดยที่มิใช้ของอินเดียเลย ....มันอยู่ที่ความวิจิตรพริ้วไหว ที่คนมอง ไม่สำคัญต้นแบบมาจากไหน
18 ส.ค. 2562 เวลา 11.17 น.
เอ๋ แหล่งอารยธรรม อินเดีย จีน
ถูกถ่ายทอดสู่ ภูมิอื่น
เขมร พม่า
แล้วไทย รับต่ออีก
ทั้ง ศาสนา ศิลปะ ภาษาเขียน พูด
อะไรที่เป็นไทยหายาก
แต่เป็นคนละเรื่องกับการภาคภูมิใจ
ในตัวเอง
18 ส.ค. 2562 เวลา 11.17 น.
🔥พิมาน🔥 สรุปว่า ทั้งลายกระหนก&พุทธศาสนา ที่พบเห็นในไทย ก็ล้วนกำเนิดจากอินเดียแล้วมาเจริญในไทยเหมือนๆกัน
18 ส.ค. 2562 เวลา 11.18 น.
ธนิต จะอย่างไรก็ช่าง ผมยังรักในความเป็นไทยและวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นครับ
18 ส.ค. 2562 เวลา 11.54 น.
ดูทั้งหมด