ดูดวง

เปิดตำนาน ตระกูลเอราปถ หรือ พญานาคสีเขียว

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์
อัพเดต 21 พ.ย. 2565 เวลา 11.18 น. • เผยแพร่ 21 พ.ย. 2565 เวลา 10.04 น.

เปิดตำนาน ความเชื่อโบราณ พญานาคสีเขียว หรือ พญานาคตระกูลเอราปถ มีความเป็นมาอย่างไรไปพบกับคำตอบได้ในบทความนี้ค่ะ

พญานาคสีเขียว วันนี้ทีมข่าวThainews Online จะพาทุกท่านมาทำความรู้จัก เปิดตำนาน ตระกูลเอราปถ หรือ พญานาคสีเขียว มีความเกี่ยวข้องกับ พญาศรีสุทโธนาคราช แห่งเวียงวังนาคินทร์คำชะโนด ได้อย่างไรไปพบคำตอบได้ในบทความนี้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
เปิดตำนาน ตระกูลเอราปถ หรือ พญานาคสีเขียว

พญานาคสีเขียว คือใคร

  • พญาศรีสุทโธนาคราช แห่งเวียงวังนาคินทร์คำชะโนด

พญานาคสีเขียวมีชื่ออะไรบ้าง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
  • พญาศรีสุทโธนาคราช
  • พญานาโคศิรินาคราช
  • นางพญาศรีนคราบาดาล
  • พญานาคศรีปทุมมา

พญานาคสีเขียวตระกูลเอราปถ

ในไตรภูมิเผ่าพันธุ์นาค มีพญานาคผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่และอิทธิฤทธิ์เหนือบริวารทั้งปวงอยู่ 2 ตน ตนหนึ่งมีนามว่า เอราปถมีลักษณะเด่นคือลำตัวสีเขียวเลื่อมคล้ายแมลงทับ และอีกตนหนึ่ง นามว่า วิรูปักษ์ มีลักษณะลำตัวสีขาวเผือก มีอำนาจและอิทธิฤทธิ์เหมือนกัน แต่ วิรูปักษ์ ยังด้อยกว่าด้วยพละกำลัง ทั้งสองตนสามารถเข้าออกนครบาดาลและพื้นที่หวงห้ามได้ในทุกพื้นที่ เมื่อเรื่องน้ำอมฤตรู้เข้าถึงหู เอราปถจึงคิดที่จะไปขโมยพลานุภาพพิเศษนี้มาไว้ครอบครอง เพื่อจะได้มีอำนาจเหนือสิ่งอื่นใดในดินแดนไตรภูมิ ก่อนที่พญาครุฑจะฉวยโอกาสฉกชิงไปเสียก่อน แต่ วิรูปักษ์ ไม่เห็นด้วยพยายามที่จะไม่ให้เกิดเป็นปมสงครามขึ้นระหว่างสองเผ่าพันธุ์ในไตรภูมิ

พญานาคสีเขียว อยู่ที่ไหน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

1. วัดป่าคำชะโนด จ.อุดรธานี
2. วัดถ้ำผาแด่น จ.สกลนคร
3. วัดป่าคลอง11 จ.ปทุมธานี

พญานาคสีเขียว อยู่ที่ไหน เปิดตำนาน ตระกูลเอราปถ หรือ พญานาคสีเขียว

ประวัติเจ้าพ่อพระยาศรีสุทโธ

วังนาคินทร์คำชะโนด หรือชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า เมืองชะโนด สถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของตำบลวังทอง ตำลบบ้านม่วงและตำบลบ้านจันทร์ อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี วังนาคินทร์คำชะโนด หรือ เมืองคำชะโนดมีเรื่องเล่ากันมาว่า

เจ้าพ่อพญาศรีสุทโธเป็นพญานาค ครองเมืองหนองกระแสครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งเป็นพญานาคเช่นเดียวกันปกครองมีชื่อว่าสุวรรณนาค และมีบริวารฝ่ายละ 5,000 เช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมีอาหารการกินก็แบ่งกันกิน มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นเพื่อนตายกันตลอดมา แต่มีข้อตกลงกันอยู่ข้อหนึ่งว่า ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดออกไปหากินล่าเนื้อหาอาหารอีกฝ่ายหนึ่งไม่ต้องออกไปล่าเนื้อหาอาหาร เพราะเกรงว่าบริวารไพร่พลจะกระทบกระทั่งกัน และอาจจะเกิดรบรากันขึ้น แต่ให้ฝ่ายที่ออกไปล่าเนื้อหาอาหารนำอาหารที่หามาได้แบ่งกันกินฝ่ายละครึ่ง

การกระทำโดยวิธีนี้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขตลอดมา อยู่มาวันหนึ่งสุวรรณนาคพาบริวารไพร่พลออกไปล่าเนื้อหาอาหารได้ช้างมาเป็นอาหาร ได้แบ่งให้สุทโธนาคครึ่งหนึ่งพร้อมกับนำขนของช้างไปให้ดูเพื่อเป็นหลักฐานต่างฝ่ายต่างกินเนื้ออย่างอิ่มหนำสำราญด้วยกันทั้งสองฝ่าย และวันต่อมาอีกวันหนึ่งสุวรรณนาคได้พาบริวารไพร่พลออกไปล่าเนื้อหาอาหารได้เม่นมา สุวรรณนาคได้แบ่งให้สุทโธนาคครึ่งหนึ่งเหมือนเดิม พร้อมทั้งนำขนของเม่นไปให้ดู ปรากฎว่าเม่นตัวเล็กนิดเดียว

เมื่อแบ่งเนื้อเม่นให้สุทโธนาคจึงต้องแบ่งให้น้อยสุทโธนาคได้พิจารณาดูขนเม่นเห็นว่าขนาดขนช้างเล็กนิดเดียวตัวยังใหญ่โตขนาดนี้ แต่นี้ขนใหญ่ขนาดนี้ตัวจะใหญ่โตขนาดไหนถึงอย่างไรตัวเม่นจะต้องใหญ่กว่าช้างอย่างแน่นอน คิดได้อย่างนี้จึงให้เสนาอำมาตย์นำเนื้อเม่นที่ได้รับส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งไปคืนให้สุวรรณนาคพร้อมกับฝากบอกไปว่า "ไม่ขอรับอาหารส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรมจากเพื่อนที่ไม่ซื่อสัตย์" ฝ่ายสุวรรณนาคเมื่อได้ยิน ดังนั้น จึงได้รีบเดินทางไปพบสุทโธนาคเพื่อชี้แจงให้ทราบว่าเม่นถึงแม้ขนมันจะใหญ่โตแต่ตัวเล็กนิดเดียว ขอให้เพื่อนรับเนื้อเม่นไว้เป็นอาหารเสียเถิด

สุวรรณนาคพูดเท่าไรสุทโธนาคก็ไม่เชื่อผลสุดท้ายทั้งสองฝ่ายจึงประกาศสงครามกัน ฝ่ายสุทโธนาคซึ่งมีความโกรธเป็นทุนอยู่ตั้งแต่เห็นเนื้อเม่น อยู่แล้วจึงสั่งบริวาร ไพร่พลทหารรุกรบทันที ฝ่ายสุวรรณนาคจึงรีบเรียกระดมบริวารไพร่พลต่อสู้ทันทีเช่นเดียวกัน ตามการบอกเล่าสู่กันฟังมาว่าพญานาค ทั้งสองรบกันอยู่ถึง 7 ปี ต่างฝ่ายต่างเมื่อยล้า เพราะต่างฝ่ายต่างหวังจะเอาชนะกันให้ได้ เพื่อจะครองความเป็นใหญ่ในหนองกระแสเพียงคนเดียว

จนทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บริเวณหนองกระแสและบริเวณรอบ ๆ หนองกระแสเกิดความเสียหายเดือดร้อนไปตามกัน เมื่อเกิดรบกันรุนแรงที่สุดจนทำให้ พื้นโลกสะเทือนเกิดแผ่นดินไหวทั้งหมด เทวดาน้อยใหญ่ทั้งหลายเกิดความเดือดร้อน ไปทั้งสามภพความเดือดร้อนทั้งหลายได้ทราบไปถึง พระอินทราธิราชผู้เป็นใหญ่ เทวดาน้อยใหญ่ทั้งหลายไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เพื่อร้องทุกข์และเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ฟัง

เมื่อพระอินทร์ได้ทราบเรื่องตลอดแล้วจะต้อง หาวิธีการให้พญานาคทั้งสองหยุดรบกันเพื่อความสงบสุขของไตรภพจึงได้เสด็จจากดาวดึงส์ ลงมา ยังเมืองมนุษย์โลกที่หนองกระแส แล้วพระอินทร์ตรัส เป็นเทวราชโองการว่า "ให้ท่านทั้งสองหยุดรบกันเดี๋ยวนี้" การทำสงครามครั้งนี้ถือว่าทุกฝ่ายเสมอกัน และหนองกระแสให้ถือว่าเป็นเขตปลอดสงคราม ให้พญานาคทั้งสองพากันสร้างแม่น้ำคนละสายออกจากหนองกระแสใครสร้างถึงทะเล ก่อนจะให้ปลา บึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำแห่งนั้น

และให้ถือว่าการทำ สงครามครั้งนี้มีความเสมอกัน เพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาทของพญานาค ทั้งสอง ให้เอาภูเขาพญาไฟ เป็น เขตกั้นคนละฝ่าย ใครข้ามไปราวีรุกรานกันขอ ให้ไฟจากภูเขาดงพญาไฟไหม้ฝ่ายนั้นเป็นจุลมหาจุล เมื่อพระอินทร์ตรัสเป็นเทวราชโองการ ดัง กล่าวแล้วสุทโธนาคจึงพาบริวารไพร่พล อพยพออก จาก หนองกระแสสร้างแม่น้ำมุ่งไปทางทิศตะวันออกของหนองกระแส เมื่อถึงตรง ไหนเป็นภูเขาก็คดโค้ง ไปตามภูเขาหรือ อาจจะลอดภูเขาบ้างตามความยาก ง่ายในการสร้าง เพราะสุทโธนาคเป็นคนใจร้อน แม่น้ำนี้เรียกชื่อว่า "แม่น้ำโขง"

คำว่า "โขง" จึงมาจากคำว่า "โค้ง" ซึ่งหมายถึงไม่ตรง ส่วนทางฝั่งลาว เรียกว่า แม่น้ำของ ด้านสุวรรณนาค เมื่อได้รับเทวราชโองการ ดังกล่าวจึงพาบริวารไพร่พลพลอย อพยพออกจากหนองกระแส สร้างแม่น้ำมุ่งไปทางทิศใต้ ของหนองกระแส สุวรรณนาคเป็นคนตรงพิถีพิถันและเป็นผู้มีใจเย็น การสร้างแม่น้ำจึงต้องทำ ให้ตรงและคิดว่าตรง ๆ จะทำให้ถึงจุดหมายปลายทางก่อน ตนจะได้เป็นผู้ชนะ แม่น้ำนี้เรียกชื่อว่า "แม่น้ำน่าน" แม่น้ำน่าน จึงเป็นแม่น้ำที่มีความตรงกว่า แม่น้ำทุกสายในประเทศไทย

การสร้างแม่น้ำแข่งกันในครั้งนั้น ปรากฎว่าสุทโธนาคสร้างแม่น้ำโขงเสร็จก่อนตามสัญญาของพระอินทร์ สุทโธนาคเป็นผู้ชนะและปลาบึกจึงต้องขึ้นอยู่แม่น้ำโขงแห่งเดียวในโลกตามการบอกเล่าต่อ ๆ กันมาว่า น้ำในแม่น้ำโขงและแม่น้ำในแม่น้ำน่านจะนำมาผสมกันไม่ได้ ถ้าผสมใส่ขวดเดียวกันขวดจะแตกทันที ในกรณีนี้ยังไม่เคยเห็นท่านผู้ใดนำน้ำทั้งสองแห่งนี้มาผสมกันสักที สุทโธนาคเมื่อสร้างแม่น้ำโขงเสร็จแล้ว ปลาบึกขึ้นอยู่แม่น้ำโขงและเป็นผู้ชนะตามสัญญาแล้ว จึงได้แผลงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ณ ดาวดึงส์ ทูลถามพระอินทร์ว่า "ตัวข้าเป็นชาติเชื้อ

พญานาคถ้าจะอยู่บนโลกมนุษย์นานเกินไปก็ไม่ได้ จึงขอทางขึ้นลงระหว่างบาดาลและโลกมนุษย์เอาไว้ 3 แห่ง และทูลถามว่าจะให้ครอบครองอยู่ตรง

แห่งไหนแน่นอน พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่จึงอนุญาตให้มีรูพญานาคเอาไว้ 3 แห่ง คือ

1. ที่ธาตุหลวงนครเวียงจันทน์

2. ที่หนองคันแท

3. ที่พรหมประกายโลก (ที่คำชะโนด)

ประวัติตระกูลเอราปถ เปิดตำนาน ตระกูลเอราปถ หรือ พญานาคสีเขียว

ขอบคุณ : ประวัติของเมืองคำชะโนด

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 1
  • 1 LEVEL 🎱 🐒
    🐲🐉🦒🦒🗿🗿เจ้าของพญานาคอยู่ที่ เขตดินแดง ครับ
    21 พ.ย. 2565 เวลา 11.59 น.
ดูทั้งหมด