เรื่องสั้น

ยอดดวงใจพฤกษาสุข (จบแล้ว)

นิยาย Dek-D
อัพเดต 30 เม.ย. เวลา 11.13 น. • เผยแพร่ 30 เม.ย. เวลา 11.13 น. • ohseRree(โอเซอารี)
นิยามของสามพี่น้องตัว 'ท' แห่งพฤกษาสุขคือ แทนพัฒน์พี่ใหญ่ผู้เป็นสุภาพบุรุษ สุภาพ อ่อนโยน แทนไทน้องรองผู้แสนร่าเริง มากความสามารถ แต่เข้าถึงยาก ทิชาน้องเล็กผู้สดใส อ่อนหวาน บอบบางเหมือนนางฟ้าตัวน้อย

ข้อมูลเบื้องต้น

ตอนที่ 1 วันเวลาที่พัดผ่าน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สวัสดีมิตรรักนักอ่านทุกท่านค่ะ กลับมาแล้วววววว แต่ๆๆๆ

บอกไว้ก่อนว่าช่วงแรกนี้อาจจะยังลงนิยายได้ไม่สม่ำเสมอเท่าไหร่นะคะ คงได้เต็มที่วันละหนึ่งตอน

เนื่องจากมีการเปลี่ยนงานไปทำตำแหน่งที่เติบโตขึ้น หลายอย่างจึงยังติดขัดอยู่มาก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แต่พอเข้าที่เมื่อไหร่เราก็จะเจอกันทุกแปดโมงเช้าและห้าโมงเย็นเหมือนเดิม

เนื้อหานิยายจะแบ่งเป็น 3 เรื่องของพี่น้อง 3 คนนะคะ

เราจะเริ่มกันที่น้องรองสุดแสบซ่านามแทนไทกันก่อน ฝากติดตามด้วยนะคะ อยู่กันไปยาวๆเนาะ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หน้าปกนิยายจะตามมาทีหลังนะคะ

……………………………

รถสปอร์ตสัญชาติยุโรปสีชมพูหวาน ขับเข้ามาจอดบริเวณหน้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ มีนักศึกษานั่งอยู่บริเวณนั้นประปราย ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่รถหรูสีแปลกตาคันนี้ หญิงสาวรูปร่างบอบบางสูงโปร่งผู้เป็นเจ้าของก้าวลงจากรถ เธอแต่งตัวสวยหวานราวกับเจ้าหญิง ใบหน้าเล็กรูปไข่ยิ้มกว้างน่ารัก

เธอยืนกอดอกพิงรถอยู่เงียบๆไม่ได้ถามหาใคร ขณะนั้นเองร่างสูงใหญ่ของนักศึกษาชายปีสี่คนหนึ่ง กำลังวิ่งลงมาจากตัวอาคารด้วยความเร่งรีบจนหวิดจะตกบันได เพื่อนกับรุ่นพี่หลายคนส่งเสียงทักทายแต่เขาไม่สนใจใครแม้แต่น้อย

“Hi สวัสดีค่ะ” หญิงสาวเห็นเขาวิ่งมาหาหน้าตาตื่นก็หัวเราะคิกคัก พร้อมทั้งส่งเสียงสดใสทักทาย

“น้องเทีย! มาได้ยังไงคะ ทำไม่โทรมาบอกพี่ก่อนจะได้ไปรับ”

“ไม่ต้องยุ่งยากหรอกค่ะ หนูโตแล้วนะไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ว่าจะกลับบ้านตอนนี้พี่ไทกลับพร้อมหนูไหม”

“กลับได้ที่ไหนล่ะ ยังมีเรียนอีกหลายวิชาลาไม่ได้หรอก ถ้าแม่รู้ว่าพี่ลาทั้งที่ยังมีคาบเรียนล่ะก็โดนตัดค่าขนมแน่” น้องสาวหัวเราะเพราะแม่มักบ่นเรื่องพี่ชายคนรองให้ฟังเสมอ หนึ่งในนั้นคือเรื่องหนีกลับบ้านทั้งที่ไม่ใช่วันหยุด “พี่แทนอยู่ที่บ้านถ้าโทรบอกคงมารับน้องกลับเอง เตรียมแคะขี้หูเถอะถึงบ้านเมื่อไหร่คงได้ยินเสียงบ่นทั้งจากแม่และพี่แทนแน่ๆ”

“กอดหน่อย คิดถึงจัง” สองพี่น้องยืดกอดกันหน้าคณะ เพื่อนของแทนไทตาโตแทบถลน “รีบกลับบ้านนะคะ”

“โอเค เช้าวันพฤหัสบดีพี่รีบขับรถกลับเลย บอกแม่เตรียมอาหารอร่อยๆให้พี่ด้วยนะ”

“ได้เลย งั้นน้องเทียไปก่อนนะคะ พักผ่อนด้วยล่ะไม่ได้สระผมมากี่วันแล้ว เหม็นมาก”

“ได้นอนสักงีบถือเป็นบุญแล้วจ้า ขับรถระวังด้วยนะคะอย่าซิ่งนัก” น้องสาวรับคำแล้วขึ้นรถ แทนไทยืนส่งจนรถสีชมพูหวานหายลับสายตาไป อยากกลับบ้านแต่ถ้ากลับตอนนี้น่าจะโดนพลังนิ้วมือของแม่บิดหู เงินในบัญชีก็คงลดไปด้วย

เดือนนี้ยิ่งร่อยหรอ น่าจะต้องโทรขอจากพี่แทน รายนั้นหาเงินใช้เองได้เหลือเฟือตั้งแต่อายุสิบแปด

แต่ทำไมเราจนจังเลย ไหนล่ะอาชีพคนรวยที่ใฝ่ฝัน!

ใช่ว่าเขาไม่มีเงินนะ แม่ให้บริหารเงินที่ฝากไว้ในธนาคารเองตั้งแต่ไปเรียนไฮสคูลที่อังกฤษ แต่เขาเป็นคนประเภทไม่อยากให้เงินออกจากบัญชี เพราะงั้นจึงแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้จนทุกวันนี้ เห็นจำนวนเงินเพิ่มจากดอกเบี้ยที่ได้แล้วมันชื่นใจ ถามว่าทำไม่เอาไปลงทุนอย่างอื่น ก็บอกตามตรงว่าพอมีบ้างเล็กๆน้อยๆ ในสามพี่น้องพี่แทนรวยที่สุด

รายนั้นเพิ่งเรียนจบปริญญาโทกลับมา และเห็นว่าจะเรียนต่อปริญญาเอกในทันที สำหรับแทนไทแล้วแค่ปริญญาใบเดียวก็เกินพอ นี่เรียนให้พ่อแม่ชื่นใจเฉยๆหรอก ใกล้จบแล้วด้วยแต่จะทำงานสายนี้ไหมค่อยตัดสินใจอีกที

“ว้ายๆ ยังไงครับคุณแทนไท มากอดสาวโชว์ทั้งคณะแบบนี้ก็ได้เหรอ”

“หุบปากน่า นั่นน้องเทียเพิ่งกลับจากปารีส ใส่ชุดสีชมพูทั้งตัวแบบนั้นจำไม่ได้หรือไง”

“โห โตเป็นสาวขนาดนั้นแล้วเหรอ เห็นครั้งล่าสุดยังเป็นเด็กตัวเล็กนิดเดียว พี่น้องบ้านมึงนี่ตัวสูงกันทุกคนเลย”

“ไม่ใช่ว่ามึงจะหนีคลาสกลับบ้านไปอ้อนแม่อีกนะ อาจารย์สาปมึงแน่กูบอกไว้เลย”

“ก่อนจะโดนอาจารย์สาปกูน่าจะโดนแม่เตะโด่งออกจากบ้านก่อน วันหยุดค่อยกลับงานที่มียังไม่เสร็จ พวกมึงกลับได้เลยนะกูรอคุยกับอาจารย์” เรียนจบก่อนไม่ได้ด้วยนะคณะนี้ ต้องตามหลักสูตรเท่านั้น แต่เขาพยายามที่จะทำงานออกมาดีที่สุด เก็บรายละเอียดทุกอย่างไม่ให้พลาด เพื่อที่จะไม่ต้องแก้บ่อยๆให้เสียเวลา เหนื่อยต้องแก้ด้วยนั่นแหละ

“มีคนมาจ้างงานอีกแล้วเหรอ”

“คนเดิม คงชอบสไตล์งานเป็นการส่วนตัวล่ะมั้ง ไปล่ะ หาเงินเข้าบัญชีก่อนโว้ย”

“มีจนล้นบัญชีแล้วมั้งเงินน่ะ สระผมบ้างนะไอ้ไท” แทนไทโบกมือให้เพื่อน เริ่มคันแล้วเหมือนกันนะ

ชีวิตคนเราก็เหมือนกระแสลมนะว่าไหม พัดผ่านแต่ละช่วงเวลาไปอย่างรวดเร็ว แต่เขายังจำช่วงวัยเด็กแสนสนุกได้อยู่เลย คงไม่มีเด็กคนไหนไปเที่ยวบ่อยเท่าพวกเขาอีกแล้ว ถึงตอนนี้พ่อกับแม่จะชอบแอบไปกันสองคนก็เถอะ

พี่แทนเรียนบริหาร การตลาด การเงิน การธนาคาร อะไรของเขาก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ส่วนน้องเทียเรียนแฟชั่นและขอแม่ไปฝรั่งเศสตั้งแต่อายุสิบสาม อยู่ในความดูแลของอาพัดกับอาเขยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนเขาถึงจะจบไฮสคูลจาก Eton Callage เหมือนพี่ชาย แต่เขาไม่อยากเรียนมหา’ลัยที่นั่น จึงกลับมาสอบที่นี่เข้าคณะที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง

ได้ใช้สามารถพิเศษควบคู่ไปกับการออกแบบสิ่งก่อสร้าง ความสามารถพิเศษที่ว่าคือการมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น เคยตามอาจารย์ไปทำงานแล้วบังเอิญปากไว บอกเจ้าของที่ดินว่าตรงนี้ไม่เหมาะจะสร้าง เจ้าของที่ดินดันเชื่อที่เขาพูด

จริงๆเรื่องแบบนี้มันค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ เขาระมัดระวังตัวเองเสมอแต่ไม่รู้ทำไมวันนั้นถึงหลุดปาก อาจอยากให้เขามีลูกค้าก็เป็นได้ เพิ่งจะขึ้นปีสามเองมั้ง ตั้งแต่นั้นอาจารย์ก็ได้รับงานเรื่อยมา โดยมีข้อแม้ว่าเขาต้องเป็นผู้ช่วย

“วันเสาร์นี้เราต้องไปสุพรรณนะแทนไท”

“ผมมีนัดคุยธุรกิจครับอาจารย์ เป็นเรื่องด่วนสำคัญมาก”

“งั้นพรุ่งนี้ตอนบ่ายก็แล้วกัน เรียนเสร็จไปรอผมที่หน้าตึก” ถ้าเป็นพรุ่งนี้ไม่มีปัญหา “กลับเถอะ อย่าลืมของ”

“ปีใหม่นี้ผมหยุดยาวนะครับ จะกลับมาวันที่ห้ามกราคม สวัสดีครับ” พูดจบก็หอบของวิ่งออกจากห้อง อาจารย์กมลเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเอง ตั้งแต่ขึ้นปีสามใหม่ๆเขาเดินมาหาแล้วบอกว่าอยากเริ่มทำโปรเจคจบ แม้ต้องเรียนตามหลักสูตรจนห้าปีก็ตาม แต่เริ่มทำไว้ตั้งแต่เนิ่นๆไม่เสียหาย ให้ท่านแนะนำว่าอะไรที่คิดว่าเจ๋งพอสำหรับวิทยานิพนธ์

“มึงวิ่งหนีอาจารย์กมลมาอีกแล้วเหรอไอ้ไท” รุ่นพี่ยังนั่งทำงานกันอยู่เห็นรุ่นน้องที่คุ้นหน้าวิ่งผ่านมาจึงทักขึ้น

“ไม่ได้หนีใครเลยพี่ ผมไปก่อนนะจะเข้าร้านสระผมสักหน่อย”

“สมควร น้ำมันจากหัวมึงบีบไปทอดไข่ได้เลยนะนั่น”

“โอ๊ย ถ้ามีคนกล้ากินผมก็ไม่เกี่ยงหรอก” สภาพตัวเองไม่ได้ต่างกันยังกล้ามาแซวน้อง แทนไทบอกลารุ่นพี่แล้วเดินมาที่รถตัวเอง Volvo XC90 คันนี้สั่งจองเองกับมือ เป็นเงินก้อนใหญ่ที่ยอมจ่ายเพราะเห็นแล้วชอบ ส่วนรถสปอร์ตที่แม่ซื้อให้นั้นจอดไว้ที่คอนโด ใส่ของได้น้อยไว้ซิ่งโชว์สาวไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ แม่อยากอุดหนุนพี่แชมป์ก็เลยซื้อให้คนละคัน

เอารถไปจอดไว้คอนโดแล้วเดินมาร้านสระผมเจ้าประจำสักหน่อย โดนเจ้าของร้านบ่นยาวว่าหัวเหนียวไม่ไหว คือมันเสียเวลานะสระผมน่ะ ไหนจะต้องลงแชมพู ครีมนวด เป่าให้แห้ง ให้ป้าแกบ่นไปเถอะขอแค่สบายหัวก็พอแล้ว

“เราเอาร้านป้าไปบอกต่อสาวๆเหรอน้องไท มีนักศึกษาผู้หญิงมาเยอะเชียวช่วงนี้ บอกว่าเห็นเราเข้ามา”

“แหม ผมก็เป็นคนดังอยู่นะครับ นั่นมันดีไม่ใช่เหรอครับป้า ได้เงินเยอะขึ้น”

“ดีสิ ถามดูเท่านั้นแหละจ้ะ ตัดผมด้วยไหมยาวมากแล้วนะ”

“ตัดครับ อีกไม่กี่วันจะกลับบ้านแล้ว ถ้าแม่เห็นสภาพผมเป็นแบบนี้อาจจะจำลูกชายไม่ได้ หรือดีไม่ดีอาจจะเอากรรไกรมาตัดให้เอง แบบนั้นป้าคงต้องซ่อมหัวแหว่งให้ผมอีกแน่ๆ” แม่อิงอรเก่งทุกอย่างยกเว้นเรื่องตัดผม มิน่าตอนเด็กๆแม่ถึงพาเข้าร้านตัดผมตลอด ปีก่อนไม่ค่อยมีเวลาจึงปล่อยให้ยาวประบ่า คุณนายแม่ท่านจึงแปลงร่างเป็นช่างตัดให้เอง

ผลคือแหว่งไปครึ่งหัว ซ่อมไม่ได้ด้วยตอนไถสกินเฮดอย่างเดียว เป็นที่มาของพี่ไทแบดบอยผู้กร้าวใจของน้องๆ

ตัดและสระผมเสร็จเรียบร้อยก็เดินซื้อของกินขึ้นห้อง แม่ซื้อคอนโดนี้ให้เอาไว้อยู่กันสามพี่น้อง มีสี่ห้องนอนเผื่อจะมาพร้อมหน้าพร้อมตาทุกคน บ้านที่เคยเป็นของน้าคิมนั้นแม่เนรมิตเป็นร้านขนมแล้ว ใหญ่โตสวยงามมากเลยล่ะ

คอนโดตั้งอยู่ในทำเลที่ดีใกล้ทั้งตลาดและร้านสะดวกซื้อ เพื่อนนักศึกษามาอยู่ที่นี่กันเยอะ แต่มั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ห้องใหญ่เหมือนเขา เพราะแม่น่ะซื้อคอนโดสี่ห้องติดกันเพื่อทำเป็นหนึ่งห้องใหญ่ คิดดูเอาแล้วกันว่ามันกว้างขนาดไหน

ตลาดคึกคักมากในช่วงเย็น นักศึกษามากันเยอะเพราะมีหอพักหลายแห่งบริเวณใกล้ๆนี้ แทนไทซื้อน้ำแดงโซดาหนึ่งแก้วดื่มระหว่างหาอาหารที่อยากกิน มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลือกไม่ถูกเลย ซื้อเยอะก็กินไม่หมดในตู้เย็นมีอีกเพียบ

“น้องๆดูผู้ชายคนนั้น นั่นพี่ไทสถาปัตย์ฯปีสี่ ตำนานเดือนมหา’ลัยพูดได้หกภาษาไม่รวมภาษาไทย รูปหล่อบ้านรวยเป็นคุณชายบนหอคอยทองคำของแท้ ยังไม่มีแฟนด้วยนะเพราะทุกคนยกให้เป็นชายที่ไม่อาจครอบครอง เวอร์ไหม”

“แหม ไม่ต้องชมกันขนาดนั้นก็ได้แนนนี่ รู้ตัวหรอกน่าว่าที่พูดมาทั้งหมดนั่นน่ะเรื่องจริง”

“ข้อเสียอย่างเดียวของมันคือหลงตัวเองนี่แหละ สระผมแล้วเหรอ” แนนนี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นปีของแทนไท เป็นสาวประเภทสองหน้าตาสวยงาม เขาให้เกียรติเพื่อนทุกคนเสมอไม่ว่าเพศไหน แม่บอกว่าการล้อเพศสภาพคนอื่นไม่ใช่นิสัยที่ดี ไม่ว่าใครจะเป็นอะไรนั่นคือสิทธิ์ของพวกเขา แนนนี่จึงค่อนข้างสนิทสนมกับเขามากทีเดียว เรียนเก่งมากด้วยคนนี้

“ทำไมวันนี้มีแต่คนพูดเรื่องผมของกูนัก”

“นี่มึงไม่รู้ตัวเหรอว่าหัวมันเยิ้มขนาดไหน เร่งทำงานก็เข้าใจหรอกแต่จะแวะเข้าร้านเสริมสวยไม่ได้หรือไง”

“เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ไปล่ะกูอยากนอนมากตอนนี้”

“ปีนี้กูไปทำงานที่ไร่มึงได้ไหมไท อยากหาเงินไว้จ่ายค่าอุปกรณ์”

“ได้สิ เดี๋ยวกูโทรบอกลุงท็อปให้ เหมือนเดิมนั่นแหละไม่มีอะไรยุ่งยากหรอก” แนนนี่เคยไปทำงานที่ไร่แล้ว เขาเป็นคนเอ่ยปากถามเองว่าสนใจไหม เพื่อนคนนี้เป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ยังมีชีวิตแต่ไม่ต้องการ หาเงินเรียนเองตั้งแต่ออกจากสถานเลี้ยงเด็ก ภายใต้ความสดใสร่าเริงมีความทุกข์หนักหนาซ่อนอยู่ เขาเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังเพราะอยากช่วยเหลือเพื่อน

“ขอบใจมาก”

“หรือมึงจะไปทำงานที่ร้านขนม รายได้ไม่ต่างกันนะกูจะบอกผู้จัดการให้ ช่วงนี้ยังรับพนักงานพาร์ทไทม์เพิ่มได้อีกสักคน ไม่ต้องตากแดดให้ตัวไหม้เกรียมด้วย เดี๋ยวมาบ่นกับกูจะเป็นจะตายที่ตัวลอกเพราะแดดเผาเหมือนปีที่แล้วอีก”

“ไปทำงานไร่ดีกว่า” เมื่อต้องการแบบนั้นก็ตามใจ เขาถามด้วยว่าจะกลับพร้อมกันไหมแต่แนนนี่จะเดินทางเอง

แทนไทซื้ออาหารที่อยากกินจนพอใจแล้วถึงขึ้นห้อง เห็นวิญญาณหลายตนเดินไปเดินมาอย่างไร้จุดหมาย เขาหลีกเลี่ยงไม่เดินชนและทำเป็นไม่รู้ว่าพวกเขามีตัวตน แต่มียกเว้นไว้ตนหนึ่งเอาจริงๆก็หลายตน เฉพาะที่เขาจ้างไว้ทำงาน บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางแล้วให้ตามเข้าไปในตึก ถ้าเขาไม่บอกเจ้าที่ก่อนจะไม่สามารถเข้าไปได้ ต้องขอทุกครั้งเท่านั้น

ชบายังไม่ตายแต่เป็นเจ้าหญิงนิทรา เขาเจอโดยบังเอิญตอนไปเยี่ยมปู่รองที่โรงพยาบาลนั้น เคว้งคว้างทำอะไรไม่ถูก วิญญาณคนเป็นกับคนตายแตกต่างกันนะ และเขามักจะชอบช่วยเหลือวิญญาณของคนที่ยังไม่ตายแบบนี้มากกว่า

แต่นี่ก็สามปีแล้วที่ชบามาทำงานให้เขา ไม่มีทีท่าว่าร่างกายที่นอนเป็นผักอยู่โรงพยาบาลจะดีขึ้น

“มีอะไรชบา ไม่ใช่ต้องเฝ้าร้านขนมหรือไง”

“มาแจ้งให้ทราบว่ามีพนักงานคนหนึ่งแอบขายสูตรให้ร้านอื่น คนที่ชื่อพลอย ฉันตามดูมาสักพักแล้ว”

“ขอบใจ เดี๋ยวจัดการเอง”

“ครั้งนี้ขอเค้กช็อกโกแลตทั้งก้อนนะ ไปล่ะ” เมื่อวิญญาณของชบาหายไปแทนไทจึงโทรศัพท์โทรหาคนของเขาอีกคน สั่งให้สืบเรื่องที่ได้รู้มาโดยเร็ว จากนั้นโทรบอกผู้จัดการว่าอย่าเพิ่งทำขนมสูตรใหม่ แม่ให้เขาเป็นคนดูแลร้านที่นี่ทุกอย่างเขาเป็นคนตัดสินใจ ไม่มีทางยอมให้ใครเอาเปรียบ และขโมยสูตรขนมที่แม่คิดอย่างยากลำบากไปใช้โดยเด็ดขาด

เขาไม่สนว่าเป็นความผิดครั้งแรกหรือไม่ แจ้งตำรวจทันทีที่ได้หลักฐานทั้งหมดมา ไม่มียอมความใดๆทั้งสิ้น ตัวอย่างเคยมีให้เห็นแล้วแต่ยังกล้าทำ นั่นหมายความว่าพร้อมจะรับความเสี่ยงทุกอย่าง ไม่ใช่พนักงานใหม่ด้วยต้องรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายเท่านั้น ตอนถูกจับได้ยังกล้าปฏิเสธ ร้านที่รับซื้อก็ถูกแจ้งข้อหาเหมือนกัน

จัดการเรื่องที่กรุงเทพฯเรียบร้อยไม่รีรอที่จะกลับบ้าน รถติดแบบไม่ต้องคิดเพราะเขาเดินทางวันที่สามสิบเอ็ด ออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่ตีสามถึงบ้านห้าโมงเย็น ช้าเพราะเขาแวะนอนงีบที่รีสอร์ตปากช่อง ง่วงและน่าเบื่อเกินจะขับต่อ

“แม่จ๋า!” อิงอรหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงลูกชายคนรองเรียกอยู่หน้าบ้าน ไม่นานเด็กตัวโตก็วิ่งมากอดแม่ในครัว

“ตัวแต่โตนะเรา เก็บรถดีแล้วใช่ไหม”

“เรียบร้อยครับ พี่แทนกับน้องเทียไปไหนล่ะครับ เข้าเมืองเหรอ”

“ไปช่วยงานในไร่ตั้งแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวคงกลับมากันแล้วล่ะ” ไม่ทันขาดคำก็มีเสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน สิบกว่าปีมานี้บ้านต่อเติมกว้างขวางกว่าเมื่อตอนพวกเขายังเด็กเยอะ มีห้องทำงาน ห้องทำการบ้านของแฝด ห้องหนังสือ ห้องดูหนัง ห้องนอนประจำตัวของแต่ละคนก็สร้างใหม่ให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น รอบบ้านมีต้นไม้ดอกไม้สวยงาม ล่าสุดต้นลิ้นจี่

“พี่ไทมาแล้ว สวัสดีครับ” คนพี่มองหน้าน้องแฝดแล้วเงียบไปเหมือนคิดอะไรอยู่ “พี่ไทน่ะ แบบนี้อีกแล้ว”

“ฮ่าๆๆ พี่แกล้งเล่นน่า น้องเคนกับน้องแคลร์ล่ะอยู่ไหน” ในที่สุดน้าอ้อยก็สามารถมีน้องสาวอีกคนให้พวกเขา น้องเทียถูกใจสุดๆเพราะป้ายิ้มคลอดลูกชายสามคนติด ลุงอิ่มถึงกับบอกว่าพอแล้ว มีลูกสาวคือน้องเทียคนเดียวก็พอ

แต่กว่าน้าอ้อยจะท้องน้องแคลร์พี่แฝดก็อายุห้าขวบแล้ว รอมานานจนน้าๆแทบถอดใจ

“ช่วยยกของลงจากรถอยู่ครับ พรุ่งนี้ป้าอิงจะจัดงานเลี้ยงที่บ้าน ก็เลยต้องเอาผลไม้มาหลายอย่าง คริสเอาผักมาให้ป้าอิงก่อน คริสอยากกินผัดกะหล่ำดอกใส่หมูเยอะๆครับป้าอิง แม่ฝากบอกว่าอยากกินแกงอ่อมกะหล่ำดอกใส่หมู”

“งั้นน้องคริสช่วยป้าล้างผักหน่อยนะจ๊ะ น้องไทไปเอาหอมแดงที่ห้อยไว้หลังบ้านมาปอกสักสิบหัวจ้ะ”

“กลับมาแล้วเหรอ”

“พี่แทน” แทนที่จะทำตามที่แม่บอก กลับวิ่งไปกอดไปหอมแก้มพี่ชาย แม่ส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ “คิดถึงจัง”

“พี่ไทไม่คิดถึงน้องแคลร์เหรอคะ” สาวน้อยตาแป๋วสุดน่ารักยืนเอียงคอแก้มพองลมมองพี่ชาย แทนพัฒน์สะบัดตัวน้องชายออกแล้วเดินเอาสตรอเบอร์รี่ไปแช่เย็น “เชอะ น้องแคลร์รู้หรอกว่าพี่ไทน่ะคิดถึงแต่สาวๆที่มหา’ลัย หนูรู้ทั้งหมด”

“ใช่ที่ไหน พี่ไทคนนี้ไม่มีสาวๆสักคน พี่ต้องคิดถึงน้องสาวอยู่แล้ว เอาของไปเก็บเร็วเข้า พ่อจ๋าไทกลับมาแล้ว”

“เมื่อไหร่แม่จะได้หัวหอมมาใส่แกง น้องคริสล้างผักเสร็จแล้วลูกยังยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลย”

“ครับๆ กระผมจะไปเดี๋ยวนี้”

“เจ้าไทเอาหอมแดงมาเยอะๆน้าจะทำไข่นึ่งด้วย” พอทุกคนกลับมาพร้อมหน้าบรรยากาศเดิมๆก็กลับมา วุ่นวายยังไงก็วุ่นวายอย่างนั้น “หัวเราะอะไรเจ้าเทีย ไปตัดใบตองกับน้าก่อนจะเก็บชะอมด้วย ลูกเอาไข่มาตอกใส่ชามไว้นะน้องแคลร์” น้าอ้อยก็คือน้าอ้อย เป็นคนแมนๆเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือขี้บ่นมากขึ้น เพราะน้องสามคนซนมากแม้จะโตแล้วก็ตาม

“แนนนี่มาถึงไร่หรือยังครับพ่อ มันไม่เห็นโทรบอกผมเลย”

“มาถึงแล้วเมื่อเช้ามืด อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ไปร้อยไร่เลย ทำไมไม่ให้เพื่อนลูกไปทำที่ร้านขนมล่ะน้องไท”

“ไม่อยากไปครับ เรื่องพนักงานคนนั้นผมจัดการเรียบร้อยแล้วนะ รับคนใหม่มาแทนแล้วด้วย”

“ลูกรู้ได้ยังไงว่ามีคนเอาสูตรไปขาย” แทนไทจ้องหน้าแม่แต่ไม่พูดอะไร แค่นั้นอิงอรก็รู้และไม่ถามอีก

ตอนที่ 2 แต่ละคนยืมเงินแม่ไปทำอะไร

“มีเรื่องอะไรเหรอน้องไท”

“มีพนักงานเอาสูตรขนมไปขายให้ร้านอื่นครับพี่แทน ผมรู้เข้าและหาหลักฐานได้จึงรีบจัดการ” สำหรับพ่อแม่และพี่ชาย แทนไทยังคงเป็นเด็กน้อยของพวกเขาเสมอ เคยเป็นแบบไหนก็เป็นแบบนั้นไม่เปลี่ยน “เสียหายไม่เท่าไหร่”

“เก่งมาก อยากเปิดสาขาสองไหมพี่จะร่วมลงทุนด้วย”

“ผมต้องดูแลร้านขนมห้าสาขาในกรุงเทพฯแล้วนะพี่แทน ไหนจะร้านอาหารสุขภาพของแม่อีกสองสาขา ร้านอาหารอีสานสามสาขา ร้านปิ้งย่างเกาหลีห้าสาขา ร้านชาบูสองสาขา ร้านเสื้อผ้าขายส่ง ร้านกระเป๋า ร้านผ้า ร้านชาไข่มุก ร้านเฟรนช์ฟรายส์ ดูงานในมือผมสิครับว่าล้นขนาดไหน ผมยังงงตัวเองอยู่เลยว่าดูแลทั้งหมดนี้คนเดียวได้ยังไง”

“เหนื่อยเหรอ ให้พี่ทำแทนไหมล่ะ พี่ไม่เรียนปริญญาเอกได้นะ”

“ไม่ๆ ไม่เป็นไรเลยครับ แค่นี้น่ะสบายมากผมไม่เหนื่อยเลย ไม่สักนิดเดียว” แทนพัฒน์หัวเราะ แน่สินั่นมันเงินทั้งนั้นเพราะแม่ยกให้น้องไทดูแลทั้งหมด เงินกำไรแบ่งให้สาขาละห้าเปอร์เซ็นต์ทุกปี แค่ร้านขนมก็ได้ไปหลายล้านแล้วจะเหนื่อยได้ยังไง รวมกันทุกร้านที่ขายดีมากทุกสาขาเป็นเงินจำนวนมหาศาลเลยนะ ไหนจะเงินที่แม่เอาเข้าให้ทุกปีอีกล่ะ

“แม่กำลังคิดอยากทำอะไรเพิ่มด้วยนะจ๊ะ อยู่ในกระบวนการคิดแต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะทำจริงไหม”

“ช่วงนี้แม่ว่างใช่ไหมครับ”

“ฮ่าๆๆ แม่ว่างทุกวันไม่ได้ทำอะไรเลย อายุสี่สิบกว่าแล้วขยับตัวทำอะไรมีแต่คนร้องห้าม”

“มีคนติดต่อมาขอซื้อธุรกิจของเราด้วยนะครับ แต่ผมปฏิเสธไปแล้วตามที่แม่บอก อย่างที่แม่คาดไว้เลยว่าพอธุรกิจของเราเป็นที่สนใจ คนพวกนั้นคิดจะควบรวมเป็นธุรกิจตัวเอง ทางพี่กานเองก็โดนเหมือนกันครับ แต่ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะครอบครัวพี่กานก็ไม่ใช่จะข่มได้ง่ายๆ ปู่รองทราบเรื่องนี้แล้วด้วย ผมไม่ได้บอกนะครับปู่คงรู้จากเลขาฯ”

“ตราบใดที่เขาไม่สร้างความเดือดร้อนให้เราก็ปล่อยไปเถอะจ้ะ อีกไม่นานคงออกผลิตภัณฑ์คล้ายๆกันมา”

“ที่ไหนก็เหมือนกันน้องไท ทางพี่เองก็เจอเรื่องแบบนี้บ่อยๆ แต่อาเธอร์จัดการเองไม่ต้องถึงมือใคร”

“ก็ครอบครัวอาเธอร์ใหญ่โตขนาดนั้นเขาต้องจัดการได้อยู่แล้วครับ แต่เราเป็นแค่ครอบครัวเล็กๆเอง”

“ไม่มีใครทำอะไรเราหรอกลูกไม่ต้องห่วง”

“ครับแม่ อาจารย์ถามผมก่อนกลับมาว่าอยากเรียนต่อปริญญาโทที่มหา’ลัยเยลไหม แม่คิดว่ายังไงครับ”

“ถามแม่ทำไมล่ะ เอาตามใจหนูสิจ๊ะว่าอยากเรียนไหม สถาปัตย์ฯของเยลมีชื่อเสียงไม่น้อย ถ้าลูกอยากเพิ่มความรู้ให้ตัวเองเพื่ออาชีพในอนาคตแม่ว่าควรเรียน แต่ถ้าลูกคิดว่าความรู้ในตอนนี้เพียงพอแล้วไม่อยากเรียนก็ตามใจจ้ะ”

“คอลเลจลอนดอนเองคณะนี้มีชื่อเสียงเหมือนกันนะน้องไท”

“นี่กำลังหานักศึกษาเข้ามหา’ลัยที่พี่เป็นอาจารย์พิเศษเหรอครับ” พี่แทนคงยุ่งไม่พอจึงหาเรื่องให้ตัวเองยุ่งเพิ่ม เขาเรียนปริญญาโทที่มหา’ลัยนั้นจึงถูกทาบทามให้เป็นอาจารย์พิเศษ พี่ชายเขาตอบรับแบบไม่ต้องคิด บอกว่าอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ แค่ดูแลธุรกิจมากมายที่อังกฤษก็เหนื่อยพอแล้ว แต่พี่แทนยังไปเรียนนั่นเรียนนี่ตามเวลาเอื้ออำนวย

“ฮ่าๆๆ อะไรดีพี่ก็ว่าดี แล้วแต่น้องไทจะตัดสินใจ”

“งั้นผมขอคิดดูก่อน ยังมีเวลาอีกตั้งหนึ่งปี ช่วงนี้อยากตั้งใจทำวิทยานิพนธ์เตรียมไว้ให้ดีที่สุดครับ”

“คิดว่าจะผ่านไหม แม่จะได้สร้างรีสอร์ตใหม่หรือเปล่า”

“คิดว่าไม่น่ามีปัญหาครับแม่ ผมทำสุดฝีมือเลยนะยังไงต้องสู้จนผ่านให้ได้”

“ทำไมพี่รู้สึกว่าอาชีพสถาปนิกเหมาะกับน้องไทจังเลยล่ะ”

“ผมก็คิดว่าเหมาะกับตัวเองเหมือนกันครับ ไม่อยากจะโม้หรอกนะแต่ผมมีลูกค้าประจำแล้วด้วย”

“กำลังโม้อยู่ไม่ใช่หรือไงเจ้าไท น้าเห็นพูดเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มมีลูกค้าแล้ว” หลานมองน้าเคืองๆ คนมันดีใจให้โม้หน่อยไม่ได้หรือไงเล่าน้าอ้อย “น้าภูมิใจมาก เคยบอกแล้วไงว่าอาชีพนี้น่ะเหมาะกับหลานที่สุด บวกกับความสามารถพิเศษไม่เหมือนใครเข้าไปอีก ใครจะแข็งแกร่งเท่าหลานอีกจริงไหม” พูดถึงเรื่องนี้ต้องให้ความดีความชอบกับน้าอ้อยจริงๆ

“ผมว่าจะไปเรียนเรื่องฮวงจุ้ยด้วย น้าอ้อยคิดว่าไงครับ”

“โอ๊ย แบบนั้นยิ่งดีใหญ่เลย เจาะกลุ่มลูกค้าที่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยได้อีกเยอะ”

“แล้วก็จะเรียนภาษาสเปน อิตาลี แล้วก็เยอรมันเพิ่มด้วย” ทั้งห้องครัวเงียบกันหมด แค่พูดได้หกภาษานี่มันเกินพอแล้ว เพราะภาษาอังกฤษใช้ได้ทั่วโลกไม่ว่าที่ไหน “คิดดูอีกทีภาษากรีกก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ไหนจะฟินแลนด์อีก”

“พี่ไทเรียนหลายภาษาไปทำไมเหรอครับ แค่ภาษาอังกฤษกับภาษาไทยเคนก็ปวดหัวจะแย่”

“ใช่ๆ น้องแคลร์เคยได้เกรดสองภาษาไทยด้วยค่ะ มันยากมากไม่ค่อยเข้าใจเลย”

“มันมีประโยชน์ในเรื่องธุรกิจนะ และพี่ไม่ชอบที่คุยกับคนในประเทศนั้นไม่รู้เรื่อง ตอนเห็นเจ้าของภาษาอึ้งที่เราพูดภาษาเขาได้ความรู้สึกมันดีมาก เรียนไว้ก็ไม่เสียหาย” ไม่มีใครเห็นด้วยกับเรื่องนี้สักคน แม้แต่แทนพัฒน์ยังส่ายหน้า

“น้องเทียว่าภาษาฝรั่งเศสยากที่สุดเลยค่ะ กว่าจะพูดรู้เรื่องใช้เวลาตั้งหนึ่งปี”

“ไม่ใช่ ภาษาอาหรับต่างหากที่ยากที่สุด น้องเทียลองเรียนดูสักคอร์สสิแล้วจะรู้”

“หนูไม่บ้าเรียนภาษาเยอะแยะเหมือนพี่ไทหรอกค่ะ สับสนตายเลยแบบนั้น” แทนไทไหวไหล่พลางเร่งมือปอกหอมแดงให้แม่ ช่วยน้าอ้อยซอยใส่ไข่ที่จะนึ่งด้วยส่วนหนึ่ง “น้องเทียไม่ได้กินนานแล้วนะคะไข่นึ่ง ทำเองก็รสชาติไม่เหมือนที่แม่หรือน้าอ้อยทำ หนูเคยนั่งเครื่องไปหาพี่แทนที่อังกฤษเพราะอยากกินอาหารไทยด้วยนะคะ พอหายคิดถึงบ้านได้บ้าง”

“ไปบ่อยด้วย”

“ก็พี่แทนทำอาหารอร่อยนี่คะ น้องเทียทำเองรสชาติไม่ได้เรื่องเลย”

“ที่ปารีสมีร้านอาหารไทยเยอะแยะเลยนะลูก”

“รสชาติไม่เหมือนที่พี่แทนทำเลยค่ะแม่ บินแค่หนึ่งชั่วโมงเองค่ะพอๆกับไปหาอาพัดที่ชาโตว์ หนูเลือกไปช่วงสุดสัปดาห์เพราะวันปกติพี่แทนไม่เคยว่าง แฝดกับน้องแคลร์ไม่มีใครมาพักที่บ้านสักคน พี่ไปเยี่ยมไม่ได้เห็นหน้าเลยนะ”

“เคนกับคริสไปเล่นกีฬากับเพื่อนนี่ครับพี่เทีย แต่บางวันหยุดก็ออกไปอยู่บ้านเหมือนกัน”

“น้องแคลร์มีเรียนพิเศษนะคะ แล้วหนูจะออกจากโรงเรียนได้พี่แทนต้องเป็นคนมารับค่ะ”

“หนูเหงาเหรอน้องเทีย ทำไมไม่ไปชาโตว์อยู่บ้านกับอาพัดล่ะจ๊ะ รายนั้นน่าจะมีงานให้ทำเยอะแยะนะ”

“น้องเทียไม่เหงาหรอกค่ะแม่ แต่บางครั้งก็อยากเจอหน้าพี่ชายกับน้องๆบ้าง ไปเที่ยวเล่นหรือกินข้าวด้วยกันสักมื้อ อาพัดไม่เคยมีเวลาว่างหรอกค่ะ อาอองเดรกำลังทำธุรกิจเพิ่มอีกอย่างให้ลูกทั้งสองดูแล ยุ่งแทบไม่มีเวลาพักเลยค่ะ”

“มาหาพี่ได้ตลอดค่ะน้องเทีย แต่น้องต้องโทรบอกก่อนเดินทางทุกครั้งนะคะ”

“น้องเทียโทรหาพี่แทนก่อนทุกครั้งค่ะ ถ้ามาโดยไม่บอกคงไม่ได้เจอหน้าพี่ชายหรอก จะตามถึงมหา’ลัยก็ไม่ได้ น้องเทียได้ยินข่าวแปลกๆมาด้วย” พี่ชายคนโตกระแอมเบาๆ พี่ชายคนรองนี่เสนอหน้ามาจ้องน้องสาวอยากรู้อยากเห็นมาก “เพื่อนน้องเทียคนหนึ่งมีบ้านอยู่ลอนดอน เธอบอกว่าพี่ชายของน้องเทียน่ะออกเดตกับนางแบบชื่อดังคนหนึ่งด้วย”

“ว้าว! บราโว่” แทนไทปรบมือให้พี่ชายเสียงดัง ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน ในที่สุดพี่ชายก็ออกเดตเสียที

“จริงเหรอเจ้าแทน คนไหนน่ะน้ารู้จักหรือเปล่า”

“ดังมากๆค่ะน้าอ้อย น้องเทียได้ยินมาแทบไม่อยากเชื่อหู”

“เหลวไหลน่า ออกเดตอะไรกันพี่มีเวลาทำแบบนั้นที่ไหน” แทนไทเอนหลังพิงเก้าอี้พลางกอดอกหรี่ตามองพี่ชาย

“น้องเทียคิดว่าเป็นคำโกหกหรือเปล่า”

“หูพี่แทนแดงแบบนั้นฟันธงว่าเรื่องจริงแน่นอนค่ะพี่ไท” น้องสองคนรุมจับผิดพี่ชาย “ได้ยินมาไม่ได้มีคนเดียว”

“ตายแล้ว พ่อหนุ่มเพลย์บอยของน้า”

“น้าอ้อยก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอครับ แค่คุยเรื่องงานเท่านั้นไม่ได้ออกเดต พวกเธอเรียนมหา’ลัยเดียวกับพี่ มีงานที่ไม่เข้าใจจึงขอมาปรึกษา อย่าเอาไปพูดที่ไหนเชียวเดี๋ยวเสียหายกันหมด” น้องสองคนมองตากัน พี่มีพิรุธสุดๆเลย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เชื่อๆไปก่อนเพราะพี่ชายเหมือนพระมาก ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นไม่เคยมีแฟนสักคนให้ได้เห็น

“พี่เคนก็มีแฟนแล้วค่ะ” น้องแคลร์มองพี่แฝดของตัวเองแล้วพูดขึ้นบ้าง

“ไม่จริงๆ เคนไม่มีแฟนเลยสักคน ใช่ไหมคริส” พี่มองหน้าน้องชายฝาแฝดนิ่งๆ สายตาบ่งบอกทุกอย่างแล้ว

“คิกๆๆ น้องแคลร์บอกแล้วว่าพี่เคนมีแฟน”

“แค่คุย ๆกันอยู่เท่านั้นเอง”

“Open relationship?”

“ไม่ใช่ครับพี่แทน ไม่ถึงขั้นคบหากันหรอก”

“Friend with benefits?”

“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับพี่ไท อย่าพูดให้แม่บิดหูผมสิ” คิมกับอ้อยจ้องลูกเขม็ง “ไม่ใช่จริงๆครับพ่อแม่”

“Seeing each other?”

“ประมาณนั้นแหละครับพี่เทีย แค่กำลังคุยๆยังไม่ถึงขั้นคบหากัน น้องแคลร์ไปรู้มาจากไหนน่ะ”

“พี่คริสบอกน้องแคลร์เองค่ะ ก็พี่เคนเอาแต่คุยกับแฟนแล้วปล่อยให้พี่คริสไปเล่นกีฬากับเพื่อนๆคนเดียว”

“ใช่ วันหยุดก็ไปเที่ยวกับแฟนไม่สนใจกันเลย กลางคืนก็คุยโทรศัพท์งุ้งงิ้งอยู่ใต้ผ้าห่ม” พอพี่ได้บ่นก็บ่นยาวจนน้องหน้าแห้ง ประสบการณ์พวกนี้ให้เด็กๆเรียนรู้เอง อะไรที่ควรเตือนก็เตือนไปหมดแล้ว อิงอรรีบทำอาหารมื้อเย็นเพราะทุกคนคงหิวข้าว เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคุยกัน “ผมก็อยากเรียนภาษาเหมือนพี่ไทนะครับแม่ ผมว่ามันน่าสนุกดี เรียนได้ไหม”

“ตามใจลูกเถอะจ้ะ อีกหน่อยคงไม่อยากกลับบ้านกันแล้วล่ะสิ”

“น้องแคลร์อยากกลับบ้านนะคะแม่”

“มีแต่ลูกนั่นแหละที่งอแงอยากกลับบ้านทุกสัปดาห์ ถ้าพี่แทนพี่เทียเรียนจบต้องช่วยดูแลกันและกันนะ”

“พวกผมดูแลน้องได้ครับแม่ ที่จริงน้องไม่ค่อยออกจากโรงเรียนหรอกครับ ถ้าพวกผมกับพี่แทนไม่ไปหา” แทนพัฒน์พยักหน้ายืนยันในสิ่งที่น้องคริสพูด น้องแคลร์จะไม่ออกไปไหนเลยถ้าพวกพี่ๆไม่ไปรับ น้องค่อนข้างระวังตัวมาก

“ไปล้างมือมากินข้าวได้แล้วจ้ะ” แทนพัฒน์มีความสุขที่เห็นตับหมูย่างบนโต๊ะอาหาร เป็นเมนูที่เขาคิดถึงและไม่ว่ากินเมื่อไหร่ก็อร่อยเมื่อนั้น อยู่ลอนดอนเขาก็ทำกินเองบ่อยๆ ไปเรียนทำอาหารมาโดยเฉพาะจะได้เอาไปทำอย่างอื่นบ้าง

“แต่เล็กจนโตไม่เบื่อบ้างเหรอตับหมูย่างน่ะเจ้าแทน”

“ไม่เบื่อครับน้าอ้อย ให้กินทุกวันยังได้” ทุกคนไปล้างมือแล้วมานั่งรวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร มื้อเย็นวันนี้มีแกงอ่อมหมูใส่ดอกกะหล่ำ ตับหมูย่าง ผัดหมูใส่กะหล่ำดอก ไข่นึ่ง แกงเขียวหวานไก่ ต้มจืดมะระยัดไส้หมูสับ แกงอ่อมปลาดุกใส่ผักชีลาว กินกับข้าวเหนียวหรือข้าวสวยตามใจ “พรุ่งนี้แม่จะให้ผมอยู่ช่วยงานที่บ้านไหมครับ ผมว่าจะไปรีสอร์ตนาภู”

“ลูกอยากไปก็ไปเถอะ แม่กับน้าอ้อยจัดการได้”

“ตอนเช้าช่วยกันเอาเต็นท์มากาง และจัดโต๊ะเก้าอี้ให้เสร็จก่อนค่อยไป”

“ครับพ่อ ผมไปรีสอร์ตไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวจะกลับมาช่วยแม่เตรียมอาหารที่บ้าน”

“แต่ผมจะเข้าไร่ไปดูแนนนี่มันหน่อยนะครับ จะไปหาปู่รองด้วย” มีเรื่องอยากคุยกับปู่เยอะแยะโดยเฉพาะเรื่องธุรกิจ ช่วงนี้ดูเหมือนจะมีคนเข้ามาวุ่นวายบ่อยมาก แทนไทอยากหาวิธีรับมือไว้แต่เนิ่นๆ ที่จริงเขาก็มีคนของตัวเองจำนวนหนึ่ง ทำงานได้รวดเร็วดีและค่อนข้างมีอิทธิพล คนพวกนั้นไม่ค่อยกล้ายุ่ง คิดจะเหยียบหางเสือก็คอยดูว่าจะเจอกับอะไร

เขาไม่ใช่ลูกเสือที่จะยอมให้ใครข่มเหงง่ายๆหรอกนะ

“แม่กำลังคิดจะทำสวนน้ำที่ปากช่อง ลูกคิดเห็นยังไงน้องแทนน้องไทน้องเทีย”

“ผมคิดว่าไม่น่าทำ แม่ได้ที่ดินมาอีกผืนเหรอครับ”

“ใช่จ้ะ แต่มันเป็นผืนเล็กๆแค่สิบไร่เท่านั้น แม่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดี พวกลูกมีข้อเสนอไหม” ช่วงนี้ราคาข้าวตกต่ำ ชาวนาเริ่มทยอยเอาที่ดินออกมาขายเพื่อนำเงินไปชำระหนี้สิน อิงอรคิดว่ามันน่าจะทำประโยชน์ได้จึงซื้อเก็บไว้จำนวนหนึ่ง ใจอยากทำสวนสนุกสวนน้ำสักที่ไว้ให้เด็กๆได้เล่นในวันหยุด แต่ที่ดินมีแต่ผืนเล็กๆพื้นที่ค่อนข้างจำกัดมาก

“ทำรีสอร์ตเชิงอนุรักษ์เหมือนเดิมก็ได้นี่ครับแม่ ถ้าแม่คิดอยากทำอะไรใหม่ๆนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมว่าทำรีสอร์ตน่าจะดีที่สุดนะครับ ถ้าพื้นที่เล็กเกินไปก็เพาะปลูกเถอะ หรือทำไร่ดอกไม้ที่เขากำลังนิยมกันอยู่ก็ได้ ยังไงคนก็มาเที่ยวเยอะทุกปีอยู่แล้ว ไม่แน่ว่าจะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่เลยก็ได้ ผมคิดว่ามันเข้าท่ากว่าการทำสวนน้ำนะครับแม่”

“ผมก็เห็นด้วยกับพี่แทนครับแม่ ค่าทำนุบำรุงสวนน้ำมหาศาลมากถึงสนุกแต่ไม่คุ้มทุนครับ”

“น้องเทียว่าไร่ดอกไม้ก็ดีนะคะ ทำคาเฟ่เรือนกระจกเป็นหลังๆตั้งไว้ห่างกัน นั่งจิบชากินขนมชมบรรยากาศท่ามกลางดอกไม้ มันต้องสวยมากแน่ๆค่ะแม่ หรือจะทำห้องพักเป็นโดมกระจกให้คนมานอนพักในสวนดอกไม้มองดูดาวยามค่ำคืน เหมือนที่เขานอนดูแสงเหนือที่ฟินแลนด์ไงคะแม่ ยิ่งถ้าพี่ไทสามารถออกแบบให้เป็นเอกลักษณ์ก็ยิ่งน่าเที่ยว”

“น้องไทอยากทำหรือเปล่าล่ะลูก”

“อยากสิครับแม่ หรือผมจะทำเรื่องนี้เป็นวิทยานิพนธ์ดีนะ”

“ลองเอาไปปรึกษาอาจารย์ดูก่อนสิแม่ไม่รีบหรอก แต่ที่น้องเทียพูดมาก็น่าสนใจไม่น้อยเลย ถ้าวันไหนฟ้าเปิด แถวนั้นท้องฟ้าจะสวยงามมาก มืดสนิทจึงทำให้มองเห็นดาวชัดเจน คงสวยไม่แพ้แสงเหนือน่าจะเป็นจุดขายที่ดีทีเดียว”

“แม่คะน้องเทียอยากร่วมทุนเปิดร้านเสื้อผ้ากับเพื่อนค่ะ ครอบครัวเพื่อนคนนี้มีตึกให้เช่าอยู่หลายที่ในปารีส เราจะเช่าและขายเสื้อผ้าที่ออกแบบเอง แม่ว่าหนูทำดีไหมคะ” แน่นอนว่าอิงอรสนับสนุนลูกๆทุกคน น้องแทนเคยยืมเงินแม่เพื่อนำไปลงทุนเล่นหุ้น น้องไทเคยขอยืมไปซื้อทีมฟุตบอลซึ่งอันนี้โดนแม่บิดหูจนร้องลั่น ล่าสุดยืมเงินแม่ไปเปิดร้านยาดองที่หน้ามหา’ลัยแห่งหนึ่งไม่รู้คิดได้ยังไง ในเมื่อน้องเทียอยากเริ่มทำธุรกิจบ้าง แม่จะปฏิเสธได้ยังไงลูกสาวเอ่ยปากขอทั้งที

“ก็ดีแล้วที่ไม่ไปเปิดร้านยาดองเหมือนพี่เราน่ะเจ้าเทีย”

“น้าอ้อยไม่รู้ ผมได้ทุนมาคืนแม่ภายในสามเดือนนะครับ” ไม่อยากเปิดผับแต่เปิดร้านยาดอง ไม่รู้ติดใจอะไร

ตอนที่ 3 บรรยากาศครอบครัว

“พี่อิงยังไม่รู้ใช่ไหมครับ ไอ้ทัพลงทุนกับน้องไทด้วย” คิมตักอาหารให้ลูกชายอยู่เงียบๆเอ่ยขึ้น

“อ๋อ แม่ก็ว่าอยู่ทำไมจู่ๆถึงอยากเปิดร้านยาดอง”

“พี่ทัพเขามีไอเดีย ผมแค่ร่วมลงเงินด้วยเท่านั้น แต่มันรายได้ดีเกินคาดเลยนะครับแม่ ได้เงินเยอะเลย” แน่สิ เจาะกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยแบบนั้น ตอนเย็นมักรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ตามร้านหมูกระทะหรือร้านเครื่องดื่มมึนเมา

“พี่ไทรวยเละเลยค่ะ น้องเทียเป็นคนที่ได้เงินน้อยที่สุด ถ้าธุรกิจของหนูไม่ประสบความสำเร็จล่ะคะแม่”

“คนเราก็ต้องเคยล้มกันทั้งนั้นแหละจ้ะ กว่าพี่แทนเขาจะรู้เรื่องหุ้นและกล้าลงเงินจำนวนมาก ต้องลองผิดลองถูกและศึกษามาเป็นเวลานาน พี่ไทเองก็ต้องเรียนรู้กับพี่ทัพ พี่เขต พี่คิว พี่ขวัญ พี่แชมป์ พี่กาน วนเวียนอยู่กับพี่ๆเขาตั้งหลายปีกว่าจะลงมือเปิดธุรกิจเป็นของตัวเองสักอย่าง น้องเทียต้องทำได้เหมือนกันลูก ไม่สำเร็จก็ลองใหม่จนกว่าจะสำเร็จ”

“ล้มแล้วอย่าล้มนาน ต้องรีบลุกให้ไว”

“ใช่ค่ะน้องเทีย ให้คิดว่าทำยังไงถึงจะเอาเงินที่เสียไปกลับคืนมาให้เร็วที่สุด เป็นแรงผลักดันชั้นดีเลยนะคะ”

“ใช่ แม่จำได้เลยว่าก้อนแรกของน้องไทน่ะหมดเป็นล้าน”

“โธ่ แม่จ๋า ตอนนั้นผมไร้ประสบการณ์ ตอนนี้นะไม่ยอมให้เงินออกจากกระเป๋าสักบาทเดียวแน่นอน บัญชีผมจะต้องมีจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นทุกปี ใช้เงินซื้อรถไปเยอะด้วยครับต้องรีบหาเงินมาคืนบัญชีโดยด่วน มีงานอะไรผมทำหมด”

“รวยกว่าพี่น้องทุกคน ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่มีเงิน ต้องขนาดไหนถึงจะเรียกว่ารวยสำหรับเราน่ะเจ้าไท”

“ต้องมีเงินมากกว่าพ่อกับแม่ครับน้าอ้อย ผมรู้สึกว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพอ ต้องขยันขึ้นกว่านี้ถึงจะรวยกว่า”

“ทำไมพี่ๆมีเงินเยอะ แต่เคนมีนิดเดียว”

“ให้อายุครบสิบแปดปีก่อนเถอะเราน่ะ พ่อกับแม่จะให้บริหารเงินในบัญชีที่ฝากไว้ให้เองเหมือนกัน จะเอาไปต่อยอดทำธุรกิจหรือใช้กับเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เห็นตัวอย่างแล้วว่าพี่เขาเก่งแค่ไหนทำอะไรบ้าง วันๆคิดแต่เรื่องหาเงิน”

“พี่จะบอกอะไรให้บางอย่างน้องแฝด น้องแคลร์ เมื่อเราเจอกระเป๋าแพงๆอย่าคิดว่าเราซื้อไม่ได้ ให้คิดว่าเราจะซื้อมันได้ยังไง เงินจำนวนเท่านี้เราจะใช้วิธีไหนให้ได้มา และต่อไปเราต้องมีเงินซื้อใบที่ราคาแพงกว่านี้ทันทีที่อยากได้”

“เราก็ต้องขยันเก็บเงินสิคะพี่ไท”

“เงินเก็บใช้ไปก็หมด ทำไมถึงไม่คิดว่าเงินเก็บนั้นเอาไปทำอะไรให้มันงอกเงยมากขึ้น เงินเท่านี้เราสามารถซื้อกระเป๋าได้หนึ่งใบ แต่ถ้าเอาไปต่อยอดเราจะซื้อกระเป๋าได้อีกหลายๆใบ ซื้ออะไรก็ตามที่เห็นแล้วอยากได้ นึกภาพออกไหม”

“สมมติว่าคนสองคนมีเงินอยู่หนึ่งก้อนในมือเท่ากัน คนหนึ่งใช้เงินนี้ไปกับการซื้อของที่ตัวเองอยากได้ กินอาหารอร่อยที่เขาอยากกิน ขณะอีกคนหนึ่งนำเงินไปต่อยอดด้วยการเล่นหุ้น ซื้อสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ เรื่องเหล่านี้อยู่ที่การคิดวิเคราะห์และตัดสินใจของแต่ละคน เราไม่สามารถไปชี้นำว่าเขาต้องนำเงินไปทำอะไรถึงจะดี”

“พี่แทนพูดถูก ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนแรกอาจมีความสุขไปกับการซื้อของที่ตัวเองไม่เคยมี กินอาหารที่ไม่เคยกิน นั่นก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาจะทำแบบนั้น มองย้อนกลับกัน ถ้าเขานำเงินนั้นไปต่อยอดเหมือนคนที่สอง เขาอาจจะมีเงินซื้อกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า กินอาหารหรูๆในทุกวันก็ยังได้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะรู้วิธีบริหารความเสี่ยง”

“ไม่ว่าจะเป็นคนรวยคนจน หาเช้ากินค่ำทำงานประจำ เงินจำนวนน้อยนิดในมือสามารถเปลี่ยนเป็นเงินก้อนใหญ่ในอนาคตได้ ถ้ารู้จักการบริหารความเสี่ยง เช่นพี่ยืมเงินก้อนแรกจากแม่มาหนึ่งหมื่นบาท และนำเงินนั้นไปลงทุนกับหุ้นตัวหนึ่ง โดยที่เราไม่รู้ว่ามันจะขาดทุนไหม นั่นคือความเสี่ยงที่เราต้องรู้จักเรียนรู้ ก่อนจะทำอะไรถึงต้องศึกษาให้ดี”

“แฝดเพิ่งอายุสิบห้าเท่านั้น ยังมีเวลาเรียนรู้อีกเยอะ ค่อยเป็นค่อยไปเถอะจ้ะ”

“เคนก็ว่าอย่างนั้นแหละครับป้าอิง”

“อะไรก็ไม่รู้น้องแคลร์ฟังไม่เข้าใจเลย”

“ไม่ต้องรีบเข้าใจในตอนนี้หรอกค่ะน้องแคลร์ กินเยอะๆนะคะ แก้มป่องหายไปหมดแล้ว”

“น้องแคลร์อยากหุ่นดีค่ะพี่แทน จะเป็นนางแบบใส่เสื้อผ้าของพี่เทีย ดีไหมคะ”

“ดีแน่นอนค่ะ พี่เทียจะได้ไม่ต้องจ้างนางแบบที่ไหน”

“คิกๆๆ พี่แทนก็ชอบนางแบบ ใช่ไหมคะพี่เทีย” พี่สาวขยิบตาข้างเดียวให้น้องสาวอย่างซุกซน

“พูดไปเรื่อย พี่บอกแล้วไงว่ามันไม่มีอะไร” แทนไทใช้ศอกสะกิดแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ลูกชายคนโตของแม่มีพิรุธชัดๆ อย่างที่บอกว่าเขาไม่เคยเห็นพี่ชายคบผู้หญิงคนไหนมาก่อน ตอนอยู่อังกฤษไม่มีเรื่องเดตมาให้ได้ยินเลยสักครั้ง

“ถ้าพี่จะมีแฟนก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกครับ อายุขนาดนี้ควรมีได้แล้ว น้องเคนยังมีสาวคุยด้วยเลย”

“แค่งานก็เยอะแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปเดต น้องเทียล่ะไม่มีใครมาจีบบ้างเหรอคะ” พี่ชายน้องชายหันขวับมองน้องเทีย ต้องบอกว่าสองสาวเป็นดวงใจของคนในบ้าน พ่อแม่ไม่ได้ห้ามลูกสาวมีแฟน มีแต่พี่ชายน้องชายของทิชาทั้งนั้นแหละ ที่จ้องเขม็งทุกครั้งเมื่อพูดเรื่องนี้ ไม่ถึงกับหวงแต่เป็นห่วงมากกว่าว่าจะโดนใครหลอกหรือเปล่า เป็นห่วงกันมาก

“น้องเทียไม่มีหรอกค่ะ มีคนมาจีบบ้างแต่น้องเทียยังไม่สนใจ”

“ผู้ชายฝรั่งเศสไม่มีดีสักคนเลยหรือไงคะ”

“ไม่รู้สิคะ หนูแค่ยังไม่เจอใครที่พอคุยกันได้ล่ะมั้ง พี่ไทเถอะทำไมถึงยังไม่มีล่ะคะ เป็นเดือนมหา’ลัยไม่ใช่เหรอ”

“สาวๆบอกว่าพี่เป็นสมบัติของคณะ ก็เลยไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้ามาจีบพี่สักคน แล้วพี่ก็ไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษด้วย เอาจริงๆกิจวัตรประจำวันของพี่ก็คือ ทำงาน ไปเรียน ทำงาน ไปเรียน วนอยู่แบบนี้ตลอดเลย”

“ถึงอย่างนั้นลูกก็ควรจะสระผมบ้าง อย่างน้อยสองวันครั้งก็ยังดี ไม่ใช่ปล่อยให้หัวมันเยิ้มเหม็นอยู่อย่างนั้น”

“นี่น้องเทียเอามาฟ้องแม่เหรอครับ ก่อนหน้านี้เข้าร้านเสริมสวยไปแล้วรอบหนึ่งนะครับ ดูสิพลิ้วสลวยเชียว” ไม่พูดเปล่า แทนไทสะบัดผมให้แม่ดูด้วย “ว่าแต่พี่บอลเรียนจบปริญญาโทแล้วใช่ไหมครับ พี่ทรายล่ะตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่”

“พี่บอลเรียนจบแล้วล่ะน้องไท ส่วนทรายกำลังเรียนเฉพาะทางอยู่ที่อเมริกา” เพื่อนคนนี้ของแทนพัฒน์เรียนหมอ เดิมทีเขาก็ตั้งใจจะเรียนหมอเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาเรียนบริหารน่าจะมีประโยชน์กับธุรกิจครอบครัวมากกว่า เสริมไปด้วยการตลาด การเงิน และการจัดการโรงแรม เขาตั้งใจจะดูแลกิจการแทนพ่อแม่ทุกอย่างหลังเรียนจบปริญญาเอก

“ป้าหม่อนต้องภูมิใจในตัวพี่ทรายมากแน่ๆเลยครับ ตอนเด็กผมจำได้ว่าพี่เขาขี้กลัวมาก เวลาเรียนภาษาอังกฤษไม่ค่อยมีความมั่นใจเลย แต่ดูตอนนี้สิครับกลายเป็นคุณหมอคนเก่งไปแล้ว ผมจีบพี่ทรายดีไหมครับแม่”

“เสียใจด้วยจ้ะ พี่บอลเขาจองไว้แล้ว”

“อะไรกัน น้องไทกลับบ้านบ่อยกว่าพี่ทำไมไม่รู้เรื่องล่ะ คู่นี้เขาหมั้นหมายกันไว้ตั้งนานแล้ว ก่อนทรายจะไปเรียนต่อเฉพาะทางเสียอีก” แม่ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยเรื่องนี้ เซอร์ไพรส์เหมือนกันนะเนี่ย ความรักคงเบ่งบานตอนอยู่อังกฤษแน่ๆ

“เสียใจจัง อดมีเเฟนเป็นคุณหมอเลย”

“มหาลัยที่เราเรียนก็มีคณะแพทย์ไม่ใช่หรือไง ต้องมีคุณหมอน่ารักสักคนที่เข้าตาบ้างแหละ ถ้าลูกอยากมีแฟน”

“แค่เวลานอนยังไม่มีเลยครับแม่ จะเวลาที่ไหนไปมีแฟนล่ะครับ” ถามว่าอยากมีเเฟนไหมก็ยังไม่อยากมีหรอก เพื่อนบางคนมีแฟนแล้วดูมีความสุขมาก บางคนก็ดูเหมือนจะเหนื่อยมากเหมือนกัน เพราะงั้นอยู่สบายๆคนเดียวดีกว่า

“ยังไงก็ได้จ้ะ อย่าทำตัวเป็นผีเสื้อดื่มเกสรแล้วจากไปก็พอ” มื้อเย็นวันนี้เต็มไปด้วยความครื้นเครง ได้มารวมตัวกันแบบนี้รู้สึกสนุกสนานและมีความสุขมาก แทนไทถึงกลับบ้านบ่อยๆเพราะชอบบรรยากาศแบบนี้ อยู่คนเดียวมันเหงา

“พรุ่งนี้ลูกไปหาหลวงตาด้วยนะน้องไท”

“ได้ครับพ่อ งั้นผมจะไปตอนเช้าแล้วเขาไร่เลยนะครับ” ทุกครั้งที่เขากลับบ้านจะต้องไปกราบหลวงตาตลอด พ่อบอกแบบนี้น่าจะต้องมีเรื่องอะไรที่เขาต้องรีบไป “มีเรื่องด่วนเหรอครับพ่อ ปกติแล้วหลวงตาไม่เคยให้คนมาตามผมนี่นา”

“พ่อเองก็ไม่รู้ แต่ท่านฝากความไว้นานแล้ว ว่าลูกกลับมาเมื่อไหร่ให้ไปพบท่านด้วย” หลวงตาท่านชราภาพมากแล้ว ตอนนี้งดกิจนิมนต์ทุกอย่างและจำวัดตลอด เจ็บป่วยบ้างแต่ไม่ถือว่าหนักหนา ไปตอนนี้ท่านน่าจะจำวัดแล้ว

รุ่งเช้าแทนไทจึงรีบไปกราบหลวงตา ถือโอกาสนี้ร่วมจังหันกับชาวบ้านด้วย วันนี้คือวันที่หนึ่งมกราคมปีสองพันห้าร้อยห้าสิบเก้า ชาวบ้านมาทำบุญกันแน่นวัดเลย รวมถึงครอบครัวของเขาก็มากันหมด ย่า ลุงพงษ์ ป้าอร ป้าพรรณ พี่บอล พี่บาส ลุงท็อปกับครอบครัว ป้าหม่อนลุงองอาจ พี่ทรายพี่ดินยังไม่กลับมา เขาล่ะชอบจริงๆวันรวมญาติแบบนี้

บรรยากาศในวัดร่มรื่นสงบสุขเหมือนเดิม เขาเอาต้นไม้ใหญ่มาปลูกไว้หลายต้น ตอนนี้มันโตแผ่กิ่งก้านใบไปใหญ่โตมาก บริเวณลานวัดยังคงเป็นดินแข็ง เพราะหลวงตาท่านชอบเดินจงกรมบริเวณนี้ ท่านชอบที่เท้าสัมผัสกับดินมากกว่าสัมผัสพื้นซีเมนต์ หลังๆมานี่มีคนมาปฏิบัติธรรมมากขึ้น ท่านจึงให้พระลูกวัดจัดทางเดินจงกรมโดยเฉพาะ

เป็นถนนดินแดงที่มีก้อนหินเล็กๆอยู่ตลอดทาง ฝึกกาย ฝึกสมาธิ ฝึกความอดทน เพราะเส้นทางนั้นเป็นเนินขึ้นลงภูเขาเสียส่วนมาก เดินแล้วเลือดลมไหลเวียนดี ใครไม่ไหวก็สามารถสวมถุงเท้าหรือรองเท้าได้ ไม่มีกฎตายตัวขอเพียงมีความตั้งใจที่จะทำสมาธิ พระลูกวัดบอกว่าหลวงตาท่านเดินได้วันละหลายรอบ แต่เขาเคยเดินรอบเดียวก็ไม่ไหวแล้ว

“แล้วนี่น้องไทม์ น้องทิม น้องไทน์ ลุงอิ่ม ป้ายิ้ม เป็นยังไงบ้างครับแม่”

“ถามเหมือนเมื่อต้นเดือนลูกไม่ได้กลับบ้านนะน้องไท สบายดีทุกคนจ้ะ ป้าอ้อมกับลุงเขยแล้วก็พี่ๆสองคนด้วย”

“ลืมบอกเราเลยเจ้าไท ป้าโอ่งจะแต่งงานเดือนเมษายนนี้แล้วนะ ช่วงสงกรานต์พอดีวันที่สิบสาม”

“แต่งงานตอนอายุห้าสิบกว่า สุดเฟี้ยวเลยป้าเรา”

“บางทีเนื้อคู่ก็มาช้าแบบนี้แหละจ้ะ”

“น้องเทียคงไม่ได้กลับมาแน่เลย แฝดกับน้องแคลร์เหมือนกัน แล้วพี่แทนจะกลับมาหรือเปล่าครับ”

“พี่ยังไม่แน่ใจเลยน้องไท ถ้าติดเรียนก็อาจจะไม่ได้มา”

“ไม่เป็นไรหรอกลูก ป้าเขาเข้าใจว่ามันไกล ช่วงนี้ไม่ใช่วันหยุดของพวกหนูด้วยนี่นา ส่วนน้องไทเองถ้าติดธุระไม่ต้องมาก็ได้ ใกล้เรียนจบแล้วคงมีงานให้ทำเยอะเลย ถ้าได้หยุดก็มาช่วยงานป้าเขาเถอะจ้ะ กั้นประตูเงินประตูทองไง”

“แม่ก็รู้ว่าผมไม่พลาดหรอกครับ” หลวงตาฉันเช้าเสร็จถึงกวักมือเรียกแทนไทเข้าไปหา “นมัสการครับหลวงตา”

“เป็นยังไงบ้างโยม หนักทั้งการเรียนทั้งทำงานเลยใช่ไหม”

“ไม่หนักหรอกครับ ผมสนุกกับการเรียนและทำงานมาก”

“การช่วยเหลือผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดี จำที่หลวงตาสอนได้ไหม อย่ายุ่งกับของไม่ดีเด็ดขาด”

“จำได้ครับ ผมไม่เคยยุ่งกับของแบบนั้นเลยนะครับ”

“ต้องย้ำเตือนให้มั่นใจ เอาสายสิญจน์เส้นนี้ไปผูกข้อมือให้ร่างของคนที่ช่วยเหลือโยมอยู่”

“ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอครับหลวงตา คิดว่าพึ่งความเชื่อทางศาสนาไม่ได้เสียอีก”

“ทุกอย่างก็มีเวลาของมัน กลับถึงกรุงเทพฯอย่ามัวชักช้า”

“ได้ครับผมจะรีบไปทำ ช่วงนี้หลวงตาอาพาธบ้างไหมครับ ต้องให้หมอมาตรวจบ่อยๆถึงจะเป็นแค่อาการไอก็อย่าเพิกเฉยนะครับ” พ่อรบกวนคุณหมอให้มาตรวจสุขภาพหลวงตา และพระลูกวัดเดือนละครั้งได้หลายปีแล้ว ถ้าเกิดหลวงตาอาพาธปู่มัคนายกจะรีบเรียกหมอทันที แต่ท่านไม่ค่อยอยากพบหมอบ่อยนัก ไม่เป็นหนักจริงๆจะไม่ปริปากบอก

“ไม่ต้องเป็นห่วงอาตมาหรอกโยม สังขารเป็นไปตามวัฏจักรของชีวิต ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนคงกระพัน ไปเถอะ”

แทนไทกราบลาหลวงตา ซึ่งตอนนี้บนศาลาเหลือไม่กี่คนแล้ว ครอบครัวของเขาไปรวมตัวกันที่โรงครัว เพื่อเก็บล้างจานชามก่อนกลับบ้าน กินมื้อเช้าเสร็จเขาตรงเข้าไปที่ไร่ทันที อยากดูให้แน่ใจว่าเพื่อนทำงานได้โดยไม่มีปัญหาอะไร

“ว่าไงคนสวย ไหวไหม” เห็นเพื่อนในชุดคนงานกำลังยกของ กลางวันทำงานในไร่กลางคืนไปร้านหมูกระทะ ถึงจะมีเวลาทำงานแค่ไม่กี่วัน แต่แนนนี่บอกว่าไม่มีที่ไหนให้เงินเยอะเท่าที่นี่แล้ว ได้มากได้น้อยก็เป็นเงินเก็บหอมรอมริบ ไม่ใช่ว่าใกล้เปิดเทอมแล้วจะไปเร่งหาเงิน มันเป็นคนสู้ชีวิตหนักเอาเบาสู้ งานเล็กงานใหญ่มันทำได้หมดขอแค่ได้เงิน

“ไหวสิ งานแค่นี้ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอก แล้วมึงมาได้ไงไม่อยู่บ้านเหรอ”

“จะมาดูเพื่อนสักหน่อยกลัวเป็นลมเป็นแล้งอยู่ในไร่กู ถ้าไม่ไหวให้บอกคนงานนะ มึงไปทำงานที่จุดพักรถก็ได้”

“โอ๊ย งานแค่นี้ไม่ทำให้กูเป็นลมไปได้หรอก นายแม่มึงไม่เข้ามาไร่เลยเหรอ ยังไม่ได้สวัสดีเลย”

“แม่ไม่ค่อยมาเท่าไหร่หรอก ท่านมาดูแค่วันแรกวันที่เหลือก็ปล่อยให้คนงานทำกันเอง มีลุงท๊อปลุงชิดลุงอิ่มคอยดูแลงานแทนทั้งหมด พ่อกับน้าคิมจะเข้ามาบ้างเป็นบางวัน ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่รีสอร์ตนาภูมากกว่า นักท่องเที่ยวเยอะมากช่วงนี้ มึงยังไม่เคยเห็นหมู่บ้านที่กูอยู่ไม่ใช่เหรอ วันไหนว่างอยากไปก็บอก นี่มึงเป็นคนแรกเลยนะที่ได้เห็นบ้านกู”

“แน่สิ มึงเคยให้ใครมาเที่ยวบ้านที่ไหนล่ะ”

“ต้องการความเป็นส่วนตัวไง มึงจะกลับวันไหนกลับพร้อมกูไหมวันที่ห้า”

“วันที่สามกูก็กลับแล้ว มึงใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้เต็มที่เถอะ เดี๋ยวเก็บเลคเชอร์ไว้ให้”

“ไปทำงานเถอะ กูจะกลับไปช่วยงานแม่ที่บ้านเหมือนกัน มีอะไรโทรหากูนะ” แนนนี่โบกมือให้เพื่อน มาทำงานที่นี่แค่ไม่กี่วันเธอได้เงินเก็บหลายพันบาท คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าใช้จ่ายอื่นๆก็ทำงานพาร์ทไทม์ตลอด แทนไทจ้างทำงานบ้างเวลาที่ไม่ค่อยว่าง เอาจริงๆมันไม่เคยว่างสักวัน อยู่มหาลัยหาตัวไม่ค่อยเจอหรอก

“ผู้ชายคนนั้นคือใครเหรอ” เพื่อนร่วมงานที่เป็นคนงานพาร์ทไทม์ถามขึ้น ใบหน้าแดงก่ำเชียว

“ลูกชายคนรองของเจ้าของไร่ไง เป็นเพื่อนร่วมคณะของฉันเอง”

“ลูกหลานบ้านนี้หน้าตาดีๆทั้งนั้น อย่างคุณแทนก็เรียนจบเมืองนอก คุณเทียก็กำลังเรียนอยู่ฝรั่งเศส แต่ไม่ค่อยได้ยินเรื่องคุณแทนไทมาก่อนเลยนะ หน้าตาต่างกับคุณแทนมากเลย คนนี้ดูเจ้าสำอางเหมือนคุณชายมากกว่า”

“ไทก็เป็นนักเรียนนอกนะ แต่คุณชายท่านไม่อยากเรียนมหา’ลัยที่นั่น จึงกลับมาสอบเข้ามหา’ลัยที่เมืองไทยแทน มันบอกติดบ้านไม่อยากไปอยู่ที่ไหนไกลๆ ในบรรดาสามพี่น้องดูเหมือนจะว่างที่สุด แต่ที่จริงงานมันเยอะที่สุดเลย”

“ดีจังเลยนะที่พ่อแม่มีเงินส่งเรียนแบบนี้ เราไม่มีก็ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองต่อไป”

“นี่มึงนินทากูเหรอแนนนี่”

“มึงยังไม่ไปอีกเหรอ กูพูดแต่เรื่องดีๆของมึงทั้งนั้นแหละ” แทนไทเอาของที่แม่ฝากไว้มาให้เพื่อน เป็นครีมกันแดดและเสื้อผ้าที่ไม่ผ่านคิวซี มีทั้งเสื้อยืดเสื้อเชิ้ต แม่เคยถามแนนนี่ว่าอยากได้ไหม เพราะสินค้าที่ไม่ผ่านมาตรฐานแม่จะเอาไปแจก แนนนี่มันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว มาทีไรแม่จึงมักเอาเสื้อให้เสมอรวมถึงของใช้หลายอย่าง แม่บอกว่าชอบคนสู้ชีวิต

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ