มะขามแขก (Senna alexandrina P. Miller) เป็นสมุนไพรไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องแก้อาการท้องผูก ที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน ซึ่งตามตำราสมุนำพร คือการนำใบหรือฝักแห้งมาต้มเพื่อรับประทาน แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาในรูปแบบยาเม็ด แคปซูล และยาชงทั้งแบบสมุนไพรเดียวและผสมรวมกับสมุนไพรชนิดอื่น ซึ่งต้องกินแต่พอดีและจำเป็นเท่านั้น
มะขามแขกมีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญ คือ sennoside A และ sennoside B ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้จะถูกเปลี่ยนให้มีฤทธิ์ระบายด้วยการทำงานของเอนไซม์จากแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
“กระถิน” สมุนไพรช่วยลดน้ำตาลในเลือด แต่พิวรีนสูงก่อนกินต้องระวัง
“ย่านาง” ประโยชน์สมุนไพรเย็น ขจัดพิษกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
จากนั้นจึงออกฤทธิ์กระตุ้นผนังลำไส้ใหญ่ให้เกิดการการบีบตัว รวมทั้งยับยั้งการดูดน้ำกลับที่บริเวณลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้เกิดการขับถ่าย
ขนาดและวิธีการยาระบายมะขามแขก
ปริมาณของสาร sennosides ที่แนะนำสำหรับบรรเทาอาการท้องผูก คือ 17.2-30 มิลลิกรัมต่อวัน โดยขนาดสูงสุดที่รับประทานได้ คือ 68.8 มิลลิกรัมต่อวัน
- สำหรับยาระบายมะขามแขกในรูปแบบเม็ดและแคปซูล แนะนำให้รับประทาน 2-4 เม็ด ก่อนนอน
- รูปแบบยาชง แนะนำให้รับประทานครั้งละ 2 กรัม ชงกับน้ำร้อนประมาณ 120-200 มิลลิลิตร ก่อนนอน
อาการข้างเคียงจากการใช้ยาระบายมะขามแขก
อาการข้างเคียงทั่วไปที่พบ ได้แก่ ปวดเกร็งท้อง ปวดมวนท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น
เปิดสรรพคุณ “เพชรสังฆาต” สมุนไพรไทย เด่นรักษาริดสีดวง เผยข้อควรระวัง!
ข้อควรระวังที่สำคัญ
- ผู้หญิงมีครรภ์ หรือ มีประจำเดือน ห้ามรับประทาน
- ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ท้องเสียจนเกิดการสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากเกินไป รวมทั้งยังทำให้ลำไส้ใหญ่ชินต่อยา ส่งผลให้ไม่สามารถขับถ่ายได้ถ้าไม่ใช้ยาถ่าย7
- หยุดใช้เมื่อมีเลือดออกจากทวารหนัก7
- ควรระวังการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี หรือในผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease)7
- การรับประทานยาในขนาดสูงอาจทำให้เกิดไตอักเสบ7
- ห้ามใช้ยาระบายมะขามแขกในผู้ที่มีภาวะทางเดินอาหารอุดตัน หรือปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ1
มะขามแขกเป็นสมุนไพรไทยที่มีการพัฒนาให้อยู่ในรูปยาแผนปัจจุบันหรือยาพัฒนาจากสมุนไพรซึ่งถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติสำหรับใช้เพื่อบรรเทาอาการท้องผูก มีผลทำให้การถ่ายอุจจาระคล่องขึ้น อย่างไรก็ตามไม่ควรใช้มะขามแขกติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเพราะจะทำให้ลำไส้ใหญ่ชินต่อยา และไม่สามารถขับถ่ายได้ถ้าไม่ใช้ยาถ่าย อีกทั้งควรเลือกจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ระวังยาปลอมซึ่งไม่มีฤทธิ์เป็นยาถ่ายเป็นพิษต่อร่างกายซะเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก : คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
“กระเจี๊ยบแดง” ประโยชน์สมุนไพร ชะลอไขมันอุดตันในเลือดมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
“บอระเพ็ด” สมุนไพรรสขม สรรพคุณช่วยให้เจริญอาหาร ข้อควรระวังก่อนใช้