โดย อ่าย ณัฏฐา
ขึ้นชื่อว่าเป็นเพชรก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นอัญมณีที่มีคุณค่าและมีมูลค่าสูง ไม่ว่าจะเป็นเพราะความหายาก ความใสหรือประกายระยิบระยับที่เกิดจากการเจียระไนอย่างดี ส่งผลให้เพชรแต่ละเม็ดมีราคาที่ต่างกันไปได้ทั้งสิ้น แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เพชรมีมูลค่าสูงขึ้นได้มาก คือ “สี” ของเพชรค่ะ โดยเพชรที่มีสีเหล่านี้เราจะเรียกว่าแฟนซีไดมอนด์ (Fancy Diamond)
เมื่อเทียบกับจำนวนเพชรที่มีในโลก จำนวนของเพชรสีที่ถูกค้นพบถือเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับเพชรใส เพชรสีจึงเป็นอัญมณีที่ได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อย และหากพูดถึงอัญมณีที่มีราคาแพงที่สุดในโลก มากกว่าครึ่งของอัญมณีเหล่านั้นคือเพชรสี (Fancy Diamond) ค่ะ
หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าเพชรนั้นไม่เป็นเพียงอัญมณีที่มีสีใส (หรือเรียกว่าไม่มีสี) เพียงอย่างเดียว หากยังมีสีอื่นตามธรรมชาติให้เราเลือกได้อีกมากมาย ซึ่งลำดับความหายากของสีเพชร จะถูกเรียงไว้ดังนี้
สีเหลือง สีน้ำตาล สีใส (ไม่มีสี) สีฟ้า สีเขียว สีดำ สีชมพู สีส้ม สีม่วง และสีแดง
โดยเพชรสีแดงเป็นเพชรสีที่หายากที่สุดและ เชื่อกันว่าในโลกนี้มีเพชรสีแดงจากธรรมชาติแท้ๆเพียงไม่ถึง 30 เม็ด เพชรสีแดงที่มีชื่อเสียงที่สุด เพราะมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยถูกค้นพบมา มีชื่อว่า Red Shield Diamond (Moussaieff Red Diamond) ถูกค้นพบโดยชาวบราซิลในปี 1989 ถูกนำมาเจียระไนเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม (Triangular Brilliant) มีนำ้หนักสูงถึง 5.11 กะรัต และมีมูลค่าราว 20 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 644 ล้านบาท) *ข้อมูลในปี 2021
เพชรเป็นอัญมณีประจำเดือนเมษายน ตามความเชื่อแล้ว การครอบครองเพชรในภาพรวม จะส่งเสริมให้ผู้ที่สวมใส่มีทั้งบารมี และชัยชนะเหนือผู้อื่นเสมอเพราะเพชรเป็นตัวแทนของอำนาจที่ไม่มีผู้ใดเอาชนะได้ นอกจากนั้นเพชรยังหมายถึงความเจริญรุ่งเรือง และเป็นตัวแทนของรักแท้ที่มั่นคงอีกด้วยค่ะ โดยเพชรสีแดง จะให้คุณกับผู้สวมใส่เพิ่มในเรื่องของ แรงขับ แรงพลักดันในเราไปพบเจอสิ่งที่ดี โอกาสที่ดีที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับเรานะคะ
ถึงแม้เพชรสีแดงตามธรรมชาติจะหายากมาก แต่ด้วยวิวัฒนาการที่ก้าวหน้า ทำให้อุตสาหกรรมเพชรสามารถผลิตเพชรสีแดงขึ้นมาด้วยการผ่านกระบวนการสร้างความดันและความร้อนที่เลียนแบบธรรมชาติของการเกิดเพชรสีแดงได้ เราจึงสามารถมีโอกาสพบเจอเพชรสีแดงในตลาดได้มากขึ้นค่ะ