ศิษย์เก่าฯ ขึ้นป้าย ‘#เลิกบังคับแปรอักษร’ งานจตุรมิตร ชี้ อันตรายต่อสุขภาพ เรียกร้องแก้ไข 3 ข้อ
การแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 ที่สนามศุภชลาศัย ระหว่างวันที่ 11-18 พฤศจิกายน 2566 จัดที่สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ โดยมีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 4 ทีม ประกอบไปด้วย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย, โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนเทพศิรินทร์ แชมป์เก่าและแชมป์ 6 สมัย โดยแข่งแบบพบกันหมด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง สวนกุหลาบโคตรเฟี้ยวประเดิมดับซ่า ‘ชงโคม่วง’ 2-1 บอลจตุรมิตร
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้า กลุ่มนักเรียนเก่าโรงเรียนเทพศิรินทร์และกลุ่มนักกิจกรรมเยาวชน ได้รวมตัวทำกิจกรรมระหว่างเส้นทางจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ไปสนามศุภชลาศัยเพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกบังคับนักเรียนขึ้นแปรอักษร ในงานฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30
มีการพูดปราศรัยโดยศิษย์เก่า มีการแจกคู่มือเอาตัวรอดในโรงเรียน คู่มือเอาตัวรอดจากการบังคับแปรอักษรในงานจตุรมิตรสามัคคีด้วย
ศิษย์เก่าโรงเรียนเทพศิรินทร์ให้ข้อมูลว่า งานฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคีมี 3 องค์ประกอบหลัก คือ การแข่งขันฟุตบอล การแปรอักษรโดยนักเรียน พาเหรดและโชว์พิเศษ จุดที่เป็นอันตรายต่อนักเรียนมากที่สุดคือ การแปรอักษรบนอัฒจันทร์ นักเรียนถูกบังคับห้ามไปขับถ่ายที่ห้องน้ำโดยคำสั่งและโดยสภาพแวดล้อม ทั้งยังต้องตากแดดเป็นเวลาเกินกว่า 8 ชั่วโมงติดต่อกัน ทำให้สุขภาพผิวของนักเรียนเสียหาย นักเรียนเสี่ยงที่จะเป็นลมแดดตามอากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ การที่โรงเรียนในเครือจตุรมิตรได้บังคับนักเรียนให้มาเข้าร่วมงานจตุรมิตร โดยอ้างว่าเป็นคะแนนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน อันมีผลต่อการจบการศึกษาในปีนั้น เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้และขัดต่อกฎหมาย โรงเรียนมีหน้าที่จัดให้มีกิจกรรมชุมนุมที่นักเรียนสามารถเลือกเข้าร่วมได้อย่างอิสระในทุกปีการศึกษา
โดยมีข้อเรียกร้องต่อผู้อำนวยการของโรงเรียนในเครือจตุรมิตรในฐานะผู้จัดงานให้ปรับปรุงการจัดงานฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคีให้เป็นดังต่อไปนี้
1.ยกเลิกการบังคับนักเรียนขึ้นเชียร์และแปรอักษรในงานฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 นักเรียนต้องมีสิทธิเลือกโดยสมัครใจ อาจให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมได้
2.เพิ่มเวลาพักสำหรับผู้ขึ้นแปรอักษรอย่างชัดเจน มีเวลารับประทานอาหาร มีเวลาพักเข้าห้องน้ำ มีเวลาพักเพื่อหลบแดด มีมาตรการควบคุมคนให้สามารถเดินเข้าออกได้โดยง่าย ทั้งขณะปกติและขณะฉุกเฉินเช่น ไฟไหม้
3.จัดสวัสดิการให้มีปัจจัยอื่นใดที่จำเป็นต่อการดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์บนอัฒจันทร์ เช่น ครีมกันแดดสำหรับใบหน้าและร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์ (X) ต่างติดแฮชแท็ก #เลิกบังคับแปรอักษร พร้อมกับแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าวจำนวนมาก
อย่างเช่น มิน กลุ่มนักเรียนเลว ออกมาระบุว่า “เห็นป้าย #เลิกบังคับแปรอักษร อยู่หน้าสนามศุภในวัน #จตุรมิตรครั้งที่30 ได้ยินมาจากเพื่อนที่เรียนในโรงเรียนเหล่านี้ ในวันแปรอักษร ทั้งร้อนแดด และยังโดนว้าก บางคนก็ต้องฉี่ใส่ขวด ไม่ได้ลงจากสแตนด์เลยตั้งแต่เช้ายันมืด ใครไม่เข้าร่วมก็ติด มผ. นี่คือชีวิตจริงที่อยู่หลังภาพสวยงามบนสแตนด์”
หรือรุ้ง ปนัสยา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความระบุว่า “#เลิกบังคับแปรอักษร ถ้าอ้างเป็นความภูมิใจ เด็กคงขึ้นสแตนด์เองโดยไม่ต้องบังคับเนอะ อีโก้, ความมักง่ายต้องทิ้งให้เป็น ทั้งนักเรียนทั้งครู
เพราะเคยเป็นคนที่บังคับเด็ก ม.ต้นขึ้นสแตนด์ วันนี้เลยขอเตือน ถ้าเด็กเป็นอะไรไป คุณรับผิดชอบไม่ไหวหรอก มันแทบไม่ต่างจากรับน้องโหดเลย หรือไม่จริง”
นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตจำนวนมาก ที่เป็นศิษย์เก่าออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นกัน โดยระบุว่า
“ในฐานะศิษย์เก่า ไม่ฐานะเคยนั่งตากแดดหัวแดงแปรอักษร เข้าใจความรู้สึกของคนที่อยากให้ยกเลิก
แต่อะไรที่ปฏิบัติกันมาเป็น ‘ประเพณี’ คงมีเหตุผลที่ยังดำรงอยู่ได้ นอกจากเป็นเพราะการบังคับหรือหักคะแนน ฝ่ายค้านควรมีผลสำรวจความเห็นว่ามี น.ร.ที่อยากให้ยกเลิกมาแสดงด้วยครับ”
ขณะที่เพจ “นักเกรียน เทพศิรินทร์” โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “[อัพเดตข่าว] เมื่อเช้ามีกลุ่มนักกิจกรรม นำป้ายมาแขวนตลอดทางเดินไปสนามกีฬา และมีการนำสติ๊กเกอร์ #เลิกบังคับแปรอักษร ติดบริเวณสนาม ซึ่งเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ของบางกลุ่ม ต้องคอยติดตามต่อไป”
ทั้งนี้ โลกโซเชียลก็ถกเถียงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน มีทั้งเห็นด้วยกับการเลิกบังคับแปรอักษร แต่ยังมีคนบางส่วนที่มองว่า ควรจะภูมิใจที่ได้ทำสิ่งนี้ เพราะถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ที่อาจจะไม่มีโอกาสได้ทำ เป็นต้น
chamnan.c โวยออกมาก็ดีนะ เห็นด้วยที่บอกว่าควรให้มีเวลาพัก จัดการเรื่องอาหาร เครื่องดื่ม และเข้าห้องน้ำ จัดหาครีมกันแดดให้พร้อม
12 พ.ย. 2566 เวลา 03.09 น.
Yut โรงเรียนได้หน้า เด็กทรมาน ผู้ปกครองเสียเงิน
12 พ.ย. 2566 เวลา 01.29 น.
ดูทั้งหมด