ทั่วไป

กรมหม่อนไหม คิดค้นนวัตกรรมการทำเส้นไหมยืน เส้นไหมพุ่งจากไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน สร้างอัตลักษณ์ให้ผ้าไหมไทย

สวพ.FM91
อัพเดต 21 มี.ค. 2565 เวลา 22.08 น. • เผยแพร่ 21 มี.ค. 2565 เวลา 22.08 น.

นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า ในกระบวนการทอผ้าประกอบด้วยเส้นพุ่งและเส้นยืนนำมาทอเป็นผืนผ้า ซึ่งในการผลิตเส้นไหมเพื่อใช้ในการทอผ้านั้น เส้นไหมที่ได้จากการสาวไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านส่วนใหญ่จะนำมาทำเป็นไหมเส้นพุ่งเพื่อการทอผ้า เนื่องจากเส้นใยมีความยาวค่อนข้างสั้น คือประมาณ 250 – 300 เมตร แต่นำมาทำเป็นเส้นยืนสำหรับทอผ้าได้ยาก 

กรมหม่อนไหม จึงพัฒนาเทคนิคและวิธีการสาวไหมและตีเกลียว เพื่อให้สามารถทำเส้นไหมยืนและเส้นไหมพุ่งจากไหมไทยพื้นบ้านด้วยวิธีการที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เกษตรกรสามารถทำได้เอง เส้นไหมที่สาวได้มีลักษณะกลม มีการรวมตัวของเส้นไหมดี เส้นไหมมีความแน่น ไม่แตก เมื่อนำไปทอผ้าจะได้ผ้ามีคุณภาพดีมาก เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการสาวไหมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพเส้นไหมโดยรวมของประเทศ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการทอผ้าไหมให้ได้ผ้าไหมคุณภาพ เป็นการสร้างอัตลักษณ์ให้กับไหมไทยและสามารถจำหน่ายได้ราคาสูงเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร อีกทั้งยังสามารถพัฒนาเป็นผ้าไหมลักษณะพิเศษที่มีความนุ่มพลิ้วได้ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

กระบวนการทำเส้นไหมเส้นยืนนั้น มีเทคนิคและวิธีการที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน โดยจุดเด่นของกระบวนการนี้คือ สามารถนำรังไหมรังเหลืองจากไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านมาทำเป็นเส้นไหมได้ตามความต้องการ ทั้งไหมเส้นพุ่งและไหมเส้นยืน เส้นไหมที่สาวได้มีลักษณะกลม มีการรวมตัวของเส้นไหมดี เส้นไหมไม่แตก สามารถนำมาทอผ้าไหมคุณภาพสูง หรือผ้ากิโมโนได้ 

เกษตรกรสามารถทำได้เอง ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน และสามารถสาวเส้นและตีเกลียวได้ปริมาณมากกว่าวิธีเดิม อีกทั้งยังสามารถควบคุมขนาดและคุณภาพของเส้นไหมได้ตามความต้องการและตามมาตรฐานที่กำหนดด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ