SMEs-การเกษตร

ปิ่นฟ้าฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร “รับลมชมวิว-ปั่นเรือ-ดูสัตว์-กินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา”

เทคโนโลยีชาวบ้าน
อัพเดต 20 ธ.ค. 2566 เวลา 11.22 น. • เผยแพร่ 24 ธ.ค. 2566 เวลา 03.00 น.

ฮั่นแน่! เข้าสู่ฤดูหนาวมีลมพัดเย็นๆ แบบนี้หลายคนคงกำลังมองหาที่เที่ยวสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจกันอยู่ใช่ไหม ถ้าใช่ฉบับนี้มีคำตอบ เพราะครั้งนี้ผู้เขียนมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งมาแนะนำ ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ด้วยนะ และที่นั่นก็คือ “ปิ่นฟ้าฟาร์ม” ตั้งอยู่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี นี่เอง ซึ่งสำหรับท่านที่สนใจอยากจะมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่นี่การเดินทางง่ายนิดเดียว ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงได้เปลี่ยนบรรยากาศจากตึกสูง สู่วิวธรรมชาติโอบล้อมไปด้วยทุ่งนาเขียวขจี รู้แบบนี้แล้วไม่ควรรอช้าตามมาดูกันเลยว่า ปิ่นฟ้าฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรประจำจังหวัดปทุมธานี มีกิจกรรมอะไรสนุกๆ ให้พวกเราได้ทำกันบ้าง

คุณนพดล ลัดดาแย้ม หรือ คุณตุ้ย เจ้าของปิ่นฟ้าฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ 8/5 หมู่ที่ 3 ตำบลคูขวาง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ลูกหลานเกษตรกร สู่นักพัฒนาต่อยอดผืนดินมรดกของบรรพบุรุษเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ศึกษานอกห้องเรียนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้สร้างจินตนาการ ที่สำคัญเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาชุมชน และสร้างรายได้สู่ชุมชน มาเป็นระยะเวลากว่า 7 ปีแล้ว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

คุณตุ้ย เล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นของปิ่นฟ้าฟาร์ม เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นนาข้าวมาก่อน ก็คือครอบครัวทำนาสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ซึ่งตนเองก็ได้ช่วยพ่อแม่ทำนามาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้มีความผูกพันและรักในอาชีพนี้มาอยู่แล้วตั้งแต่แรก แต่ด้วยความรู้สึกส่วนตัวการทำนาเป็นอาชีพที่ทำแล้วได้ผลตอบแทนน้อย รายได้ไม่เพียงพอสำหรับการช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว จึงเปลี่ยนจากการทำนามาทำเกษตรผสมผสาน โดยการเอานำองค์ความรู้ที่เรียนจบทางด้านประมงมาประยุกต์ใช้ปรับเปลี่ยนจากนาข้าวมาทำในลักษณะของแปลงผสมผสาน เพื่อให้สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้

จากนั้นเมื่อทำเกษตรผสมผสานได้สักพัก จากที่เคยมีรายได้หลักจากการทำนาก็เปลี่ยนเป็นรายได้จากแปลงเกษตรผสมผสานเป็นหลัก และเปลี่ยนจากที่เคยเลี้ยงปลาเนื้อ อย่างเช่นปลานิล ปลาสวาย ในนาข้าว เพราะประสบปัญหาราคาตกต่ำ และต้องง้อพ่อค้าคนกลาง จึงเปลี่ยนตลาดโดยการหันมาเลี้ยงปลาในกระชัง หรือปลาในบ่อดิน และเปลี่ยนชนิดปลาให้สามารถนำไปเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้ เช่น ปลาตะเพียนทอง ปลาสวายเผือก ปลาแรดเผือก ปลาคราพ เอามาขุนในบ่อดินสร้างมูลค่าจากปลาเนื้อเพิ่มมูลค่าได้ประมาณ 20 เท่า จากเคยขายปลานิลได้กิโลกรัมละ 10 กว่าบาท พอเป็นปลาสวยงามขายได้กิโลกรัมละ 1,000 บาท เฉลี่ยขายได้ตัวละ 100 บาท

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แล้วก็ต่อยอดการตลาด คือแทนที่จะไปส่งให้พ่อค้าคนกลาง เราก็มาเปิดหน้าร้านของเราเอง ก็ได้ผลตอบรับที่ดีมากๆ ก็เห็นช่องทางว่าธุรกิจปลาสวยงามไปได้ดี เราก็หันมาเพาะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสวยงามอื่นๆ อีก เช่น ไก่งวง ไก่ต๊อก ไก่แจ้ เต่า ม้า งู กิ้งก่า หมูแคระ แพะ นกแก้วมาคอร์ นกยูง นกกระจอกเทศ และน้องกระต่าย เหล่านี้เป็นสัตว์สวยงาม ซึ่งแทนที่เราจะขายเนื้อเป็นกิโลละ 40-50 บาท ก็ขายเป็นตัวละ 1,000-2,000 บาท ก็ช่วยสร้างมูลค่าได้เยอะ

“พอพื้นที่เราสวยงามแล้ว มีสัตว์เลี้ยงสวยงามแล้ว เราเห็นว่าสวนเรามีทำเลอยู่ริมถนน ก็เลยต่อยอดเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ทุกคนได้มาดูสัตว์ในมินิซูเล็กๆ ของเรา ได้มาดูนาข้าวที่เราปลูก ก็เลยเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร จากเมื่อก่อนนักท่องเที่ยวมาวันละ 10-20 คน เฉลี่ย 1 เดือน มีนักท่องเที่ยวมา 50-100 คน ก็เพิ่มขึ้นมาเป็นเดือนละ 10,000 คน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดปทุมธานีไปเลย” คุณตุ้ย เล่าถึงจุดเริ่มต้นของปิ่นฟ้าฟาร์ม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

มาถึง “ปิ่นฟ้าฟาร์ม” มีกิจกรรมอะไรบ้างที่ไม่ควรพลาด

ปัจจุบันปิ่นฟ้าฟาร์ม ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 61 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ทำนาปลูกข้าว 30 ไร่ ที่เหลืออีก 31 ไร่เป็นพื้นที่สำหรับทำเกษตรผสมผสาน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร พร้อมกับอากาศเย็นสบาย ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ในเมือง เพราะที่นี่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งร้อยละ 80 ของอำเภอลาดหลุมแก้วยังทำนาเป็นหลัก ทำให้เห็นบรรยากาศของที่ปทุมธานีไม่ด้อยไปกว่าที่อื่น ที่ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีภูเขา ไม่มีทะเล ไม่มีน้ำตก แต่โชคดีที่พื้นที่ตรงนี้เป็นแหล่งผลิตข้าวของจังหวัดปทุมธานี คือข้าวหอมปทุม หรือข้าว กข ต่างๆ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาได้สัมผัสวิถีชาวนา จึงนำเอานาข้าวมาเป็นไฮไลต์ของปิ่นฟ้าฟาร์ม และนอกจากบรรยากาศวิวทุ่งนาแล้ว คุณตุ้ย บอกว่า ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำอีกมากมายที่มาถึงปิ่นฟ้าฟาร์มแล้วต้องห้ามพลาดกับไฮไลต์ ที่แบ่งออกเป็น 4 โซนหลักๆ ดังนี้

1. โซนร้านอาหาร&คาเฟ่ ริมขอบสระน้ำทั้งหมด ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ โดยมีให้เลือกโซนที่นั่งทั้งหมด 3 โซนด้วยกัน คือ 1. โซนทิวไผ่ บรรยากาศร่มรื่นด้วยสวนไผ่ มีเปลผูกไว้ให้นอนพักผ่อน 2. ซุ้มริมน้ำ นั่งรับลม ดูปลา กินอาหาร ให้บรรยากาศเป็นส่วนตัว 3. โซนห้อยขา กินลม ชมวิวมองไปข้างหน้าเห็นนาข้าวเขียวขจี มองดูข้างล่างเห็นปลาสวยงามกำลังแหวกว่าย ให้ความรู้สึกดีสุดๆ โดยอาหารที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านคือ ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา และพิซซ่าสูตรเฉพาะของปิ่นฟ้าฟาร์ม และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย เช่น สเต๊ก ของกินเล่น ของหวาน กาแฟ ส้มตำ ยำ หมูสะเต๊ะ หอยทอด

2. โซน Mini Zoo สวนสัตว์ขนาดย่อม เข้าชมฟรี โดยภายในโซน Mini Zoo จะประกอบไปด้วยสัตว์เลี้ยงสวยงามนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไก่งวง ไก่ต๊อก ไก่แจ้ เต่า ม้า งู กิ้งก่า หมูแคระ แพะ นกแก้วมาคอร์ นกยูง นกกระจอกเทศ เป็ด ห่าน และน้องกระต่าย ไว้สำหรับให้ครอบครัวที่มีเด็กๆ พาลูกพาหลานมาท่องเที่ยวเพื่อเสริมสร้างจินตนาการ พร้อมกับมีกิจกรรมให้อาหารสัตว์เพื่อสร้างความสนุก และรู้จักแบ่งปันได้ที่โซนนี้เลย

3. โซนท่องเที่ยวเชิงเกษตร เรียนรู้วิถีการทำนา เดินชมบ่อบัว สวนผลไม้ แล้วมาปั่นเรือชมธรรมชาติได้ที่โซนนี้

4. โซนของฝาก ที่เป็นสินค้าตลาดชุมชน เปิดขายวันเสาร์-อาทิตย์ โดยเป็นสินค้าของคนในชุมชน มีทั้งผักปลอดสารพิษ ขนมพื้นบ้านที่หากินไม่ได้จากที่ไหน รวมถึงสินค้าการเกษตร เช่น ดินปลูก ปุ๋ย ต้นพันธุ์ไม้ผล ไม้ยืนต้น มาจำหน่ายในราคาเป็นกันเอง

“ถ้าเป็นตลาดของฝากเรามีทุกวัน แต่ร้านของคนในชุมชน เช่น ร้านผักปลอดสารพิษ ขนมไทย และของโอท็อป จะมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตรงนี้ถือว่าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้สู่ชุมชน และหลายภาคส่วน เพราะเราดึงลูกค้าเข้ามาในซอยเราได้เดือนละหมื่นคน หมื่นคนก็แวะนั่นแวะนี่ ซื้อของข้างทาง อีกส่วนเขาก็มาวางขายในฟาร์ม เราก็เก็บแค่ค่าน้ำค่าไฟ แล้วให้มาขายกันเลย รวมถึงเด็กนักเรียน ชาวบ้านในพื้นที่ก็มีงานทำ เราก็จ้างเด็กๆ วันเสาร์-อาทิตย์ มาเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟอาหาร ก็เกิดรายได้ในชุมชน เกิดเป็นแหล่งเรียนรู้ เกิดเป็นผู้นำด้านการเกษตร ที่อย่างน้อยเราจบเกษตรมาเราไม่จำเป็นต้องง้อพ่อค้าคนกลาง แต่อันนี้เราสามารถกำหนดราคาขายเองได้ ควบคู่กับการตลาดแบบซื่อสัตย์และจริงใจต่อลูกค้า คือการนำเอาคอมเมนต์ของลูกค้ามาปรับปรุงอยู่ตลอดเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ลูกค้าเรามีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยังคงรักษามาตรฐานได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง” คุณตุ้ย กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากมาท่องเที่ยวพักผ่อน กินลมชมวิวที่ปิ่นฟ้าฟาร์ม ที่นี่เขาเปิดให้บริการทุกวันจันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. หรือสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 063-506-6746 เพจเฟซบุ๊ก : ปิ่นฟ้าฟาร์มปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว

ดูข่าวต้นฉบับ