1. สุขหรือทุกข์ เกิดจากใจที่เป็นอิสระจากกิเลส จิตที่เต็มไปด้วยความโลภ โกรธ หลง นำมาซึ่งความทุกข์ หนทางดับทุกข์ทางตรง มิใช่อื่นใด เป็นหนทางเดียวกับการลด ละ ความโลภ โกรธ หลง
2. เราต่างมีชีวิตเพื่อแสวงหาสันติ สันตินี้เป็นมากกว่าความสุขใจ มันคือความไร้กังวล ไม่โหยหาอดีต ไม่มีความหวาดหวั่นในอนาคต ไม่มีความปรารถนาที่จะเป็น และขับเคลื่อนตัวเองไปสู่อะไร สภาวะที่ว่านี้เป็นเหมือนบ้าน เราไม่ได้กลับบ้านมานานมากแล้ว เราต่างกำลังหาทางกลับบ้านอยู่
3. ฉัน เธอ และเขา กำลังเดินทาง โลกภายนอกเราอาจแตกต่าง บางคนยากจน บางคนร่ำรวย มีชนชั้นวรรณะ แต่โลกภายในเราไม่ต่างกันเลย ฉันเจ็บเป็น เธอก็เจ็บเป็น ฉันเศร้าเป็น เธอก็เหงา เศร้า ท้อแท้ในบางวันเหมือนฉัน แม้เราหลุดจากมุมมองที่คิดถึงตนเองเพียงเล็กน้อย เราก็อาจให้อภัยกันได้มากกว่านี้
4. ชีวิตที่ผ่านมา คือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว แต่บางอย่างยังคงอยู่ ทุกคนล้วนมีบาดแผล มีที่มาที่ไป จงอย่าตัดสินใครเลย การตัดสินทำให้เราถูกความชั่วร้ายในใจตนครอบงำ เขาอาจไม่เป็นเช่นนั้น เธออาจไม่เป็นเช่นนั้น เราอาจคิดไปเอง เราอาจใช้ประสบการณ์ของเราในการชี้วัดอะไรต่อมิอะไรมากเกินไป เขาคือมนุษย์ เหมือน ๆ กับที่เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เว้นที่ว่างให้ความผิดพลาดของผู้อื่น คือการเปิดพื้นที่ในใจตนให้กว้างขวาง
5. ฉันเป็นคนมีความฝัน เธอก็เป็นคนมีความฝัน เราต่างมีความฝันมากมาย บางฝันฉันทำได้ แต่หลายฝันก็ทำไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร เราคือคนธรรมดา ล้มได้ก็ลุกได้ ชีวิตเริ่มใหม่ได้เสมอ และฉันขอเป็นกำลังใจให้เธอ
6. คนบางคนในชีวิต ฉันเกือบลืมไปเหมือนกัน ทั้งคนที่ดีกับฉัน ทั้งคนที่เคยทำร้ายฉัน คนที่ดีกับฉัน ฉันรู้สึกขอบคุณ สำนึก คนที่ไม่ดีกับฉัน ฉันก็รู้สึกขอบคุณและสำนึก ฉันไม่ได้โกรธอะไร ๆ พวกเขาแล้ว หากชีวิตมีแต่ความสมหวัง แล้วเราจะเอาความแข็งแกร่งอดทนมาจากไหน
7. พระพุทธเจ้า พระเยซู และศาสดาทั้งหลายสอนให้เราอยู่กับปัจจุบันขณะ ท่านเหล่านั้นว่า มันเป็นหนทางเดียวที่เราจะไม่เป็นทุกข์ ฉันก็พยายามทำ บางครั้งทำได้ บางครั้งทำไม่ได้ เมื่อรู้ตัวว่าทำไม่ได้ ฉันก็ยอมรับ ขณะใดทำได้บ้าง ก็เกิดกำลังใจ มีแรงฝึกฝนจิตใจต่อไป
8. ท้องฟ้าช่างกว้างใหญ่ แต่เราตัวเล็กนิดเดียว หากเราแข่งกับฟ้า คิดแบ่งแยกตนเองออกจากธรรมชาติ เราคงไม่มีวันเอาชนะ ฉันคิดว่าวิธีนี้มันยิ่งทำให้มีความทุกข์มากขึ้น กลับสู่ธรรมชาติดีกว่า ฉันล้มเลิกความคิดที่จะแข่งกับท้องฟ้าแล้ว คิดเพียงว่า ฉันเกิดมาทีหลังท้องฟ้า เกิดมาแล้วบนหัวก็มีท้องฟ้าอยู่แล้ว ฉันน่าจะเป็นมิตรกับเขา แล้วฉันก็นั่งมองท้องฟ้าอย่างมีความสุข บางครั้ง ฉันคิดว่า ท้องฟ้ากับฉันเป็นหนึ่งเดียวกัน
9. เราทุกคนต้องตายใช่ไหม ใครบางไม่รู้คำตอบของคำถามนี้ ฉันคิดว่า ความสุขกับความตายคือสิ่งเดียวกัน ความตายคือของขวัญของชีวิตไม่ใช่การสาปแช่ง วันหนึ่งฉันต้องตาย วันหนึ่งเธอต้องตาย วันหนึ่งเราทุกคนต้องตาย แต่วันนี้สิ เรายังหายใจได้ เราจะใช้เวลาที่มีของเราอยู่ ณ ขณะนี้เพื่อทำอะไร
ฉันจะใช้มันไปกับความสุข กับคนที่ฉันรัก กับคนที่ฉันปรารถนาดี กับเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายในยุคสมัยของฉัน ถ้าเป็นไปได้ฉันจะโกรธให้น้อยที่สุด ถ้าเป็นไปได้ฉันจะรู้จักพอให้มากที่สุด ฉันชอบต้นไม้ ฉันหวังว่าฉัน จะได้มีชีวิตอย่างต้นไม้ต้นหนึ่ง ชีวิตที่แสนธรรมดา แต่ร่มรื่น เธอดูสิ ต้นไม้มีแต่ความพอใจเป็นที่ตั้ง มันไม่ทะเยอทะยาน ไม่ได้โลภ มันไม่เคยพยายามที่จะเป็นสิ่งอื่นเลย มันเป็นตัวเอง อ่อนโยน เข้มแข็ง และไม่ทำร้ายใคร ฉันคิดว่า คนที่มีใจอย่างต้นไม้ จะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกคนหนึ่ง
10. เรามีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใดหรือ
บางครั้งมันอาจไม่มีคำตอบ หรือเราเพียงแค่ดำรงอยู่ เฝ้ามองและสังเกต บางทีการสังเกตอย่างแผ่วเบา อาจเป็นความหมายของการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็ได้…
ผมคิดว่าในการดำเนินชีวิตอย่างมีสติและคิดพิจารณาให้รอบครอบอย่างดีแล้ว ก็ย่อมสามารถที่จะช่วยในการดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องและมีความสุขได้เสมอ.
04 ธ.ค. 2562 เวลา 11.51 น.
🌈⭐🤟🏽I am Min.🤟🏽🌞🌈🌈 ชอบคะ ขออนุญาตุแคปนะคะ
04 ธ.ค. 2562 เวลา 11.57 น.
pongsai klommit ขี้เกียจอ่านร่ายยาวไร้สาระคนดีคิดเป็นแค่ปรับใช้คำสอนของพระพุทธเจ้าถือศีลห้า ทำจิตให้สะอาด สว่าง สงบ ก็มีชีวิตที่ดีได้แล้ว
05 ธ.ค. 2562 เวลา 03.32 น.
🫧 สำหรับผม ในที่สุดแล้ว
ความสุขชีวิตที่เหลือ คือการทำให้ คนที่รัก คนรอบกาย สิ่งมีชีวิตรอบข้าง คนรุ่นหลังที่จะต้องมีชีวิตต่อๆไป มีความสุข ไม่มีทุกข์ อยู่อย่างสุขสบาย
ดั่งเหมือนน้ำชโลมจิตใจให้ตัวเรามีความสุขก่อนจะจากไป
04 ธ.ค. 2562 เวลา 23.38 น.
Yongyuth เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพุทธศาสนา ก็อยากจะ เข้าถึงแก่นแท้ ของศาสนา ได้แก่ วิมุตติสุข หรือนิพพาน อันเป็นโลกุตระธรรมเหนือโลก ซึ่งจะมาถึงได้ก็เพราะความเพียร เจริญมรรค 8 ด้วยดวง ปัญญา สัมมาทิฏฐิอันเกิดจาก ศีลสมาธิปัญญา ซึ่งเป็น โลกียะกุศล ใช้ละบาป อกุศล กิเลส โลภะ โทสะโมหะทิฐิ มานะ อันเกิดจาก อวิชชาตัณหา ก่อให้เกิดการยึดมั่นถือมั่น มีตัวกูของกู ที่เรียก อัสมิมานะ ซึ่งเป็นกิเลส ฝ่ายดี ซึ่งจะ ผูกสัตว์ไว้ในโลก จนกว่าจะเกิด ความรู้ในอริยสัจ 4 สามารถ ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น ด้วยทิฐิในขันธ์ 5 ได้
06 ธ.ค. 2562 เวลา 08.26 น.
ดูทั้งหมด