ทั่วไป

ทวงสัญญาค่าแรง 425 บาท!! พิชัย เย้ย ตอนนั้นก็แค่หาเสียง สุดท้ายขึ้นแค่ 6 บาท

Khaosod
อัพเดต 07 ธ.ค. 2562 เวลา 04.08 น. • เผยแพร่ 07 ธ.ค. 2562 เวลา 03.58 น.

“พิชัย” ชี้ ค่าแรงที่ขึ้นมาเพียงแค่ 6 บาท แสดงถึงรัฐบาลบริหารล้มเหลว ติง “ประยุทธ์” ยิ่งพูดยิ่งผิด เย้ย เศรษฐกิจทรุด การเมืองย้อนยุค และสังคมเสื่อมทราม

วันที่ 7 ธ.ค. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-6 บาททั่วประเทศ แสดงถึงความล้มเหลวของการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลตลอด 5 ปี เพราะการขึ้นค่าแรงดังกล่าวไม่ได้ทำให้ทั้งผู้ใช้แรงงาน และ ทั้งนายจ้างพอใจเลย โดยผู้ใช้แรงงานคาดหวังว่ารัฐบาลจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท ตามที่พรรคพลังประชารัฐได้หาเสียงไว้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ในขณะที่นายจ้างที่เป็นเจ้าของกิจการต้องรับภาระค่าแรงที่สูงขึ้น ทั้งๆที่บริษัทกำลังย่ำแย่ การค้าขายฝืดเคือง ธุรกิจทำท่าจะไปไม่รอด ซึ่งถ้ารัฐบาลสามารถบริหารเศรษฐกิจได้ดี เศรษฐกิจขยายตัวได้ตามศักยภาพทุกปี และรัฐบาลทะยอยขึ้นค่าแรงในระดับที่เหมาะสมทุกปี ตลอด 5 ปีผ่านมา ผู้ใช้แรงงานก็น่าจะมีรายได้ขั้นต่ำถึง 400 บาทแล้ว

ขณะที่หน่วยธุรกิจ ถ้าเศรษฐกิจดี ค้าขายคล่องมีกำไร การขึ้นค่าแรงทีละขั้นทุกปี ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะจะมีกำไรมาแบ่งปันลูกจ้างผู้ใช้แรงงานได้ แต่ในปัจจุบันเศรษฐกิจก็แย่ การค้าขายก็ซบเซา การขึ้นค่าแรงจึงเป็นเหมือนการซ้ำเติมธุรกิจให้ทรุดลงอีก และอาจถึงกับต้องปิดกิจการได้

นายพิชัย กล่าวต่อว่า ตอนที่พรรคพลังประชารัฐหาเสียงค่าแรงขั้นต่ำที่ 400-425 บาท แสดงให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ ที่มีรัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐบาลลาออกไปบริหาร ไม่ได้รับทราบสถานะเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศเลย ซึ่งตนได้เคยทักท้วงไว้แล้วว่าอย่าเพียงแต่พูดหาเสียงแต่จะไม่สามารถทำได้เนื่องจากเศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาตลอด 5 ปี

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อีกทั้งการลงทุนหดหาย การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ก็ไม่มี การจะขึ้นค่าแรงในธุรกิจเดิมที่ย่ำแย่อยู่แล้วจะไม่สามารถทำได้ อีกทั้งจะยิ่งผลักให้นักลงทุนไม่มาลงทุนมากขึ้น แต่พรรคพลังประชารัฐโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และ เป็น อดีต รมว. อุตสาหกรรม ก็ยังปากแข็งยืนยันว่าทำได้แน่ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้อย่างที่พูดหาเสียง

ทั้งนี้ การประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผิดพลาด ยังคงเป็นอยู่ถึงปัจจุบันที่มีแต่นโยบายการแจกเงิน แต่ประเทศไม่ได้พัฒนา ซึ่งจะสร้างปัญหาทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ประเทศไทยจะต้องเร่งปรับเปลี่ยนการผลิตและการบริการให้มีการใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น เพื่อที่หน่วยธุรกิจจะสามารถขึ้นค่าจ้างแรงงานได้มากขึ้น ซึ่งเป็นวัฏจักรการพัฒนาของประเทศรายได้สูงที่พัฒนาแล้ว ซึ่งต้องอาศัยผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่จะนำพาประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

หากปัจจุบัน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ยังสับสน วันหนึ่งบอกให้คนพูดเรื่องเศรษฐกิจมากๆ และยังบอกว่าประเทศที่เจริญแล้วประชาชนเขาจะพูดเรื่องเศรษฐกิจกันมาก แต่พอมาอีกวันบอกไม่อยากให้วิจารณ์เศรษฐกิจเพราะจะทำให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจยาก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทั้งๆที่ประเทศที่พัฒนาแล้วเขาจะช่วยกันวิจารณ์เศรษฐกิจเพื่อหาทางออกให้ประเทศ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ควรจะต้องรับฟัง เพราะความรู้ทางเศรษฐกิจของพลเอกประยุทธ์มีน้อยถึงน้อยมากอยู่แล้ว อีกทั้งยังกล้าบอกว่าตลอด 5 ปี ประเทศพัฒนาทุกด้าน ซึ่งสวนกับความเป็นจริง เพราะประเทศไทยเสื่อมถอยทุกด้านทั้ง เศรษฐกิจ การเมือง และ สังคม

โดยเศรษฐกิจทรุดต่ำอย่างหนักที่ทุกคนในประเทศรู้สึกได้ หุ้นก็ตกหนัก ด้านการเมืองยิ่งเสื่อมถอย ย้อนหลังไปในอดีตที่ยังมีการซื้องูเห่าจากพรรคฝ่ายค้าน และยังพยายามหนีการตรวจสอบ แม้กระทั่ง การตรวจสอบการใช้อำนาจเผด็จการด้วย ม. 44 ในอดีต ด้านสังคม ยิ่งเสื่อมทราม มีการใช้ความรุนแรง และ การใช้อำนาจบาตรใหญ่ของคนจำนวนมาก ซึ่งอาจจะเป็นผลของการเลียนแบบผู้นำที่เป็นตัวอย่างของความรุนแรงและการลุแก่อำนาจ

นายพิชัย ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ยังมีการตำหนิว่าประชาชนใช้จ่ายเงินแต่งตัวกันมาก และ ทำจมูก ทั้งที่เป็นสิทธิส่วนบุคคล อีกทั้งพลเอกประยุทธ์คงจะไม่ทราบและไม่มีความรู้ว่าธุรกิจเสริมความงาม มีมูลค่ามหาศาลปีละหลายหมื่นหลายแสนล้านบาทในประเทศไทย โดยมีทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศที่บินมาใช้บริการในประเทศไทย

การตำหนิดังกล่าวแสดงถึงความไม่รู้เรื่องทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หากผู้นำยังมีวิสัยทัศน์ที่คับแคบ แถมยังแสดงความเห็นแบบไม่ไตร่ตรองก่อนพูด ก็จะเป็นการยากที่ประเทศไทยจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจและยากที่จะพัฒนาได้

 

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 216
  • any blue
    เศรษฐกิจอย่างนี้ หากขึ้นค่าแรงจริง คนตกงานเพียบ ของแพงขึ้น คนฐานะธรรมดา คนจนตายเรียบ
    07 ธ.ค. 2562 เวลา 05.08 น.
  • OLLY 🍀 운수 좋은
    จะพรรคไหนก็ตาม หาเสียงด้วยนโยบายอะไรไว้ ประชาชนเลือกท่านเพราะนโยบาย ก็ควรผลักดันให้ได้ หรือแสดงความชัดเจนให้ประชาชนเห็นว่ากำลังทำด้วยขั้นตอนยังไง ปลายทางจะสำเร็จตามนโยบายยังไง เมื่อไหร่ ไม่ใช่ท่านได้เข้าไปแล้วเทประชาชน ลืมนโยบาย/คำสัญญาตอนหาเสียง บิดเบือนสารพัด กลับกลายเหมือนประชาชนไม่ฉลาดไม่เข้าใจ ส่วนผู้นำรัฐบาล ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้ท่านนำพารัฐบาลทำนโยบายให้สำเร็จ ยังไงท่านก็มีพันธะร่วมกับทุกพรรคร่วมทั้งหมด ตอนนี้ท่านเป็นนายกฯ ที่ดูแลการทำงานของคณะรัฐบาล ไม่ใช่ทหารที่ควบคุมนักการเมือง
    07 ธ.ค. 2562 เวลา 04.33 น.
  • PTD
    ขึ้นตั้ง6บาท น่าเอาเหรียญไปเขวี้ยงหน้ารัฐบาลจัง
    07 ธ.ค. 2562 เวลา 04.11 น.
  • ป๋ายงค์
    บ้านเมืองมีปัญหาทุกวันนี้เพราะอะไร-ประชานิยมใช่ใหมการขึ้นค่าแรงก็เป็นตัวปัญหาที่สำคัญที่ทำให้ประเทศย่ำแย่แหกตาดูเพื่อนบ้านเราซิค่าแรงเท่าไหล่ทำไมเขาเจริญได้นักการเมืองรู้ดีทุกอย่างแต่ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองหวังเข้ามาโกงเท่านั้นต่างชาตเข้ามาทำงานเพราะอะไร-โรงงานปิดเพราะอะไรก็เรื่องค่าแรงทั้งนั้นโรงงานเขาไม่ได้เจ้งเขาหนีไปเปิดที่ประเทศเพื่อนบ้านของเรานี่แหละค่าแรงถูกกว่าร่วมครึ่งเมื่อก่อนเราผลิตส่งไปขายให้เขาอีกหน่อยผลิตที่บ้านเขาส่งมาขายบ้านเราแล้วจะให้เสฐกิจดีได้อย่างไรพวกมึงรู้ทุกอย่างถึงได้โกง
    07 ธ.ค. 2562 เวลา 04.59 น.
  • อาอึ่ง
    มารอดูผลกระทบของการขึ้นค่าแรงดูนะ!? อาจมีบางโรงงานทยอยย้ายฐานผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน และไกล้ตัวที่สุดคือสินค้ารอจ่อขึ้นราคา...(..ถ้ามาม่าหรือสินค้าตัวอื่นๆจ่อขึ้นราคาอีก(แค่1บาท) ...รวมหลายๆชนิดในตะกล้าจะเป็นหลายๆบาทที่ต้องจ่ายเพิ่มในต่อครั้งที่เราไปช๊อป... แล้วคุ้มไหมที่เรียกร้องไม่ว่าจะเป็นกี่มากน้อยบาทก็ตามที่ออกอยากเรียกกัน...คุ้มค่ากันไหม!? พวกนายทุนรอจ้องหาจังหวะที่จะขึ้นราคาสินค้าอยู่แล้วนะ ...@เรียกร้องให้นายทุนมีการลดค่าครองชีพลดค่าสินค้า.ลดค่าสาธารณูปโภคเพื่อใช้จ่ายถูกลงจะดีกว่าไหม?
    07 ธ.ค. 2562 เวลา 04.34 น.
ดูทั้งหมด