แคสเปอร์ สไตสวิก หัวหน้าฝ่ายบริหารรายได้ของ เอซี มิลาน เผยว่าทีมของเขาได้หารือกับสโมสร ลิเวอร์พูล เพื่อทำตามแนวทางกลับมาสู่ทีมระดับหัวแถวของยุโรปอีกครั้ง
ทัพ "รอสโซเนรี่" และ "หงส์แดง" ต่างก็เป็น 2 ทีมที่ประสบความสำเร็จและมีประวัติศาสตร์อย่างยาวนานในแวดวงฟุตบอลยุโรป ก่อนที่จะพบกับมรสุมที่ทำให้ทั้ง 2 ทีมพบกับความล้มเหลวและร้างลาแชมป์มาอย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตามเป็นทางด้านลิเวอร์พูล ที่สามารถพลิกกลับมากลายเป็นทีมหัวแถวของยุโรป และคว้าแชมป์ลีกในรอบ 30 ปี จนได้รับความชื่นชมโดยเฉพาะในแง่ของการบริหารจัดการและนโยบายในการสร้างทีม
"เราได้พูดคุยหารือกับทาง ลิเวอร์พูล มาตลอด เพราะพวกเราทั้ง 2 ทีม ผ่านเส้นทางมาในรูปแบบเดียวกัน อย่างกับที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้" สไตสวิก กล่าวกับ The Associated Press
"พวกเรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อกลับไปสู่จุดที่เราควรจะอยู่ และหากมองจากมุมนี้ มันก็จะช่วยเปิดประตูสำหรับโอกาสให้กว้างขึ้นเมื่อคุณมีถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก 7 สมัย การได้เล่นฟุตบอลยุโรปคือวาระสูงสุด มันเป็นสถานที่สามัญที่พวกเราควรจะไปอยู่
"เมื่อ 4 หรือ 5 ปีที่แล้ว ไม่มีใครนึกถึง ลิเวอร์พูล แล้วคุณลองมาดูจุดที่พวกเขาอยู่ตอนนี้"
"พวกเขาเล่นฟุตบอลที่มีเสน่ห์ พวกเขากำลังเดินหน้าคว้าแชมป์ อีกทั้งยังมีผู้จัดการทีมและนักเตะที่มหัศจรรย์ ตอนนี้พวกเขากำลังทำแบบเดียวกันในแง่ของธุรกิจ"
"มันอาจจะต้องใช้เวลา แต่โมเดลของพวกเขามันได้ผล พวกเราเองก็เป็นแบรนด์ระดับโลกที่ชัดเจนเหมือนกัน ผมอาจจะพูดถึงการตลาดในอิตาลี มากเกินไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสนี้มันจะผลักดันให้เราคิดถึงการเปิดตลาดสากลอีกครั้ง"
KTU ... อ้วนเสี้ยว มีทหาร 7 แสน แต่แพ้ โจโฉ ที่ใช้ ทหาร 70,000 คน...โจโฉ มีแผนการรบ แต่ อ้วนเสี้ยวคิดว่า คนตัวเองดีและเยอะกว่า....
10 ก.ค. 2563 เวลา 03.52 น.
สุระศักดิ์ แมนซิตี้ใช้เงินมากกว่าหงส์ทุกปีแต่ก็ยังไม่ได้เป็นแชมป์ยุโรปเลยปีนี้มีหวังบุกไปชนะมาดริดมีอเวย์โกลแล้วสู้ๆๆ
10 ก.ค. 2563 เวลา 03.00 น.
ต้องใช้เวลาสร้างทีมใหม่ การซื้อตัวแพงๆ ค่าจ้างแพงไป มาเล่นในทีมอาจจะได้แชมป์เร็ว แต่ไม่ยั่งยืน
09 ก.ค. 2563 เวลา 17.44 น.
ShelL หงษ์ก็ทุ่มใช่น้อยนะ
ถ้าเจ้าของทีมจอสฮิลเลตคนเดิมคงยังไม่เกิด
10 ก.ค. 2563 เวลา 00.39 น.
Málin ทีมนี้ผมเคยจำว่าเชียร์ครั้งสุดท้ายคือ ปี2006
10 ก.ค. 2563 เวลา 05.10 น.
ดูทั้งหมด