เครู้สึกกันไหมว่าสมาร์ทโฟนของเราเริ่มใช้งานได้น้อยลงเนื่องจากแบตเตอรี่ที่หมดเร็วขึ้น แม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้งานหนักๆ อย่างเล่นเกมหรือดูวิดีโอเลยก็ตาม แล้วมันเกิดสาเหตุนี้ได้อย่างไร? เราลองมาหาคำตอบจาก 5 พฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนที่ทำร้ายแบตเตอรี่กัน
1. ใช้สัญญาณ Wi-Fi อ่อน
แต่ละครั้งที่สมาร์ทโฟนของเราทำการเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi หรือพยายามให้สัญญาณยังคงเชื่อมต่ออย่างเสถียร นั่นถือเป็นส่วนที่ใช้พลังงานค่อนข้างมาก (แต่น้อยกว่าใช้สัญญาณเครือข่าย) และหากยิ่งอยู่ในสภาพที่สัญญาณอ่อนหรืออยู่สถานที่ที่มีผู้คนเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi เดียวกันในจำนวนมาก ก็จะยิ่งทำให้แบตฯ สมาร์ทโฟนของเราหมดไวยิ่งขึ้น รวมไปถึงการใช้ฟีเจอร์สลับเครือข่ายอัจฉริยะระหว่างสัญญาณเครือข่ายและสัญญาณ Wi-Fi อีกด้วย
2. การใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ
เมื่อเราใช้งานแอพใดแอพหนึ่งในสมาร์ทโฟนของเรา นั่นย่อมทำให้เกิดการกินแบตอยู่แน่นอน แต่หากเราต้องการรู้ว่าแอพไหนที่ใช้งานมากที่สุด ก็ให้เราเช็คได้ที่ตัวเลือกของ "แบตเตอรี่" ทั้งอุปกรณ์ Android และ iOS
3. เปิดตำแหน่ง GPS
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟนของเราใช้งานอย่างหนัก นั่นคือ การเปิดตำแหน่ง หรือ GPS ไว้ตลอดเวลา ซึ่งหลายแอพพลิเคชั่นมักจะใช้งานตำแหน่งของเราเพื่อบันทึกข้อมูลลงไป เช่น Twitter หรือ Facebook เป็นต้น
และหากเราต้องการที่จะจำกัดแอพพลิเคชั่นที่เข้าถึงตำแหน่งของเราก็สามารถเลือกได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
สำหรับอุปกรณ์ Android (อาจต่างกันเล็กน้อยในแต่ละรุ่น) : ตั้งค่า > การเชื่อมต่อ > ตำแหน่ง จากนั้นให้ดูที่ "คำขอตำแหน่งล่าสุด" และทำการเลือกแอพฯ ที่เราไม่อนุญาติให้เข้าถึงตำแหน่ง โดยทำการปิดในส่วนของ สิทธิ์ของแอพ (Permissions)สำหรับอุปกรณ์ iOS : ตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัว > ตำแหน่ง จากนั้นให้ทำการเลือก/ไม่เลือก แอพต่างๆ
4. อุณหภูมิเครื่องสูงเกินไป
แบตเตอรี่ลิเธียม (Li-ion) ที่ใช้ในสมาร์ทโฟนแทบทุกรุ่น อาจไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เมื่ออยู่ในสภาพอากาศที่เย็นหรือร้อนเกินไป ทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ไวมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น เราจึงควรจะดูแลอย่าให้สมาร์ทโฟนของเราร้อนหรือเย็นจนเกินไป ทั้งการเล่นเกมนานๆ หรืออยู่ที่ที่ระบายอากาศน้อย
5. หน้าจอแสดงผล
หากเราชอบใช้สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอกว้างหรือใหญ่กว่าปกติ นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่ใช้งานอย่างหนักหน่วงด้วยความต้องการของเม็ดพิกเซลที่จะแสดงผลบนหน้าจอ โดยวิธีแก้ไขแบบง่ายๆ คือ การปรับความสว่างหน้าจอให้น้อยลง (ปิดตัวเลือก
"ปรับความสว่างอัตโนมัติ"
ออก) หรือพยายามใช้หน้าจอให้น้อยลงและแบ่งช่วงเวลาการใช้สมาร์ทโฟนอย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ ก็ยังมีสาเหตุหลักอื่นๆ อีกมาก เช่น การชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ข้ามคืน หรือการใช้พัดลมขนาดเล็กที่ต้องเชื่อมต่อกับช่องเสียบแบตเตอรี่ของเรา เป็นต้น และหากใครคิดว่าทริคข้างต้น อาจจะช้าเกินไปสำหรับอุปกรณ์ของเรา ก็ให้ลองทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ศูนย์หรือร้านค้าของแต่ละแบรนด์ทันที
damrong c ขอบคุณข้อมูลครับ เราใช้ครบ 12 เดือน
ก็เปลี่ยนที่ศูนย์ที่เราซื้อเครื่อ สบายใจ.
16 ม.ค. 2561 เวลา 21.40 น.
ไม่กลัว ใช้ 6 เดือน ไม่เกินปีก็โละให้เด็กในบ้านใช้แทนแล้ว ซื้อรุ่นใหม่อินเทรนด์สบายใจกว่า
16 ม.ค. 2561 เวลา 15.16 น.
ไม่กลัว ขออย่างเดียว ผลิตแบตสำรองให้มีประสิทธิภาพมากๆก็พอ
16 ม.ค. 2561 เวลา 12.08 น.
Angelo B0 3310 จัดไป
16 ม.ค. 2561 เวลา 11.08 น.
เออ! โน เกีย จอสี555
16 ม.ค. 2561 เวลา 08.58 น.
ดูทั้งหมด