อธิบดี คพ. เผยฝุ่นพิษยังท่วมกรุงอีก 2-3 วัน ส่วน บก.จร.-ขนส่งทางบก ตรวจเข้มควันดำ

อธิบดี คพ. เผยฝุ่นพิษยังท่วมกรุงอีก 2-3 วัน ส่วน บก.จร.-ขนส่งทางบก ตรวจเข้มควันดำ

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นPM2.5 คพ. ได้สนับสนุนข้อมูล ประสานและบูรณาการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับความเข้มข้นมาตรการ ตามบัญชาท่านนายกรัฐมนตรี ที่ให้ทุกหน่วยงานดำเนินงานอย่างเข้มงวดและเร่งด่วนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น โดยหน่วยงานต่างๆ เร่งระดมสรรพกำลังควบคุมกำกับดูแลแหล่งกำเนิด เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 63 อาทิ กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) จัดชุดตรวจการ 16 ชุด ตรวจวัดควันดำรถบรรทุก และรถโดยสาร รวมทั้งสิ้น 394 คัน พบเกินมาตรฐาน และพ่นห้ามใช้ 4 คัน กองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.) ได้จัดชุดปฏิบัติการ 17 ชุด ตั้งจุดตรวจสอบตรวจจับรถควันดำ ตรวจรถ จำนวน 537 ราย ออกคำสั่งห้ามใช้ชั่วคราว 20 ราย กรมทางหลวง พ่นฝอยละอองน้ำความดันสูงเพื่อลดฝุ่นหน้าด่าน สะพานลอยคนข้าม ฉีดล้างทำความสะอาดผิวจราจรบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง

นายประลอง กล่าวอีกว่า ขณะที่กทม. ร่วมกับ บก.จร. ขบ. และ ขสมก. ตรวจวัดรถสองแถวที่ท่าปล่อยรถ พร้อมติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำเพื่อดักจับฝุ่นในบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง ล้างทำความสะอาดถนน รณรงค์ให้ความรู้เรื่องฝุ่นละออง PM2.5 รวมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวของประชาชน กรมโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่มีนัยสำคัญที่ก่อให้เกิดฝุ่น กรมอนามัยแจ้งเตือนสถานการณ์และแนะนำการปฏิบัติตนของประชาชน เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ 5 กลุ่มเสี่ยง และวิธีป้องกันดูแลตนเอง และกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานข้อมูลการพยากรณ์อากาศ และสภาพอากาศพร้อมสนับสนุนข้อมูลคาดหมายลักษณะอากาศ เพื่อประกอบการพิจารณาสั่งการและดำเนินงานตามมาตรการ ภายใต้แผนปฏิบัติการ “ขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ” เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่อง

อธิบดีคพ. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยารายงานสถานการณ์ช่วงนี้ ยังคงมีการสะสมตัวของฝุ่นละอองในหลายพื้นที่ เนื่องจากมีลมสงบ จนกระทั่งในช่วงเที่ยงของวันนี้ เมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ลมตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งลมที่พัดปกคลุมบริเวณดังกล่าวเป็นลมอ่อน และมีปริมาณฝนบางพื้นที่เท่านั้น ทำให้ฝุ่นละอองยังคงสะสม ในวันที่ 20 – 23 ม.ค. 63 อย่างไรก็ตาม คพ. ยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสาธารณชนทราบเพื่อจะได้ดำเนินการเข้าไปบรรเทาสภาพปัญหา และเพื่อให้ประชาชนใช้เป็นข้อมูลในการดูแลตนเองต่อไป