โบท็อกซ์ต้องชิดซ้าย ร้อยไหมต้องชิดขวา เมื่อเจอ “ไวรัส” หยุดความแก่!

โบท็อกซ์ต้องชิดซ้าย ร้อยไหมต้องชิดขวา เมื่อเจอ “ไวรัส” หยุดความแก่!

มนุษย์ทุกคนต่างเกิดจากส่วนประกอบเล็กๆที่เรียกว่าเซลล์จำนวนนับล้านเซลล์ประกอบกันขึ้นมาเป็นร่างกาย เซลล์เหล่านั้นต่างก็สามารถที่จะเจริญเติบโต เพิ่มจำนวนหรือเสื่อมสภาพลงได้ตามอายุที่มากขึ้น และเมื่อมนุษย์เราแก่ตัวลงเซลล์จะเริ่มมีการทำงานที่ผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆตามมา เนื่องจากความแข็งแรงของเซลล์และระบบภูมิคุ้มกันนั้นเริ่มเสื่อมสภาพลง ดังนั้นการหาวิธีการเพื่อให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรงและสามารถใช้ชีวิตในช่วงวัยหนุ่มสาวให้ได้นานที่สุดจึงเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างให้ความสนใจ และจากการศึกษาล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์พบว่า เราสามารถใช้ไวรัสมาช่วยชะลอการแก่ตัวของเซลล์ได้

จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัย Virginia นำโดย "Holly Whitton" พบว่าความผิดปรกติของเซลล์เกิดจากการที่นิวคลีไอซึ่งอยู่ในเซลล์เกิดความเหี่ยวย่นเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากโปรตีนสำคัญที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบต่างๆภายในเซลล์อย่าง lamin มีจำนวนลดลง ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าในการป้องกันการแก่ตัวของเซลล์นั้นสามารถทำได้โดยการเติมโปรตีน lamin กลับเข้าไปในเซลล์เพื่อป้องกันการเหี่ยวย่นของนิวคลีไออันเป็นสาเหตุหลักของการแก่ตัวของเซลล์ที่จะส่งผลให้ร่างกายของมนุษย์เกิดการแก่ตัว ซึ่งในการเติม lamin เข้าไปในร่างกายนั้นสามารถทำได้ยากเนื่องจากเราต้องมั่นใจว่าโปรตีนดังกล่าวจะถูกลำเลียงเข้าไปยังเซลล์เป้าหมาย ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงได้ดัดแปลงไวรัสชนิดพิเศษที่สามารถลำเลียง lamin เข้าไปในเซลล์ได้โดยตรง  โดยในขั้นต้นการใช้ไวรัสเพื่อขนส่ง lamin จะถูกนำมาทดสอบกับเซลล์ตับ เนื่องจากหากเราสามารถป้องกันการแก่ตัวของเซลล์ตับได้ก็จะสามารถป้องกันการเกิดเซลล์ไขมันในตับที่จะพัฒนาไปเป็นโรคไขมันพอกตับต่อไปได้ 

เมื่อเราพบว่าการใช้ไวรัสเป็นตัวขนส่งโปรตีน lamine เข้าไปในเซลล์จะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์นั้นๆเกิดการเสื่อมสภาพหรือแก่ลงได้ ด้วยวิธีการเช่นนี้ เราอาจพบทางสว่างในการคงความเป็นหนุ่มสาวในทุกส่วนของร่างกายเอาไว้ได้อีกยาวนาน แต่อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ก็ยังคงจำเป็นจะต้องมีการทดลองซ้ำอีกหลายครั้งบนเซลล์ของอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายเพื่อให้มั่นใจว่า เราจะสามารถใช้เชื้อไวรัสในการแก้ไขความชราภาพได้จริง 

อ้างอิงและเครดิตภาพ news.virginia.edu

โดย Mr.Vop