เวลาคนมีความรักมักจะมีอาการเวิ่นเว้ออย่างเด็ดกลีบดอกไม้ เฝ้าคิดว่าเค้าจะรักเราหรือเปล่า..
love me..love me not..love me..love me not
การคิดวนทั้งที่ไม่จำเป็นแบบนี้…นี่แหละสิ่งที่เรียกว่า ความเวิ่นเว้อ
สื่อสมัยนี้เปิดพื้นที่ให้เราแชร์ความเพ้อของตัวเองมากกว่าแค่การเด็ดดอกไม้อยู่คนเดียว
ทั้งการตั้งสเตตัส เขียนคำคม ยิงมุข ไปจนถึงแต่งนิยายเป็นเรื่องเป็นราว
เรามองหาคนแชร์โมเม้นท์ฟินๆเวลาสมหวังและรับฟังเราระบายเวลามีเรื่องผิดหวัง
ถ้าการเวิ่นเว้อมีแค่เรื่องความรักที่ทำให้โลกนี้มีแต่สีชมพูก็คงจะดี
แต่เมื่อเรามักมีโมเม้นท์เพ้อไปเรื่อยในเรื่องที่กังวล ไม่สบายใจ
จะทำยังไงให้การ ‘เวิ่นเว้อ’ ของเรา ‘เยิ่นเย้อ’ แต่พอดี
การเพ้อของคุณอยู่ในโหมด Default หรือเปล่า ?
เมื่อรู้สึกอะไรก็พร้อมพิมพ์ระบายทันที
คุณเป็นหนึ่งคนที่พร้อมหยิบมือถือขึ้นมาตั้งสเตตัสเวลาเจอเรื่องไม่ถูกใจ
และอยากแชร์ความเพ้อเจ้อของเราให้คนรู้โดยทั่วกันหรือเปล่า
การบ่นไปเรื่อยช่วยให้เราสบายใจแต่บางครั้งก็ไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคนในเวลาที่เรา…
‘รักจนตาบอด’ ‘โกรธจนหน้ามืด’ หรือ ‘ดำดิ่งลงไปในอารมณ์’ มากเกินไป
เวลา ‘รู้สึก’ กับเรื่องไหนมากๆ เรามักจะมีสติน้อยลง ถูกอารมณ์บดบังจนคิดวน คิดซ้ำๆ
อาจพูดได้ว่า สมองเราอยู่ในช่วงเฉื่อยชา (passive) มักเผลอพรั่งพรูความในใจออกมามากมายจนลืมตัว
ยิ่งเวลาอารมณ์ขุ่นมัว ลึกๆแล้วเรามักอยากให้คนเข้าข้าง ‘ความเวิ่นเว้อ’ ที่เราระบายออกไป
พอมีคนคิดต่าง คอมเมนท์ไม่ถูกใจ จึงเกิดเป็นเรื่องราวที่ต่อความยาว สาวความยืดไม่สิ้นสุด
ว่ากันว่าไม่ว่าจะเป็นคนเก่ง หรือมั่นใจในมุมมองของตัวเองแค่ไหน
หากลองไปเวิ่นเว้อใน twitter และ ติด # หัวข้อที่มีคนแสดงความคิดเห็นกันเยอะในขณะนั้น
ย่อมมีโอกาสเจอคนที่มีความคิดเห็นตรงข้ามอย่างแน่นอน
สิ่งที่พึงระวังไว้เวลา เพ้อเจ้อ บ่นไปเรื่อยก็คือการยึดมั่นว่าสิ่งที่เราคิดถูก
และใจร้อนตอบโต้แบบก้าวร้าว (Aggressive) ต่อคนที่คิดต่าง
เวิ่นแบบมีสติ
จะเป็นไปได้ไหมถ้าเราไม่ปล่อยให้อารมณ์นำทางมากเกินไปเวลาเปิดโหมดเวิ่นเว้อ
ความจริงแล้ว การระบายความรู้สึกอาจแยกได้เป็นสองแบบคือ
เขียนเพื่อตกผลึกกับตัวเองหรือแสดงความเห็น กับเขียนไปเรื่อยๆอย่างใส่อารมณ์และไม่มีจุดหมาย
ถ้าเราอยากระบายเพื่อเปลี่ยนความรู้สึกจากหนักเป็นเบา
การได้แชร์ก็ช่วยให้สบายใจขึ้นและน่าจะได้คำแนะนำดีๆจากมุมมองคนอื่น แม้ความคิดเราจะยังวนอยู่ในอ่าง หรือ เพ้อยาวอยู่บ้างก็ตาม แต่การเวิ่นเว้ออีกแบบที่ปล่อยให้อารมณ์นำทางมากจนเกินไป
นอกจากไม่ได้แก้ปัญหาแล้วยังเปลี่ยนเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ในหลายๆครั้ง
คงไม่มีใครที่สามารถอารมณ์ดีได้ทุกวัน หรือ ไม่มีช่วงอยากระบายเลย
ขึ้นชื่อว่า ‘เวิ่นเว้อ’ เมื่อเริ่มบ่นก็อยากพูดไปเรื่อยเปื่อย
แต่หากพยายามไม่ใช้อารมณ์มากเกินไปและมีสติตลอดเวลา
เราอาจไม่ต้องกระโจนเข้าไปในโหมดเวิ่นเว่อตั้งแต่ต้นก็ได้
อย่าปล่อยให้ความเวิ่นเว้อเป็นโหมด Default แต่
พยายามเปิดใช้เฉพาะที่จำเป็นนะคะ
ที่มา
http://www.superversivesf.com/2018/07/26/social-media-whining/
https://www.yourcourageouslife.com/the-truth-about-whining-complaining-bitching-moaning/
About Me
Instagram: http://www.instagram.com/faunglada
Facebook: https://www.facebook.com/LDAWorld/
Youtube: https://www.youtube.com/ldaworld
Twitter: @faunglada
Website: www.ldaworld.com
N_Tansuwannarat "เวิ่นเว้อ" กับ "เพ้อเจ้อ" สองคำนี้มีจุดเริ่มต้นที่ "ความคิด" และสองคำนี้มีจุดจบที่ "ความรู้สึก" เสมอ
05 ก.ย 2562 เวลา 12.23 น.
Wendy💕Winery RealEs. ไม่มี facebook เลยคะ ไม่เคยอ่าน ไม่มีเวลาอ่านเรื่องพวกนี้ ทำให้เกิดพลังงานลบเเละเสียเวลาเปล่าๆเนอะ ส่วนตัวไม่เคยเขียนเวิ่นเว้อเพ้อเจ้อด้วยคะ เสียเวลาชีวิต
07 ก.ย 2562 เวลา 16.35 น.
บางคนเขาระบาย
อารมณ์เพื่อคลายความตรึงเครียด
ก็อย่าด่าเขา..ครับ
เราไม่จำเป็นต้องอ่านเม้นของเขาก็ได้
เรื่องภายในใจเขาอาจจะไม่มีแค่เรื่องเดียว
อย่างที่เราคิด
05 ก.ย 2562 เวลา 15.10 น.
ควรมีสติก่อนที่คิดจะทำอะไร เพราะไม่เช่นนั้นก็อาจทำให้เสียความรู้สึกได้เหมือนกัน.
05 ก.ย 2562 เวลา 13.46 น.
ครับ
08 ก.ย 2562 เวลา 11.46 น.
ดูทั้งหมด