6 มิ.ย.63 - นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้ เมื่อวานเฟซบุ๊กแชร์ความทรงจำเก่าครบ 1 ปีที่ผมเคยเขียนถึงอดีตนายกอภิสิทธิ์ ในวันที่ท่านตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งสส. เป็นความทรงจำที่เข้ามาในช่วงเวลาที่ผมเชื่อว่าหลายคนมีความรู้สึกถดถอยต่อสภาพการเมืองในปัจจุบัน ที่ธรรมาภิบาลกลายเป็นแค่ลมปาก อำนาจนิยม และผลประโยชน์กลับมาเป็นใหญ่ พรรคแกนนำรัฐบาลเล่นเกมอำนาจท่ามกลางความทุกข์ยากของประชาชน ขณะที่คนบางกลุ่มพยายามตีความกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ความฟอนเฟะของการเมืองในปัจจุบันทำให้หลายคนโหยหานักการเมืองที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเส้นทางการเมืองที่ท่านพยายามสร้างให้เป็นทางออกของคนไทย จึงขออนุญาตนำบทความนี้มาเผยแพร่อีกครั้ง โดยหวังว่าจะทำให้คนไทยได้ฉุกคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และร่วมกันถางทางใหม่ให้การเมืองไทยเดินหน้าไม่ใช่ถอยหลังลงคลอง
“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้นแบบของนักการเมือง”
“คำประกาศลาออกจากส.ส.ของอดีตนายกอภิสิทธิ์ เพื่อรักษาสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชน ไม่ฝืนทนโหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีตามมติพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เพราะสังคมไทยกำลังขาดแคลนนักการเมืองคุณภาพ ที่ยึดมั่นอุดมการณ์และจริยธรรมทางการเมืองเป็นที่ตั้ง
สิ่งที่อดีตนายกอภิสิทธิ์ทำ พิสูจน์ให้สังคมไทยเห็นอีกครั้งว่า นักการเมืองที่ดีมีอยู่จริง นักการเมืองที่ไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตัว คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนรวมมีอยู่จริง นักการเมืองที่ยึดอุดมการณ์ รักษาสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับประชาชนมีอยู่จริง
แม้สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ อาจทำให้สังคมไทยยังมองภาพที่อดีตนายกอภิสิทธิ์ พยายามชี้ไม่ชัดเจน แต่ผมเชื่อว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้คนไทยจะประจักษ์ด้วยตัวเองว่า สิ่งที่อดีตนายกอภิสิทธิ์ ชี้ให้เห็นถึงการทำทุกวิถีทางทั้งอำนาจเงิน อำนาจรัฐ แทรกซึมสื่อมวลชน และทำลายองค์กรอิสระ เพื่อสืบทอดอำนาจ ซึ่งเคยเกิดขึ้นในปี 2548 ในวันที่ท่านยืนหยัดต่อสู้กับสิ่งที่เรียกว่าระบอบทักษิณ ได้ย้อนกลับมาเกิดอีกครั้งในยุคของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นพฤติกรรมของการต่อสู้กับบางสิ่งบางอย่าง แต่เมื่อได้อำนาจมาแล้วกลับทำเหมือนกันทุกประการ
สังคมไทยจะได้เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า การสร้างพื้นที่การเมืองใหม่ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ ด้วยการมีฝ่ายทำหน้าที่เป็นฝ่ายที่ 3 ที่เป็นกลาง พร้อมตรวจสอบรัฐบาล ถ่วงดุลย์การใช้อำนาจที่เกินขอบเขต มีความจำเป็น และพรรคประชาธิปัตย์จะได้ตระหนักว่า เส้นทางเล็ก ๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เติบโตไปเป็นทางสายหลักของประชาธิปไตย คือความสูญเสียที่พรรคมิอาจเรียกคืนได้
สังคมไทยจะเห็นชัดเจนขึ้นว่า เราได้สูญเสียโอกาสที่จะทำให้การเมืองไทยหลุดพ้นจากการถูกบีบบังคับด้วยการเลือกข้างด้วยอารมณ์ ด้วยความเกลียดเผด็จการ หรือด้วยความกลัวทักษิณ ตั้งสติตัวเองกลับมายืนหยัดบนเหตุผลเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากความสุดโต่งที่กำลังกัดเซาะบ่อนทำลายสังคมอย่างน่ากลัวอยู่ในขณะนี้
อดีตนายกอภิสิทธิ์ คือต้นแบบของนักการเมืองที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยได้อย่างไม่มีที่ติ ยึดสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชน เหนือมติพรรคและผลประโยชน์ทางการเมือง การลาออกจากสส.เพื่อรักษาเกียรติภูมิของตัวเองในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ทำหนึ่งในบาปใน 7 ประการตามความหมายของมหาตมะคานธี คือ ไม่ทำการเมืองโดยปราศจากหลักการ นี่คือสิ่งที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยต้องยึดถือไปปฏิบัติ
ผมเชื่อว่าการลาออกจากส.ส.ของอดีตนายกอภิสิทธิ์ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดเส้นทางใหม่ให้การเมืองไทยมีทางเลือกเพิ่มขึ้น ที่จะนำประเทศไทยหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ นำชาติกลับสู่ความเป็นปกติสุขอีกครั้ง”
พรชัย แม้วอีกแล้วพรรคนี้/โยนขี้ให้คนอื่นทั้งชาติ
06 มิ.ย. 2563 เวลา 10.00 น.
huat ลาออกไปอยู่กับอภิสิทธชิครับอย่าอยูรกรัฐบาลเลยลาออกไปเลย
06 มิ.ย. 2563 เวลา 10.19 น.
Saksit Nakdang แสดงว่าบุคลากรในพรรค ปชป.ไม่ดีใช้ไหม ที่ไม่รักษาสัจจะ แล้วไปยกมือหนุนประยุทธ์เป็นนายก รวมทั้งนายเชาว์ด้วยใช้ไหม ไปเคลียร์ในพรรค ปชป.ก่อนดีไหม
06 มิ.ย. 2563 เวลา 10.03 น.
waratern ดีตรงทีไม่มีสสมาก เลยลาออก
ตอนมีอํานาจ ไม่ใช้เก่งตรงไหน
เรียนดี สรุปนักการเมืองประเทศไทย ไม่มีดีเลยมีเก่ง
สร้างภาพ ไม่ดีมากๆเลย
06 มิ.ย. 2563 เวลา 10.00 น.
ยังคงสโลแกน เอาดีใส่ตัว เอาชั่วไห้คนอื่น ได้แน่นอนมาก
06 มิ.ย. 2563 เวลา 10.40 น.
ดูทั้งหมด