ป้าเล่าชีวิตเอ็ม เคยติดกาว พ่อทิ้งตั้งแต่เด็ก แม่ติดเหล้า แต่ชีวิตพลิกจนร่ำรวย

ทีมข่าวไทยรัฐทีวี เดินทางไปยังซอยนวมินทร์ 26 แยก 6 หลังมีข้อมูลว่านายชัยชนะ ศิริชาติ หรือ เอ็ม มีครอบครัวอาศัยอยู่ภายในซอยแห่งนี้ เมื่อเข้าไปก็พบว่าเป็นชุมชนสามัคคีพัฒนา ที่มีบ้านเรือนค่อนข้างแออัด จึงไปสอบถามจากชาวบ้านว่า บ้านของนายเอ็ม อยู่ตรงไหน และเคยเห็นนายเอ็มหรือไม่ ชาวบ้านบอกว่า เคยเห็นนายเอ็มขี่รถจักรยานยนต์เข้าออกในชุมชนอยู่

พร้อมบอกว่าบ้านของนายเอ็มอยู่ท้ายชุมชน ติดกับบึงน้ำ ทีมข่าวจึงเดินทางเข้าไป พบว่าเป็นบ้านไม้ มีประตูเหล็กปิดไว้ และมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ จึงสอบถามว่าใช่บ้านของนายเอ็มหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ไม่ใช่บ้านของนายเอ็ม แต่นายเอ็มเคยมาอาศัยอยู่ที่นี่ และย้ายออกไปนานแล้ว เธอเป็นป้าของนายเอ็ม นายเอ็มได้มาขอเอาชื่อเข้าในทะเบียนบ้านเธอ เพราะนายเอ็มถูกพ่อทิ้งไปตั้งแต่เด็ก ส่วนแม่ก็ไม่ค่อยสนใจ ชอบดื่มสุราจนมึนเมา ไม่ค่อยเลี้ยงดู และเคยนำนายเอ็มไปให้คนอื่นดูแล 

เมื่อครั้งที่นายเอ็มมาอาศัยอยู่นั้น เอ็มเป็นคนดี อ่อนน้อมถ่อมตน ขยันทำงานรับจ้าง เพราะเรียนจบเพียงแค่ชั้น ป.4 และมีอยู่ช่วงหนึ่งนายเอ็มติดดมกาว จนมีสภาพร่างกายที่ทรุดโทรม แต่แล้วนายเอ็ม ตัดสินใจเข้ารับการบำบัดกับมูลนิธิแห่งหนึ่ง จนสามารถเลิกได้ และได้รับความรู้ต่างๆ จากมูลนิธิฯ นี้ เมื่อออกมาก็ไปทำงานเกี่ยวกับหุ้น ทำให้มีเงินทองจำนวนมาก แต่นายเอ็มก็ไม่ได้กลับมาที่บ้าน หรือติดต่อกลับมา มีเพียงเข้ามาหาเพื่อนในชุมชน และบอกเพื่อนว่าห้ามบอกเธอว่านายเอ็มเข้ามา แต่ตนและครอบครัวก็ไม่ได้สนใจ

ตอนทราบข่าวก็รู้สึกตกใจและสงสารนายเอ็ม แต่ไม่ทราบถึงสาเหตุที่ลงมือ แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากเรื่องความรักจากผู้หญิงที่เห็นในเฟซบุ๊กของนายเอ็ม เพราะเคยเห็นว่าทั้งคู่เคยคบและเลิกกัน และกลับมาคบกันอีก ซึ่งนายเอ็มรักผู้หญิงคนนี้มาก และอาจจะหมดเงินไปเยอะกับผู้หญิงคนนี้ เพราะนายเอ็มเป็นคนหัวอ่อน และไว้ใจคนอื่น

จากนั้นทีมข่าว ไปที่ซอยหทัยราษฎร์ 25 ซึ่งเป็นซอยที่อยู่ของแม่นายเอ็ม เมื่อไปถึงก็พบว่า เป็นร้านขายอาหารตามสั่ง จึงเข้าไปสอบถามจากนางรำไพ สิงห์โห บอกว่าเป็นแม่ของนายเอ็ม โดยเปิดเผยว่า เลี้ยงดูนายเอ็มตั้งแต่เด็กจนถึงอายุ 5 ขวบ จากนั้นก็ไม่ได้เลี้ยงดูเพราะสามีทิ้งไป และยืนยันว่าไม่เคยนำลูกชายไปให้คนอื่นดูแลหรือนำไปขายให้กับคนอื่น และไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว แต่ล่าสุดได้เจอกันในงานศพของญาติเมื่อปีที่แล้ว และเพิ่งทราบข่าวก็รู้สึกตกใจและสงสารลูกชายมาก แต่ยังไม่มีโอกาสไปเยี่ยม

ขณะที่เพื่อนของนางรำไพ เปิดเผยว่า รู้จักกับนางรำไพ มาได้ประมาณ 6-7 ปี แล้ว โดยครั้งแรกที่พบกันนั้น ขณะที่ขายอาหารอยู่นั้น ได้เห็นนางรำไพ เมาสุราเดินอยู่ริมถนน จึงสอบถามว่าทำไมนางรำไพถึงเมาสุรา นางรำไพก็ไม่ได้ตอบ จากนั้นวันต่อมานางรำไพก็จะมาหาที่ร้าน จึงตัดสินใจให้ช่วยงานอยู่ที่ร้าน และนางรำไพเคยช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาลเมื่อครั้งเจ็บป่วย ซึ่งนางรำไพก็ไม่ค่อยจะพูดให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องลูก บอกเพียงแต่ว่าติดต่อลูกไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมานายเอ็ม เคยขับรถยนต์มาหานางรำไพ แต่พบว่านางรำไพเมาสุรา จึงไม่ยอมเข้าหา ตัดสินใจเดินทางกลับทันที เพราะรับไม่ได้ที่นางรำไพมีสภาพแบบนี้